"บทกลอนเพื่อสุขภาพ"
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 05:18:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 2 3 [4]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "บทกลอนเพื่อสุขภาพ"  (อ่าน 95200 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
26 กุมภาพันธ์ 2012, 07:56:AM
บูรพาท่าพระจันทร์
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 848
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,717


ผู้นิยม..ชมรส..บทกานท์กลอน./


« ตอบ #60 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 07:56:AM »
ชุมชนชุมชน





ฉลองกัน


คติไทย ใช้เทียบ เปรยเปรียบพจน์
นำซึ่งรส เค็มปาก ฝากให้คิด
เพื่อเตือนตน สนใจ นำใส่จิตต์
แล้วลิขิต เขียนคำ พร่ำวลี

อันความดี มีไว้ ให้รักษา
อย่าเลิกรา ซาจาก ปล่อยพรากหนี
สู้ถนอม พร้อมถึง ซึ่งความดี
เช่นเกลือนี้ มีไว้ ไซร้ความเค็ม.../



 เคารพรัก

บูรพาท่าพระจันทร์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รัตนาวดี, panthong.kh, อริญชย์, ..กุสุมา.., รพีกาญจน์, สล่าผิน, สะเลเต, sunthornvit, พี.พูนสุข, สิงขร, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"สั้น-ตรงเป้า-เร้าใจ"
26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:16:AM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #61 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:16:AM »
ชุมชนชุมชน



เป็นยาดี ผีบอก มิหลอกแน่
ของไทยแท้ มะมุ่ย ลุยขยัน
ยกต่อยก หกเจ็ด สะเด็ดมัน
ค่ำ-ไก่ขัน-ตะวันโด่ง มิลงเรือน

อุตริ มิรู้ ฟังปู่(ต๋าคำ)ว่า
กลางกุมภา ผลดก ตกกลาดเกลื่อน
หรือถูกไฟ ไหม้แห้ม เป็นแรมเดือน
ช้างม้าเยือน คุ้ยแคะ และเล็มกิน

สัตว์พิลึก คึกคัก จักชูหาง
คนเอาบ้าง ลองดะ สมถวิล
ปากต่อปาก ฝากมั่ว ทั่งธานิน
นานลืมสิ้น ว่าพิษ ไร้ฤทธิ์ยา

ไม่จำเป็น เห็นทึ่ง พึ่งฝรั่ง
แขกอาบัง จีน.ใช้ ไวอากร้า
ทั้งปู่เซิน เมินไวน์ ว่านสุรา
เสียเงินตรา เจอปลอม ย้อมขายมี

บดเป็นผง ลงคน ปนน้ำผึ้ง
บีบมะนาว นิดหนึ่ง รสถึงที่
ตอนท้องเปล่า เข้าไส้ ซึมได้ดี
วันสามสี่ ช้อนโต๊ะ โจ๊ะพรึมพรึม

เรื่องนิยม ชมใด ใครอย่าว่า
ก่อนชรา เท่งทึง จึงขอปลื้ม
รักสนุก ทุกวัน มันสบึมส์
จะมิลืม เธอจ๋า หมามุ่ยเอย

 ส่งจูบจ้ะ

รพีกาญจน์ 59
[/quote]

สรรพคุณ หมามุ่ย เจอลุยแหลก
มันช่างแปลกจริงๆ ยิ่งอกเอ๋ย
เติบโตได้ ใหญ่มา พึ่งจะเคย
ไฉนเลย ฤทธิ์ยา ว่ามากมี

แต่อย่างไร คงไม่ กล้าทานดอก
กลัวโดนหลอก บอกว่า ไม่กล้านี่
แต่ถ้าเป็น ยาใจ พี่รพีฯ
น้องยินดี กินหมด แม้ปลดปลง
พันทอง



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, ..กุสุมา.., รพีกาญจน์, สล่าผิน, อริญชย์, สะเลเต, sunthornvit, พี.พูนสุข, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:25:AM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #62 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:25:AM »
ชุมชนชุมชน


ฉลองกัน

คติไทย ใช้เทียบ เปรยเปรียบพจน์
นำซึ่งรส เค็มปาก ฝากให้คิด
เพื่อเตือนตน สนใจ นำใส่จิตต์
แล้วลิขิต เขียนคำ พร่ำวลี

อันความดี มีไว้ ให้รักษา
อย่าเลิกรา ซาจาก ปล่อยพรากหนี
สู้ถนอม พร้อมถึง ซึ่งความดี
เช่นเกลือนี้ มีไว้ ไซร้ความเค็ม.../

 เคารพรัก

บูรพาท่าพระจันทร์



ฟังมธุรส วาจา คราได้คิด
คนสนิท ชิดชอบ มอบมาเข้ม
พี่บูรฯ จ๋า เช้านี้ มีจัดเต็ม
ไม่แทะเล็ม เหมือนเก่า ดูเศร้าไป

พูดเรื่องเค็ม น้องนี้ มีมากเหลือ
ยิ่งกว่าเกลือ นะพี่ รู้ใช่ไหม
ไปทานข้าว สิบครั้ง มิจ่ายไง
พอเก็บตังค์ ทำเฉไฉ ไปห้องน้ำ

เพื่อนคอย สรรเสริญ เยินยอต่อตลอด
จนเขาปอด แล้วหนา คราชอกช้ำ
ชวนทีไร ส่ายหน้า พาระกำ
แค่พูดเล่น ขำขำ แต่ทำจริง
พันทอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, ..กุสุมา.., yaguza, รพีกาญจน์, สล่าผิน, สะเลเต, sunthornvit, พี.พูนสุข, อริญชย์, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:41:AM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #63 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:41:AM »
ชุมชนชุมชน

พิษพืชผัก มักร้าย แค่ภายนอก
มิช้ำชอก ยอกใจ ภัยอิตถี
หลากหลากชาย หลายท่าน รู้กันดี
พิษสตรี มีมาก จนยากจำ

คงต้องค้ำ ทำพลัน ประกันชีพ
ต้องเร่งรีบ ช้าไป ใจถลำ
แม่พันทอง ร้องครวญ ชวนเต้นรำ
หากมิทำ ค่ำนี้ อีเอาตาย

อันหมามุ่ย คุ้ยมา หมอยาบอก
นำเม็ดออก ขยอกตำ ให้คว่ำหงาย
เสร็จคั่วกิน สิ้นละ จะสบาย
หากเป็นชาย ควายวัว ต้องกลัวเกรง

กินเสร็จสรรพ ขยับลอง พันทองจ๋า
มามะมา ช้าไย ให้ตรงเผง
ขอเชิญชวน นวลน้อง มาร้องเพลง
ตัวพี่เอง บรรเลงเร้า เจ้านอนดู หน้าโคตรลามกน้ำยายไหย.../

 เคารพรัก ชอบใจๆ เคารพรัก

บูรพาท่าพระจันทร์

[/quote]

ฤทธิ์หมามุ่ย หรือสุรา ค่ะคุณพี่
มาชวนเล่น จ้ำจี้ นี้เป็นคู่
พี่ช่างกล้า แน่นัก จักใคร่ดู
เดี๋ยวคุณ ปู่ สิ้นใจ วายชีวี

อย่ามาหา ว่าน้อง นี้ไม่เตือน
ถามเพื่อนเพื่อน พี่หน่อย ดีไหมพี่
เดี๋ยวมาตาย บนอก ของนารี
จะได้มี ข่าวพาดหัว  ตัวโตโต

ว่าคุณปู่ ซูซ่า น่าอนาถ
ถูกพิฆาต มาดว่า น่าโมโห
ตายบนอก ของหญิง เพราะอยากโชว์
หมามุ่ยโอ้ ฤทธิ์ยา น่าเศร้าจัง
พันทอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, ..กุสุมา.., yaguza, รพีกาญจน์, สล่าผิน, สะเลเต, sunthornvit, พี.พูนสุข, อริญชย์, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:56:AM
บูรพาท่าพระจันทร์
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 848
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,717


ผู้นิยม..ชมรส..บทกานท์กลอน./


« ตอบ #64 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 09:56:AM »
ชุมชนชุมชน


ฉลองกัน

คติไทย ใช้เทียบ เปรยเปรียบพจน์
นำซึ่งรส เค็มปาก ฝากให้คิด
เพื่อเตือนตน สนใจ นำใส่จิตต์
แล้วลิขิต เขียนคำ พร่ำวลี

อันความดี มีไว้ ให้รักษา
อย่าเลิกรา ซาจาก ปล่อยพรากหนี
สู้ถนอม พร้อมถึง ซึ่งความดี
เช่นเกลือนี้ มีไว้ ไซร้ความเค็ม.../

 เคารพรัก

บูรพาท่าพระจันทร์



ฟังมธุรส วาจา คราได้คิด
คนสนิท ชิดชอบ มอบมาเข้ม
พี่บูรฯ จ๋า เช้านี้ มีจัดเต็ม
ไม่แทะเล็ม เหมือนเก่า ดูเศร้าไป

พูดเรื่องเค็ม น้องนี้ มีมากเหลือ
ยิ่งกว่าเกลือ นะพี่ รู้ใช่ไหม
ไปทานข้าว สิบครั้ง มิจ่ายไง
พอเก็บตังค์ ทำเฉไฉ ไปห้องน้ำ

เพื่อนคอย สรรเสริญ เยินยอต่อตลอด
จนเขาปอด แล้วหนา พาชอกช้ำ
ชวนทีไร ส่ายหน้า พาระกำ
แค่พูดเล่น ขำขำ แต่ทำจริง
พันทอง


ยิ่งกว่าเกลือ เชื่อไหม ใคร่เรียกพี่
เกลือต้องลี้ หนีไกล กลัวไล่สิง
ความเค็มน้อง ต้องตา ยิ่งกว่าปลิง
หากหวังอิง หญิงพันฯ ฉันขอลา

ชวนแทะเล็ม เค็มปาก จึงอยากหลบ
หวังจะพบ สบหวาน พานเสาะหา
คบน้องพันฯ นั้นต้อง หมองอุรา
สิ้นเงินตรา พาเกลือ มาเจือจุน จ๊าก....กรูไม่อาว...../ 


 เคารพรัก แบร่ๆ เคารพรัก


บูรพาท่าพระจันทร์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, ..กุสุมา.., yaguza, รพีกาญจน์, สล่าผิน, สะเลเต, sunthornvit, พี.พูนสุข, อริญชย์, Thammada

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"สั้น-ตรงเป้า-เร้าใจ"
26 กุมภาพันธ์ 2012, 10:18:AM
บูรพาท่าพระจันทร์
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 848
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,717


ผู้นิยม..ชมรส..บทกานท์กลอน./


« ตอบ #65 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 10:18:AM »
ชุมชนชุมชน

พิษพืชผัก มักร้าย แค่ภายนอก
มิช้ำชอก ยอกใจ ภัยอิตถี
หลากหลากชาย หลายท่าน รู้กันดี
พิษสตรี มีมาก จนยากจำ

คงต้องค้ำ ทำพลัน ประกันชีพ
ต้องเร่งรีบ ช้าไป ใจถลำ
แม่พันทอง ร้องครวญ ชวนเต้นรำ
หากมิทำ ค่ำนี้ อีเอาตาย

อันหมามุ่ย คุ้ยมา หมอยาบอก
นำเม็ดออก ขยอกตำ ให้คว่ำหงาย
เสร็จคั่วกิน สิ้นละ จะสบาย
หากเป็นชาย ควายวัว ต้องกลัวเกรง

กินเสร็จสรรพ ขยับลอง พันทองจ๋า
มามะมา ช้าไย ให้ตรงเผง
ขอเชิญชวน นวลน้อง มาร้องเพลง
ตัวพี่เอง บรรเลงเร้า เจ้านอนดู หน้าโคตรลามกน้ำยายไหย.../

 เคารพรัก ชอบใจๆ เคารพรัก

บูรพาท่าพระจันทร์



ฤทธิ์หมามุ่ย หรือสุรา ค่ะคุณพี่
มาชวนเล่น จ้ำจี้ นี้เป็นคู่
พี่ช่างกล้า แน่นัก จักใคร่ดู
เดี๋ยวคุณ ปู่ สิ้นใจ วายชีวี

อย่ามาหา ว่าน้อง นี้ไม่เตือน
ถามเพื่อนเพื่อน พี่หน่อย ดีไหมพี่
เดี๋ยวมาตาย บนอก ของนารี
จะได้มี ข่าวพาดหัว  ตัวโตโต

ว่าคุณปู่ ซูซ่า น่าอนาถ
ถูกพิฆาต มาดว่า น่าโมโห
ตายบนอก ของหญิง เพราะอยากโชว์
หมามุ่ยโอ้ ฤทธิ์ยา น่าเศร้าจัง
พันทอง


เอียงหูมา ป๋าจะบอก ใช่หลอกเจ้า
มิได้เฒ่า เก่าแย่ แต่ยังขลัง
ปี๊บกี่ใบ ไม่รู้ ปู่เตะพัง
ปู่เตะปัง ดังสนั่น ชวนขวัญบิน

อันน้องพันฯ นั้นหนา มาท้ายแถว
ต้องนั่งแกร่ว แล้วนิ อย่าติฉิน
ถึงคิวน้อง ร้องไป คงได้ยิน
หากยุพิน ยังประสงค์ คงต้องรอ ขำขี้แตกขี้แตน.../


 เคารพรัก เคารพรัก


บูรพาท่าพระจันทร์







ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, รพีกาญจน์, สะเลเต, ..กุสุมา.., sunthornvit, พี.พูนสุข, อริญชย์, สิงขร, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

"สั้น-ตรงเป้า-เร้าใจ"
26 กุมภาพันธ์ 2012, 03:36:PM
รพีกาญจน์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 3482
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,752


ทุกคนมีเครดิต แต่ทำลายได้ง่าย สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก


« ตอบ #66 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 03:36:PM »
ชุมชนชุมชน


สรรพคุณ หมามุ่ย เจอลุยแหลก
มันช่างแปลกจริงๆ ยิ่งอกเอ๋ย
เติบโตได้ ใหญ่มา พึ่งจะเคย
ไฉนเลย ฤทธิ์ยา ว่ามากมี

แต่อย่างไร คงไม่ กล้าทานดอก
กลัวโดนหลอก บอกว่า ไม่กล้านี่
แต่ถ้าเป็น ยาใจ พี่รพีฯ
น้องยินดี กินหมด แม้ปลดปลง
พันทอง


วิญญาณปู่ รู้ตาย หายจากร่าง
หวังเพียรสร้าง บารมี ที่ประสงค์
ชดใช้กรรม ทำเอา เขาสิ้นลง
เจ้านายส่ง เป็นทหาร รานตีเมือง

อายุกาล ผ่านมา ห้าร้อยขวบ
จะขอรวบ ตัดความ ตามท้องเรื่อง
อันตำรา ยาดี มีนานเนือง
ความปราดเปรื่อง เก่ากรุ คนบุราณ

เขาสังเกต เหตุสัตว์ กัดกินพืช
พิษถมถืด มากมาย หลายขนาน
กินแล้วเกิด เคลื่อนไหว ในอาการ
เป็นตำนาน พานผูก เป็นหยูกยา

ที่บรรเลง เพลงไป มิใช่หมอ
อยากจะขอ ร่วมแจม แถมหรรษา
อยากมีแควน แฟนรัก สักคนมา
นวดแข้งขา คางคอ พอบรรเทา

หกสิบปี ชีวิต มิคิดใช้
สมุนไพร ว่านผัก หมักดองเหล้า
เพียงชื่นชม ดมนิด สะกิดเบา
เจ้านกเขา หัวชัน ขันจุ๊กกรู

 ชอบใจๆ

รพีกาญจน์ 59

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : panthong.kh, อริญชย์, สะเลเต, ..กุสุมา.., บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, พี.พูนสุข, สิงขร, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กุมภาพันธ์ 2012, 04:03:PM
panthong.kh
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2989
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 8,676



« ตอบ #67 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 04:03:PM »
ชุมชนชุมชน



วิญญาณปู่ รู้ตาย หายจากร่าง
หวังเพียรสร้าง บารมี ที่ประสงค์
ชดใช้กรรม ทำเอา เขาสิ้นลง
เจ้านายส่ง เป็นทหาร รานตีเมือง

อายุกาล ผ่านมา ห้าร้อยขวบ
จะขอรวบ ตัดความ ตามท้องเรื่อง
อันตำรา ยาดี มีนานเนือง
ความปราดเปรื่อง เก่ากรุ คนบุราณ

เขาสังเกต เหตุสัตว์ กัดกินพืช
พิษถมถืด มากมาย หลายขนาน
กินแล้วเกิด เคลื่อนไหว ในอาการ
เป็นตำนาน พานผูก เป็นหยูกยา

ที่บรรเลง เพลงไป มิใช่หมอ
อยากจะขอ ร่วมแจม แถมหรรษา
อยากมีแควน แฟนรัก สักคนมา
นวดแข้งขา คางคอ พอบรรเทา

หกสิบปี ชีวิต มิคิดใช้
สมุนไพร ว่านผัก หมักดองเหล้า
เพียงชื่นชม ดมนิด สะกิดเบา
เจ้านกเขา หัวชัน ขันจุ๊กกรู

 ชอบใจๆ

รพีกาญจน์ 59

[/quote]

นกเขาขัน กระชั้นเสียง เพียงอยากบอก
ยาผีหลอก มากมาย ร้ายอดสู
ทั้งยาหม้อ ยาหมอ รอมาดู
ให้ได้รู้ ว่ามีอยู่ สู้อดทน

นกเขานั้น ขันวัน ละสิบรอบ
ป๋าคงชอบ ตอบไป ว่าได้ผล
ทั้งน้ำหมัก ผักดอง สองอย่างปน
สุขเหลือล้น ทนดื่ม ปลื้มอุรา
พันทอง







ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : อริญชย์, สะเลเต, ..กุสุมา.., บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
26 กุมภาพันธ์ 2012, 05:40:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #68 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2012, 05:40:PM »
ชุมชนชุมชน



ขอบคุณภาพจาก อินเตอร์เน็ต




   ๐เกลือ:รักษาโรค๐

เกลือเค็มใช่เพียงว่าปรุงอาหาร
คนโบราณใช้เป็นยารักษาแผล
แก้ตะคริว คลื่นไส้ ใช้ได้แล
เป็นยาแก้พิษเบื่อร้ายให้หายดี

เกลือที่ใช้เป็นยา มี ห้า อย่าง
สินเธาว์บ้าง เกลือพิก เกลือวิก นี่
เกลือฝ่อ และท้ายสุด สมุทรี
เป็นเกลือมีสรรพคุณสมุนไพร

ยามเมื่อรับประทานอาหารเผ็ด
อมเกลือเม็ดเผ็ดหมดยิ้มสดใส
ดื่มสุราเมาค้าง ก็สร่างไป
หากรู้ใช้เกลือไซร้ สบายนาน

เกลือรักษาความเค็มไว้เต็มที่
เกลือจึงมีคุณค่ามหาศาล,
คนทำดีแล้วอย่าอันธพาล
จงรักษ์การทำดีไว้อย่าหน่ายเอย ฯ

                         อริญชย์
                  ๒๖/๒/๒๕๕๕


พุทธสุภาษิต
รกฺเขยฺย อตฺตโน สาธุ ลวณํ โลณตํ ยถา
พึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม


http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/12/K8676823/K8676823.html



http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD






เกลือ รักษาโรค
เขียนโดย webmaster เมื่อ อ, 05/31/2011 - 18:33
                                                                                                   

 

                                                                                                                   มูลนิธิสุขภาพไทย
 

        ดังที่ได้นำเสนอ เกลือคือสมุนไพร ในฉบับที่ผ่านมา ตามความรู้ในตำรับยาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ที่กล่าวถึงเกลือที่ใช้เป็นยามี 5 ประเภท คือ เกลือสินเธาว์ เกลือพิก เกลือฝ่อ เกลือสมุทรี และเกลือวิก ซึ่งแต่ละชนิดเกิดจากกระบวนการปรุงที่แตกต่างกัน จึงมีสรรพคุณแตกต่างกันไป ถือเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มีค่าต่อการนำมาใช้และศึกษาพัฒนาสืบไปอย่างยิ่ง
         ก่อนที่จะขยายความรายละเอียดในเกลือแต่ละประเภท ขอให้ผู้อ่านได้ทบทวนวิธีการเตรียมเกลือที่กล่าวไว้ในฉบับที่ผ่านมาด้วย
         การปรุงเกลือพิก (ในภาษาปัจจุบันเขียนว่า พริก) ให้เอาเกลือที่เตรียมไว้แล้วมากวนกับน้ำผึ้ง กวนให้แห้งประมาณ 3 วัน เกลือชนิดนี้มีรสขมเผ็ด เหตุนี้เองคนโบราณท่านจึงเรียกชื่อว่าเกลือพิก (พริก) ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เสียงดี ชุ่มชื่นในลำคอ
         การปรุงเกลือฝ่อ ให้เอาเกลือที่เตรียมไว้มากวนในน้ำนมวัวและน้ำมันงา กวนให้แห้ง ประมาณ 3 วัน เกลือนี้มีรสเค็มมัน โบราณท่านว่าใช้แก้โดยอนุโลมปติโลม แลแก้โรคอันเสียดแทง รู้บำรุงไฟธาตุ แลรู้แก้กุมารพรรดึก ตกมูก ความรู้นี้มีข้อแตกต่างจากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ที่เป็นหนึ่งในตำราหลักของยาไทย ที่กล่าวไว้ว่า “ให้เอาเกลือที่แบ่งไว้แล้ว 1 ส่วน มาแบ่งทำเป็น 2 ส่วน เอาน้ำมันงาเท่ากับเกลือ 1 ส่วน เอาน้ำมันเปรียงเท่ากับเกลืออีก 1 ส่วน ลงกวนให้ได้สามวันให้แห้ง จึงได้ชื่อว่าเกลือฝ่อ มีรสเค็มมัน สรรพคุณ แก้พรรดึก แก้มูกเลือด บำรุงไฟธาตุ แก้โรคอันเสียดแทง” วิธีการที่ต่างกันนี้ควรศึกษาค้นคว้าต่อไป
          การปรุงเกลือสมุทรี ให้เอาเกลือที่เตรียมไว้ลงกวนกับน้ำเยี่ยววัว ให้แห้ง ประมาณ 3 วัน เกลือชนิดนี้มีรสหวาน ทำให้อาหารงวด แก้ระส่ำระสาย บำรุงธาตุ แก้พรรดึก แลดีเดือด โรคบังเกิดแต่ตา ส่วนในแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์กล่าวไว้ มีความแตกต่างกันอีกว่า “เกลือสมุทรีมีรสเค็ม สรรพคุณ บำรุงธาตุทั้ง 4 แก้น้ำดี แก้ท้องมาน แก้โรคตา แก้เสมหะพิการ แก้บิดมูกเลือด บำรุงน้ำเหลือง”
           การปรุงเกลือวิก ให้เอาเกลือที่เตรียมไว้ลงกวนกับน้ำสุราให้แห้ง 3 วัน เกลือชนิดนี้ไม่ได้ระบุสรรพคุณไว้ในตำราของกรมหลวงวงษาธิราชสนิท แต่ในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์กล่าวไว้ว่า “เกลือวิกมีรสเค็มร้อน สรรพคุณ แก้อภิญญาณธาตุ แก้โรคท้องมาน แก้ไส้พองท้องใหญ่ กระทำให้ชุ่มชื้น”
จะเห็นได้ว่าการจดบันทึกของตำรายาต่าง ๆ ยังมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกันหรือมีข้อมูลที่เพิ่มเติมมา ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทยที่นำไปพัฒนาต่อยอดจากองค์ความรู้เดิม ทำให้ได้องค์ความรู้ใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องน่าจะได้ทำการสังคายนาในเรื่องเหล่านี้ เพื่อลูกหลานจะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
           นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญาที่สามารถแบ่งปันให้กับผู้สนใจได้รับทราบเกี่ยวกับการใช้เกลือสมุทรหรือเกลือแกงในการดูแลสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้แก่
           แก้ตะคริว ใช้เกลือละลายน้ำดื่มแก้ตะคริว บางท่านก่อนจะลงว่ายน้ำถ้าได้ดื่มน้ำเกลือก่อนจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริวได้
           แก้คลื่นไส้ และเมาสุรา ใช้เกลือ 1/2 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว ผสมกันแล้วดื่ม อาการคลื่นไส้จะหายไป แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ใช้เกลือเล็กน้อยละลายน้ำสะอาด 1 แก้ว ดื่มก่อนเข้านอนหรือตื่นนอนตอนเช้าแก้อาการร้อนในกระหายน้ำได้ผลดี
           รักษาโรคกระเพาะ ใช้เกลือ 1 ช้อนชา ละลาย น้ำ 1 แก้ว กินทุกเช้าหลังจากตื่นนอน ช่วยรักษาโรคกระเพาะได้ แก้เป็นลม เอาเกลือทะเลละลายกับน้ำร้อน หรือน้ำเย็นดื่มแก้อาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียน ตาลาย เพราะร่างกายอ่อนเพลียได้ผลดี
           แก้ถูกยาเบื่อ ใช้เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำอุ่น 1/2 แก้ว ให้รีบกินครั้งเดียวจะอาเจียนออกมา
แก้แผลปากเปื่อย ใส่เกลือบริเวณแผลแล้วอมไว้ ครั้งแรกจะรู้สึกแสบ ครั้งต่อไปแผลจะหาย
แก้เผ็ด (อันนี้ไม่ใช่เอาคืนใครที่มาแกล้งเรา) ถ้ากินอาหารรสเผ็ดจัด ๆ รู้สึกแสบที่ปาก ให้อมเกลือแล้วทิ้งไว้สักครู่ก็จะหาย
           ในมุมกลับ อาหารที่มีเกลือผสมอยู่จำนวนมากส่งผลต่อสุขภาพเช่นกัน ในเวลานี้คนไทยหรืออเมริกันป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวนมาก สาเหตุหนึ่งมาจากรับประทานเกลือมากเกินไป ทำให้มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น เมื่อความดันสูงก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้นตามไปด้วย เราสามารถลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงได้โดยการลดการกินเกลือ และอาหารรสเค็มๆทั้งหลาย
           เกลือ คือ สมุนไพรใช้รักษาโรคได้ ยามที่ท่านไม่สบาย แต่อาหารที่ท่านกินทุกวัน ต้องระงับใจไม่ติดในรสเค็มมากเกินไป เบาๆกับเครื่องปรุงรสต่างๆ กินก๊วยเตี๋ยวก็อย่าได้เหยาะน้ำปลามากเกินไป กินผลไม้สดๆ ก็เลี่ยงๆการจิ้มพริกเกลือบ้าง ที่สำคัญอาหารสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยวทั้งหลาย มักมีปริมาณเกลือสูงมาก ฉลากอาหารที่ติดในบรรจุภัณฑ์ก็อ่านยาก
           หาก อย. เห็นดีเห็นงามปรับปรุงฉลากอาหารแบบที่เมืองนอกเขาริเริ่มทำกันบ้างแล้ว โดยการแปลงค่า เกลือ ไขมัน และน้ำตาล เป็นแบบสัญลักษณ์ไฟจราจร ถ้าฉลากไหนติดสีเขียวแสดงว่าปริมาณผ่านฉลุย ถ้าไฟเหลืองก็พอรับได้ แต่ถ้าฉลากไหนมีค่าเกลือเป็นสีแดง แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นกินแล้วจะได้รับเกลือมากเกินไป
           เกลือ คือ สมุนไพร และกินเกลือเหมาะสมช่วยรักษาสุขภาพด้วย

 

หมายเหตุ : บทความและเนื้อหาของเว็บไซต์นี้ ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า



http://www.thaihof.org/frontherb/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ยามพระอาทิตย์อัสดง, สะเลเต, ..กุสุมา.., บูรพาท่าพระจันทร์, sunthornvit, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, ช่วงนี้ไม่ว่าง, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
01 มีนาคม 2012, 07:09:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #69 เมื่อ: 01 มีนาคม 2012, 07:09:PM »
ชุมชนชุมชน




ยอดต้นมะก่องข้าวแก้เบาหวาน
ยาพื้นบ้านของไทยสมัยเก่า
เด็ดสิบห้ายอดต้มทนขมเอา
ดื่มเย็น-เช้าไม่นานน้ำตาลลด!ฯ
   
                 อริญชย์
              ๑/๓/๒๕๕๕


http://news.sanook.com/region/region_65572.php

ทึ่ง!ต้นมะก่องข้าว แก้โรคเบาหวานได้   

 

โดย ข่าวสด วัน พฤหัสบดี ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2549 02:02 น.


   คอลัมน์ เป็นไปได้
ปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นโรคที่สำคัญโรคหนึ่งที่คนเป็นกันมาก แต่เดิมจะเป็นสำหรับคนที่อ้วนและผู้สูงอายุ ปัจจุบันคนผอม และคนอายุไม่มากนักก็เป็นเบาหวานได้ เป็นโรคที่เป็นแล้วโอกาสที่จะหายนั้นยาก นอกจากคอยควบคุมเอาไว้เท่านั้น
ด้านการรักษาในปัจจุบัน จะมีการรักษาทั้งทางด้านแผนปัจจุบัน และในเรื่องของยาสมุนไพร มียาสมุนไพรหลายชนิดที่สามารถแก้เบาหวานได้ แม้จะไม่หายขาด แต่ก็สามารถลดน้ำตาลลงได้มาอยู่ในเกณฑ์ที่หมอกำหนด ก็สามารถทำให้เราอยู่ได้ตลอดไป คนส่วนใหญ่ที่เป็นเบาหวานนั้นจะรักษากินยาทั้งแผนปัจจุบันและยาสมุนไพรควบคู่กันไป
มียาสมุนไพรตัวหนึ่งที่มีส่วนในการรักษาเบาหวานนั้นก็คือ ต้นมะก่องข้าว บางพื้นที่ก็เรียกกันว่า มะอุบข้าว แตกต่างกันไป ในที่นี้จะเรียกว่าต้นมะก่องข้าว ปัจจุบันทางเจ้าอาวาสวัดภูช้างน้อย ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย ได้นำต้นมะก่องข้าวมาทำการแปรรูปต้มเป็นน้ำชาใช้รับประทานและได้รับความนิยมจากผู้ได้ทดลองกินดูแล้วจำนวนมาก
พระอาจารย์กิตติพงษ์ กิตติสาโร เจ้าอาวาสวัดภูช้างน้อย กล่าวถึงเรื่องของสมุนไพร ต้นมะก่องข้าว ว่า ได้อ่านพบในหนังสือฉบับหนึ่งก็เกิดความสนใจ เนื่องจากสมุนไพรตัวนี้ เป็นสมุนไพรที่พบอยู่ตามป่าตามเขา ตามหัวไร่ปลายนาโดยทั่วไป จึงได้ออกตระเวนหา เอามาปลูกที่วัดและเอามาทำเป็นห่อต้มรับประทานแทนน้ำชา
หลายคนที่มาวัดก็ให้ชิมและให้ไปต้มกินหลายคนที่เป็นเบาหวาน เอาไปต้มกินแล้วน้ำตาลดลงได้ผลเป็นที่น่าพอใจ พระท่านบอก
ต้นมะก่องข้าวนั้นสามารถใช้ในการทำยาตั้งแต่รากจนถึงใบ และลูกดิบอ่อนก็สามารถกินได้ การทำก็เอาต้นมะก่องข้าวมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาตากแดดให้แห้งสนิท ถ้าไม่สนิทก็จะต้องอบให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราเมื่อเราจะเก็บไว้นานๆ หรือจะกินแบบสดๆ ด้วยการเด็ดใบมาต้มกินก็ได้
ต้นมะก่องข้าวนี้ จะมีความสูงเต็มที่ประมาณ 2 เมตร ลำต้นที่ใหญ่ที่สุดไม่เกิน 1.5 ซ.ม. แตกก้านออกลักษณะทรงพุ่มห่างๆ มีดอกสีเหลืองมีลูกออกมาทรงกลมตัดเป็นแฉกๆ ชอบขึ้นอยู่ตามป่าละเมาะ ริมลำห้วย หรือป่าที่ร่มรำไร มีอายุไม่เกิน 3 ปี สามารถขายพันธุ์ด้วยการเอาเมล็ดที่แก่แล้วมาปลูก นับเป็นยาสมุนไพรในเรื่องของโรคเบาหวาน
ลองต้มกินกันดู ส่วนจะได้ผลยังไงก็ต้องถามหมอ !!
หน้า 26    
       
   หน้านี้ถูกเปิดอ่านแล้ว ครั้ง

   อ่านข่าวทั้งหมดของ ข่าวสด ได้ที่นี่
 




http://www.sukhothaitc.ac.th/pramote/artical/pogpag.htm

โผงผาง   
        
ชื่ออื่น     มะก่องข้าว  ตอบแตบ  แอบข้าว  ตบตาบ สารข้าวเปลือก ครอบศรี   
        
ลักษณะ      เป็นไม้พุ่มลำต้นตรง มีกิ่งก้านมาก สูง 1 - 2 ม. ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ ผิวใบเรียบมีขอบหยักเล็กน้อย ปลายใบแหลม มีขนอ่อนปกคลุมทั่วใบ ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ กลีบดอกมีสีเหลือง ผลเมื่อแก่และแห้งจะแตกออกเอง ขอบผลจะเป็นครีบประมาณ 15 - 20 ครีบ ในแต่ละครีบจะมีเมล็ด 2 - 3 เมล็ด    
     
               
    
แหล่งที่พบ     ป่าโปร่ง และที่รกร้างทั่วไป   
        
ขยายพันธุ์       โดยเมล็ด   
        
ประโยชน์      ลำต้น บำรุงโลหิต ขับลม ช่วยย่อยและเจริญอาหาร  รากแก้โรคเกี่ยวกับหลอดลม  น้ำดี ปัสสาวะขุ่น  ใบหรือทั้งต้นต้มดื่มแก้โรคเบาหวาน ขับปัสสาวะ ใบตำพอกบ่มหนองให้สุกไว 




ข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าใครสนใจ ตามลิงค์นี้

ตามหาสมุนไพร.....มะก่องข้าว ...แก้โรคเบาหวาน


http://www.oknation.net/blog/lovelearnlife/2011/04/27/entry-2   
        

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, Design with love ᵔᴥᵔ, รพีกาญจน์, sunthornvit, ช่วงนี้ไม่ว่าง, สิงขร, Prapacarn ❀, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
04 มีนาคม 2012, 08:17:AM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #70 เมื่อ: 04 มีนาคม 2012, 08:17:AM »
ชุมชนชุมชน




“เครือหมาน้อย” ทำเป็นวุ้นมากคุณค่า
พันธุ์ไม้ป่าเถาเลี้ยวเลื้อยเกี่ยวไม้
“กรุงเขมา” เรียกทางภาคกลางไทย
เด็ดเอาใบปั่นกินเป็นยาเย็นเอย ฯ
                               อริญชย์
                            ๔/๓/๒๕๕๕




ปล.๑.๑.อาจมีชื่ออื่น ๆ ตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ใบกันปิด ขงเขมา เป็นต้น
ปล.๑.๒.สมัยก่อนใช้มือคั้นใบเอาน้ำผสมเครื่องปรุงตะไคร้หั่น พริกสด น้ำปลา เป็นหลัก พักไว้ประมาณ 10 นาที มันจะเป็นวุ้นแบบภาพข้างล่างแล้วใช้ช้อนักตักกิน  ปัจจุบันนิยมใช้เครื่องปั่นแทนการคั้นมือ



เครือหมาน้อย (กรุงเขมา) : วุ้นธรรมชาติ ยาเย็น แก้ไข้ แก้ปวด
เรื่องของเครือหมาน้อย...วุ้นธรรมชาติ
อาหารสุขภาพของชาติพันธุ์ ไทย-ลาว
ในสมัยเด็กเวลาเดินตามคันนาจะเห็นไม้เถาเลื้อยพันชนิดหนึ่ง ใบเป็นรูปหัวใจแต่โคนใบเป็นแบบก้นปิด หน้าใบและหลังใบมีขนปกคลุมหนา ชอบเอามือลูบใบของมันเล่นเพราะขนมันนุ่มเหมือนขนหมาน้อย แม่บอกว่ามันชื่อ เครือหมาน้อย และทำเป็นขนมวุ้นใส่น้ำเชื่อมกินได้ ยายเคยทำให้แม่กิน (ต้นตระกูลของคนตำบลเขาพระ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เป็นชาติพันธุ์ไทยลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัชกาลที่ ๓) พอโตขึ้นก็ไม่เคยเห็นเจ้าเครือหมาน้อยอีกเลย ไปพบเครือหมาน้อยอีกครั้งตอนไปเวียงจันทน์เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนพาแม่ไปเที่ยว ได้เห็นขนมวุ้นเขียวๆ เหมือนเฉาก๊วยสีเขียว แม่บอกว่านี่แหละคือ วุ้นเครือหมาน้อย จึงได้กินเครือหมาน้อยเป็นครั้งแรก รู้สึกเย็นชื่นใจ และเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๑ ได้กลับไปเวียงจันทน์อีกครั้ง และไปกินอาหารที่ร้านอาหารของสนามบินซึ่งบริการแบบบุฟเฟต์ ที่นี่มีวุ้นเครือหมาน้อยเป็นของหวานให้ตักกินด้วยเช่นกัน

เครือหมาน้อย...ยาเย็น แก้ปวดหลังปวดเอว แก้ไข้ แก้เจ็บคอ
หมอยาพื้นบ้านทุกภาคนิยมใช้รากเครือหมาน้อยเป็นยาแก้ปวดเมื่อยตามตัว แก้ปวดหลังปวดเอว แก้ไข้ แก้เจ็บคอ ไข้ออกตุ่ม โดยจะฝนกินหรือต้มกินก็ได้ จะใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นหรือใส่ในยาชุม (ยาตำรับที่มีสมุนไพรหลายชนิดผสมกัน) ที่รักษาโรคและอาการเหล่านั้นได้ เช่นเดียวกับหมอยาพื้นบ้านชาวบราซิลที่ใช้เครือหมาน้อยในการแก้ไข้ แก้ปวด และหมอยาพื้นบ้านชาวอินเดียแดงก็ใช้การต้มใบและเถาของเครือหมาน้อยกินเพื่อแก้ปวด การศึกษาสมัยใหม่พบว่าเครือหมาน้อยมีฤทธิ์แก้ปวด แก้อักเสบได้ดี ซึ่งสนับสนุนการใช้ของหมอยาพื้นบ้านเหล่านั้น

ส่วนพ่อหมอประกาศ ใจทัศน์ ที่บ้านน้อมเกล้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ใช้รากเครือหมาน้อยฝนกับน้ำมะพร้าวให้กินแทนน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาประดงไฟ ซึ่งมีลักษณะอาการออกร้อนตามตัวซึ่งภาษาทางการแพทย์เรียกว่า burning sensation

เครือหมาน้อย...ยาของผู้หญิง
ยาปรับประจำเดือน แก้ปวดประจำเดือน แก้ไข้ทับระดู
หมอยาไทยพวนใช้หัวของเครือหมาน้อยฝนกินกับน้ำแก้ปวดประจำเดือน แก้ไข้ทับระดู ปรับสมดุลของประจำเดือนให้เป็นปกติทั้งอาการที่มีประจำเดือนมากหรือน้อย ซึ่งคล้ายกับการใช้ของหมอยาพื้นบ้านประเทศในแถบอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือ โดยหมอยาเหล่านั้นใช้เถา ราก ใบ เปลือก ของเครือหมาน้อยระงับอาการปวดทั้งก่อนคลอดและหลังคลอดทั้งใช้รักษาอาการตกเลือดหลังคลอด โดยให้ฉายาเครือหมาน้อยว่า สมุนไพรของหมอตำแย (Midwives's herb) ทั้งยังใช้ในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับระบบประจำเดือนของผู้หญิง เช่น อาการปวดประจำเดือน มีประจำเดือนออกมามากเกินไป อาการไม่สบายก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual syndrome, PMS) รวมทั้งรักษาสิวที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน โดยมีความเชื่อร่วมกันว่า เครือหมาน้อยเป็นยาปรับสมดุลฮอร์โมนของผู้หญิง การใช้เครือหมาน้อยในสรรพคุณนี้มีการใช้อย่างต่อเนื่องกันมาเป็นพันๆ ปี จนถึงปัจจุบัน

การใช้เครือหมาน้อยเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงนั้น หมอยาไทยใหญ่ก็มีการใช้เหมือนกัน โดยหมอยาไทยใหญ่บางท่านเรียกเครือหมาน้อยว่า "ยาไม่มีลูก" โดยใช้รากของเครือหมาน้อยต้มกินไปเรื่อยๆ แทนยาคุมกำเนิด (แต่ไม่แนะนำให้ใช้เพราะมียาคุมกำเนิดที่ดีอยู่แล้ว)

เครือหมาน้อย...ช่วยย่อย แก้ท้องเสีย แก้บิด
แก้ปวดเกร็งในท้อง
หมอยาไทยเลยใช้เครือหมาน้อยเป็นยารักษาระบบทางเดินอาหารในหลายๆ อาการ เช่น ใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ จุกท้อง แก้กินผิด (อาการวิงเวียนศีรษะ มืนหัวหลังกินอาหารบางชนิด) แก้ท้องบิด แก้ท้องเสีย แก้เจ็บท้อง (อาการปวดเกร็งที่ท้อง) แก้ถ่ายเป็นเลือด โดยใช้รากต้มกิน หมอยาพื้นบ้านในอเมริกาใต้ก็ใช้เครือหมาน้อยในสรรพคุณเดียวกัน คือใช้ต้านอาการปวดเกร็งทั่วไป และใช้รักษาโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome, IBS) โรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น การศึกษาสมัยใหม่พบว่า เครือหมาน้อยมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อและต้านเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด รวมทั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดท้องเสีย


เครือหมาน้อย...ยาเย็น พอกสิว พอกหน้า บำรุงผิวพรรณ
ข้อมูลจากการสัมมนาหมอยาพื้นบ้านเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว หมอยาในจังหวัดปราจีนบุรีแนะนำให้ขยี้ใบเครือหมาน้อยให้เป็นวุ้นพอกรักษาฝี อาการปวดบวมตามข้อ หรืออาการอักเสบของผิวหนัง ผดผื่น คัน รวมทั้งจากแมลงสัตว์กัดต่อย นอกจากนั้นยังใช้พอกหน้าสำหรับผู้หญิงที่เป็นสิวผิวพรรณไม่ดีอีกด้วย


เครือหมาน้อย...ยาลดความดัน
เครือหมาน้อยยังใช้เป็นยาลดความดันในกลุ่มหมอยาไทยใหญ่ โดยใช้ทั้งต้นต้มน้ำกิน หมอยาพื้นบ้านบราซิลก็ใช้เครือหมาน้อยในสรรพคุณนี้เช่นกันโดยใช้ราก ต้น เปลือก ใบ ของเครือหมาน้อยต้มกิน เพื่อใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง นิ่ว ทางเดินปัสสาวะอักเสบ การศึกษาสมัยใหม่พบว่า สารสกัดจากเครือหมาน้อยสามารถลดความดันโลหิตในสัตว์ทดลองได้


เครือหมาน้อย...ยาอายุวัฒนะ
หมอยาไทยเลยจะใช้รากเครือหมาน้อยทำเป็นผงละลายกินกับน้ำผึ้ง หรือขยี้กับน้ำดื่มเป็นยาอายุวัฒนะ รวมทั้งใช้รากเครือหมาน้อยไปเป็นส่วนประกอบในแป้งเหล้า โดยเชื่อว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งชนเผ่า Creoles ใน Guyana จะแช่ใบ เปลือก ราก ในเหล้ารัมเพื่อบำรุงสมรรถภาพทางเพศ

วิธีการทำอาหารจากเครือหมาน้อย
เลือกใบเครือหมาน้อยที่มีสีเขียวเข้มที่โตเต็มที่แล้วประมาณ ๑๐-๒๐ ใบ ล้างให้สะอาดแล้วนำมาขยี้กับน้ำสะอาด ๑ ถ้วย เวลาขยี้ใบจะรู้สึกเป็นเมือกลื่นๆ เมื่อขยี้จนได้น้ำสีเขียวเข้มให้กรองเอากากใบเครือหมาน้อยออก บางคนคั้นน้ำจากใบย่านางใส่ลงไปด้วยจะทำให้วุ้นแข็งตัวเร็ว จากนั้นนำน้ำวุ้นที่ได้ปรุงรสตามชอบ หากต้องการรับประทานเป็นของคาวก็เติมพริกป่น ปลาป่น เนื้อปลาต้มสุก หัวหอม น้ำปลา ข้าวคั่ว ใบหอม และผักชีหั่น ถ้าอยากแซบก็ใส่น้ำปลาร้าแทนน้ำปลาก็ได้ หรือถ้าต้องการรับประทานเป็นของหวาน อาจคั้นน้ำใบเตยใส่เพิ่มลงไป การใส่เกลือลงไปเล็กน้อยจะช่วยให้วุ้นแข็งตัวเร็วขึ้น แต่อย่าใส่มากจะออกรสเค็ม ตั้งทิ้งไว้อีกประมาณ ๔-๕ ชั่วโมง น้ำคั้นจะจับตัวเป็นก้อนเหมือนวุ้น มักเรียกว่า วุ้นหมาน้อย แล้วเติมน้ำหวานหรือน้ำตาลลงไป รับประทานเป็นอาหารว่างที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ทางยาอีกด้วย

หมายเหตุ
ชาวไทยพวนนิยมคั้นเครือหมาน้อยกับใบย่านาง จะทำให้วุ้นเครือหมาน้อยแข็งตัวได้ดีกว่า เพราะในใบย่านางจะมีเกลือแร่อยู่จำนวนหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นวุ้นได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับการใส่น้ำปลา น้ำปลาร้า หรือเกลือ ช่วยทำให้เกิดวุ้นได้ดีเช่นกัน



“ เครือหมาน้อยเป็นสมุนไพรที่มีการใช้กันมาอย่างต่อเนื่องในหมู่หมอยาพื้นบ้านในแถบอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือนานนับพันปีจนถึงปัจจุบันและเป็นที่น่าแปลกใจว่าแม้อยู่กันคนละทวีปกับบ้านเรา แต่ก็มีการใช้ในสรรพคุณที่เหมือนๆ กันเป็นส่วนใหญ่






ข้อควรระวัง! ไม่ควรใช้ในคนท้อง

ขอบคุณข้อมูล
http://board.postjung.com/m/507243.html



 สาวน้อยเซย์ ฮาโหล อายจัง สาวน้อยเซย์ ฮาโหล

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : Prapacarn ❀, บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, รพีกาญจน์, Thammada, สุนันยา

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
04 มีนาคม 2012, 08:29:AM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #71 เมื่อ: 04 มีนาคม 2012, 08:29:AM »
ชุมชนชุมชน

ต้นเครือหมาน้อย
ชื่อท้องถิ่น: ต้นเครือหมาน้อย 
ชื่อสามัญ: กรุงเขมา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cissampelos pareira L. var. hirsuta (Buch. ex DC.) Forman
ชื่อวงศ์: MENISPERMACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท: ไม้เถา
ลักษณะพืช: กรุงเขมา” หรือ “กรุงบาดาล” หรือ “หมาน้อย” หรือ “ใบก้นบิด” จัดเป็นพืชเถาและเป็นไม้เลื้อยที่พบได้ในป่าดิบ ป่าผลัดใบ ป่าไผ่ ป่าพุ่ม บางครั้งพบบนภูเขาหินปูน ในประเทศไทยพบได้ในป่าแถบ จ.สกลนคร และจังหวัดใกล้เคียง
ในการนำเอาใบกรุงเขมามาบริโภคนั้น อ.ราตรีบอกว่านิยมนำมาบริโภคเป็น 2 รูปแบบ คือ ใช้เป็นของหวานหรือของคาว ถ้าใช้เป็นของคาวให้เลือกใบกรุงเขมาที่แก่จัดมีสีเขียวเข้ม ประมาณ 10-20 ใบ ล้างให้สะอาดแล้วนำมาขยี้กับน้ำสะอาด 1 ถ้วย ในขณะที่ขยี้ใบกรุงเขมาจะรู้สึกเป็นเมือกลื่น ๆ ขยี้จนได้น้ำสีเขียวเข้ม หลังจากนั้นให้กรองเอากากออก นำน้ำที่ได้มาปรุงรสชาติด้วยการเติมน้ำปลาร้า พริกป่น น้ำปลา ข้าวคั่ว เนื้อปลาต้มสุก ใบหอมและผักชีหั่นผสมคลุกเคล้ากันรับประทานเป็นอาหารคาว แต่ถ้าจะทำเป็นของหวานให้เติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงไปในน้ำกรุงเขมาที่กรองกากออกแล้ว จากนั้นตั้งทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที น้ำกรุงเขมาจะจับตัวเป็นก้อน นำมารับประทานเป็นของว่างที่มีรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย

 
 
ปริมาณที่พบ: มาก
การขยายพันธุ์: ใช้เมล็ด
อธิบายวิธีการเพาะ/ขยายพันธุ์: อ.ราตรี พระนคร จากคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสกลนคร ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับต้นกรุงเขมาและได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่าเป็นพืชป่าอีกชนิดหนึ่งที่น่าปลูกไว้บริโภคในครัวเรือน ทั้งเป็นการอนุรักษ์พืชท้องถิ่นให้คงอยู่กับเราไปได้นานเท่า
นาน และการนำต้นกรุงเขมามาปลูกไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เนื่องจากเป็นพืชป่าที่ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ชอบดินร่วนที่มีอินทรียวัตถุสูง ชอบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่แต่ไม่ชอบที่น้ำขังแฉะ หากได้มีโอกาสเข้าไปในป่าแล้วพบต้นกรุงเขมาสามารถขุดแบ่งต้นจากป่ามาปลูกก็ได้ ปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกรเพาะต้นกล้ากรุงเขมาขายในราคาต้นละ 10-15 บาท ปลูกลงดินให้เป็นไม้เลื้อยขึ้นต้นไม้ใหญ่หรืออาจจะทำค้างเหมือนกับการปลูกถั่วก็ได้แต่ข้อควรระวังต้นกรุงเขมาไม่ชอบปุ๋ยเคมีเพราะมีความเข้มข้นของธาตุอาหารสูงจะทำให้ต้นเปื่อยและตายได้
ดังนั้นควรเน้นการใช้ปุ๋ยชีวภาพเป็นหลัก จากการทดลองในการปลูกต้นกรุงเขมาของ อ.ราตรี ในช่วงฤดูฝนจะต้องระวังศัตรูที่สำคัญคือ หนอนกระทู้และหอยทาก ในขณะที่ช่วงฤดูฝนมักจะพบปัญหาเรื่องราแป้ง แต่ปัญหานี้จะน้อยลงเมื่อต้นกรุงเขมาเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว

อ.ราตรียังได้บอกว่าในอนาคตการขยายพันธุ์ต้นกรุงเขมาใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ สาขาพืชศาสตร์ โทร. 0-4277-1460.
 
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์: คนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่นี้ได้มีการนำเอาใบกรุงเขมามาทำเป็นอาหารว่างลักษณะคล้ายวุ้น เรียกว่า “วุ้นหมาน้อย” โดยเฉพาะผู้ที่ฟื้นไข้ได้รับประทานจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้ กระเปร่า ข้อมูลทางด้านสมุนไพร ได้บอกสรรพคุณของกรุงเขมาไว้ว่าช่วยในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร แก้อาการร้อนในและรักษาโรคตับ ในประเทศอินโดนีเซียมีการใช้รากกรุงเขมานำ  มาต้มน้ำดื่มแก้ปวดท้อง ส่วนของใบตำใส่น้ำตั้งทิ้งไว้ให้เป็นเยลลี่กินเป็นอาหารช่วยย่อยและแก้ปวดท้อง


http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=8970

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บูรพาท่าพระจันทร์, panthong.kh, Prapacarn ❀, รพีกาญจน์, Thammada, สุนันยา, รัตนาวดี

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
17 มีนาคม 2012, 10:13:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #72 เมื่อ: 17 มีนาคม 2012, 10:13:PM »
ชุมชนชุมชน

"สลอดเถา" เป็นยาฝาดสมาน
ผลสุกทานช่วยถ่ายระบายคล่อง
ขึ้นตามป่าทั่วไปคนหมายปอง
ยาดีของชนท้องถิ่นแผ่นดินไทย!ฯ
   
                   อริญชย์






มะหลอด(สลอดเถา)
ชื่ออื่น  !!! CENCER !!!รอก  มะหลอด ส้มหลอด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Elaeagnus latifolia Linn.
วงศ์ ELAEAGNACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ในวงศ์ ELAEAGNACEAE ลำต้นและกิ่งมีเกล็ดสีเงิน ความสูงขึ้นอยู่กับความสูงของต้นไม้ที่อาศัยอยู่ด้วย ให้ผลผลิตเมื่อต้นอายุ 2-3 ปี ช่วงธันวาคม-มีนาคม

ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรี กว้าง 3.5-4.5 เซนติเมตร ยาว 6-12 เซนติเมตร โคนสอบ ปลายแหลม ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวอมน้ำเงิน เกลี้ยง ด้านล่างมีเกล็ดเล็กๆ สีเงิน ก้านยาว 0.8-1.2 เซนติเมตร

ดอก ออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ หรือมีดอกเพศผู้ปะปนด้วย กลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดสามเหลี่ยม ปลายแยก 5 กลีบ

ผล รูปรี ยาว 1-2 เซนติเมตร สีแดงหรือแดงออกส้ม รสเปรี้ยว ฝาดจนถึงรสหวาน มีเมล็ดสีน้ำตาลเหลือง ตัวเมล็ดเป็นพู
สรรพคุณทางสมุนไพร
 ผลดิบเป็นยาฝาดสมาน เมื่อสุกเป็นยาระบาย แก้บิดและท้องผูก




http://thaiherb-tip108.blogspot.com/2011/03/blog-post_05.html


 อายจัง สาวน้อยเซย์ ฮาโหล อายจัง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, พยัญเสมอ, สุนันยา, ไพร พนาวัลย์, รัตนาวดี, panthong.kh, บูรพาท่าพระจันทร์, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
22 พฤษภาคม 2012, 05:54:PM
อริญชย์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,568


ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว


« ตอบ #73 เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2012, 05:54:PM »
ชุมชนชุมชน

       ๐เบาหวานแรกเริ่มนั้นจากวันวาน๐

วัยเด็กเราชื่นชมขนมหวาน
รับประทานทุกวันไม่หวั่นไหว
มีน้ำตาลซ่านเข้มดูดเม้มไป
ซึมซับในไตตับย่อยรับเอา

วัยรุ่นเราแลเหลียวของเปรี้ยวปาก
จัดจ้านมากเพียงใดพอใจเหมา
เผ็ดผสมกินไปสุขไม่เบา
ทุกค่ำ-เช้าไตตับคอยรับรส

วัยทองเริ่มนิยมรสขมจัด
สารพัดขมสะเดาล้วนเหมาหมด
ฝักลิ้นฟ้ากินกันไม่รันทด
คอยจับจดของขมนิยมกัน

ตับจึงสะสมไขมันในวันเก่า
ไตของเราก็เสื่อมไปแต่วัยฝัน
ไม่เดินวิ่งให้สดชื่นหลายคืนวัน
ความอ้วนมันก็มาเพื่อท้าทาย

จึงเบาหวานขับเคลื่อนเข้าเยือนร่าง
ร่วมเดินทางพร้อมเราสู่เป้าหมาย
หวานเปรี้ยวเผ็ดหม่ำกันเกินบรรยาย
ขมมากมายทำให้เสื่อมไตเร็ว

โรคเบาหวานเป็นไปพร้อมไตเสื่อม
คนเป็นเอือมในอกดั่งตกเหว
เป็นเบาหวานปานมีอัคคีเปลว
คอยหลอมเหลวละลายในหัวใจเอย ฯ

                      อริญชย์
                  ๒๒/๕/๒๕๕๕


ปล.โรคเบาหวาน เกิดจากไตเสื่อม สาเหตุที่แท้จริงมาจากการใช้งานหนักของไตมานานปี คือ รับประทานอาหารหวานเกินไป เผ็ดเกินไป ขมเกินไป เปรี้ยวเกินไป จนอ้วน สะสมไขมัน ไม่ออกกำลังกายด้วย  เหมือนก๊อกน้ำที่เริ่มเปิด ก็เริ่มเสื่อมสภาพไปเรื่อย ๆ


อย่าลืมรักษาสุขภาพกันนะฮะ





 อายจัง สาวน้อยเซย์ ฮาโหล อายจัง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์, ไพร พนาวัลย์, สุนันยา, รัตนาวดี, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เกื้อกูลต่อมวลมิตร ลิขิตเพื่อสังคม
เพาะบ่มเพื่อพงไพร ก้าวไปเคียงผองชน
หน้า: 1 2 3 [4]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s