เนตรพินิจพิสหทัยปรารถนา
ดุจปานว่าบุปผาพิภพสวรรค์
เสาวภาคย์มากเสน่หารำพัน
สนิทขวัญแน่นเนื้อเหนือชีวา
รสสุคนธมาลย์หวานลึกซึ้ง
ตราตรึงต้องจิตห่วงโหยหา
อบอวลชวนฝันหวั่นจินตนา
ทั้งดวงตาพาชื่นรื่นหฤทัยรัญจวน
ต้องโอษฐ์นาสิกระริกระรี้
ปักดวงฤดีไขว่คว้าโหยหวน
ทิพยสุขชี้ที่นี่แท้แน่กระบวน
คู่ควรแด่ชีพชื่นวิญญาณ
แต่แล้วขวัญแก้วแผ่วลางร้าย
มลายสุคนธมาลย์ปานสิ้นหวาน
เรืองรุจีมีไหนนั่นอันตธาน
ก็ร้าวรานดุจมีดกรีดอุรา
นัยตาจึงพร่าปิดเนตรสิ้น
ชีวินดับดิ้นดวงแดแพ้รักษา
หายเหือดแห้งเรี่ยวแรงกายา
อนิจจาสวรรค์นั้นอุปทาน
บัดนี้มีหรือมิเหลือแล้ว
ดวงแก้วปัญญาถูกเผาผลาญ
ศาสตร์แลศิลป์สิ้นเชี่ยวลืมชาญ
แหลกลานดับดวงทั้งทรวงใน
สรวงสวรรค์นั่นแท้อเนถอนาถ
ผิกพลาดตกนรกหมกไหม้
หวานแท้แต่พ่ายพิษโพยภัย
ดวงหฤทัยเหลือไว้ให้ทรมาน
ความหมายมากมายสลายสิ้น
มิเหลือกลิ่นรูปรสสังขาร
เดิมดั่งเทพเทวามาเปรียบปาน
กับเป็นยักมารดาลเดือดเลือดเย็น
เพราะหลงจักรปักใจใช่บุปผา
ด้วยตัญหาเกิดพามาทุกข์เข็ญ
สุดท้ายร้ายคล้ายปราณสะท้านกระเด็น
กระเซ็นซ่านซมทรุดหลุดชีวา
มิเอ่ยเผยคำลำนำอ้าง
จักวางการกล่าวโทษทุกภาษา
เลือกเองร้ายวายวางมรณา
ตามกรรมโทษาในบาปเวร
สิตางศุ์
๐๗๑๒๒๕๕๔