กาพย์เห่เรือ "ยอพระเกียรติ ๘๔ พรรษา มหาราชา"
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 11:25:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาพย์เห่เรือ "ยอพระเกียรติ ๘๔ พรรษา มหาราชา"  (อ่าน 12828 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
12 ตุลาคม 2011, 05:27:PM
บัณฑิตเมืองสิงห์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 378
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 608



« เมื่อ: 12 ตุลาคม 2011, 05:27:PM »
ชุมชนชุมชน

กาพย์เห่เรือ "ยอพระเกียรติ ๘๔ พรรษา มหาราชา"
(เห่ชมกระบวนเรือ)


๏ เรือลอยล่องเพริศแพร้ว      นารายณ์ฯ
พลอยเก็จเพชรหลากหลาย    เทียบไท้
งามสง่าเด่นกำจาย             ธเสก สรรค์แฮ
รูปสัตว์หัวโขนใช้                 ยิ่งริ้วปลิวไสว ๚

๏ ภูวไนยบพิตรเจ้า             ภูมิพล
ยอพระเกียรติคำรณ             ประพัฒน์กว้าง
เถลิงศกพระชนม์                แปดสิบสี่ ปีเฮย
ปวงราษฎร์นบน้อมสร้าง        เกียรติเจ้ากษัตรา ๚ะ๛


๏ งามเรือราเมื่อสินธุ์          ไหลรวยรินถิ่นสายชล
มากหมู่ผู้กองพล                 ช้าลวะเห่เสน่ห์เรือ
๏ ลอยล่องท่องท้องน้ำ         ดูชื่นฉ่ำสำราญเหลือ
ลิ่วลิ่วปลิวพร้อมเครือ            สดับก้องเสียงกังวาน
๏ พู่ห้อยระย้าย้อย               ไกวตามสร้อยร้อยขับขาน
ชื่นชมสมสำราญ                 พระผ่านฟ้าเกียรติคุณ
๏ "สุพรรณหงส์"ลอย            ตะวันคล้อยเป็นรอยบุญ
แสงสาดพบน้ำหนุน             สะท้อนเนตรวิเศษตา

๏ "นารายณ์ทรงสุบรรณ"       ลอยกระชั้นชิดข้างหน้า
ปลิวลมสมราชา                 พระที่นั่งสง่างาม

๏ "อเนกชาติภุชงค์"            ประดับธงทิวสยาม
หลังคาเหมือนอาราม            ทองสว่างกระจ่างจินต์

๏ "อนันตนาคราช"              ดูองอาจวาดลายศิลป์
ลอยตามอย่างระบิล             นาคเจ็ดเศียรเขียนลายทอง

๏ เรือ"เอกไชยเหินหาว"        ลิ่วลมราวคราวน้ำนอง
พลเรือต่างช่ำชอง               ฝีพายพร้อมเพรียงทุกคน

๏ เรือ"เอกไชยหลาวทอง"      พลโห่ร้องพ้องสายชล
กระหึ่มเสียงอึงอล                แลไพเราะเสนาะกรรณ

๏ เรือ"ครุฑเหินเห็จ"เปรียว     ลัดเลาะเลี้ยวเอี้ยวเสกสรรค์
ว่องไวดุจแสงอัน                สาดส่องพื้นคลื่นสาคร

๏ เรือ"ครุฑเตร็ดไตรจักร"       รอยสลักสักอักษร
ลายไทยใส่ลงลอน              ทั้งสองข้างของตัวลำ

๏ "พาลีรั้งทวีป"                 ดูเหมือนรีบเร่งถลำ
เส้นลายเหมือนร่ายรำ           ขุนกระบี่สีเขียวพราว

๏ เรือ"สุครีพครองเมือง"        นามลือเลื่องแลหาญห้าว
พื้นเรือสีดำวาว                   หัวกระบี่มีสีแดง

๏ "กระบี่ปราบเมืองมาร"         งามตระการทุกแขนง
กระบี่ขาวสำแดง                  บนหัวโขนแอ่นอาจอง

๏ "กระบี่ราญรอนราพณ์"         ลอยขนาบใกล้เรือหงส์
ปราดเปรียวลำมั่นคง             สง่างดยศบอกลาย

๏ "อสุรปักษา"                    ไหลเอื่อยมาท่ากำจาย
นกเขียวเปรียวธารสาย           หลังขบวนชวนพิศดู

๏ "เรือดั้งหนึ่งและสอง"          ท่าผยองลำพองคู
เรื่อยเรื่อยเอื่อยเอื่อยชู            ความโสภากระบวนยาน

๏ "เรือดั้งสามสี่ห้า"               ลอยล่องมาหาขนาน
เส้นตรงประสงค์ปาน              แถวทำเนียบเพียบศาตรา
๏ "เรือดั้งหกครัดเคร่ง"           จังหวะเก่งบรรเลงมา
ฉิ่งกรับประทับท้า                  ดั่งฆ้องลั่นคั่นนที
๏ "เรือดั้งเจ็ดและแปด"           ผ่านแสงแสดตอนแผดสี
เหมือนหนึ่งซึ่งนารี                นั่งสองข้างช่างน่าชม
๏ "เรือดั้งเก้าและสิบ"             เห็นลิบลิบลอยตามลม
"เรือดั้งสิบเอ็ด"สม                ทหารแกร่งแข่งขันกัน
๏ "สุรวายุภักษ์"                   บนเป็นยักษ์ล่างปักษัน
เหมือนเทพมาเสกครัน            เวทย์มนต์ขลังเรือว่องไว

๏ เรือ"ทองขวานฟ้า"นั้น          เหมือนสวรรค์เสกไสว
สวยงามอร่ามไกล                 มีกระจกประดับทอง

๏ เรือ"เสือทะยานชล"            เรือ"คำรณสินธุ์"ผยอง
ลอยเด่นน่านน้ำกอง              "ทองบ้าบิ่น"ลอยตามมา



๏ "เรือดั้งสิบสอง"เพรียว          ทั้งปราดเปรียวเชี่ยวตรึงตรา
"เรือดั้งสิบสาม"ท้า                "สิบสี่"เข้าประชิดรอย
๏ เรือดั้งสิบห้า"ขาน               แต่เบาราณไม่มีถอย
แข็งแรงดุจเพชรพลอย            กระทบฝั่งยังไม่จม
๏ "เรือดั้งสิบหก"เลื่อง            "เรืออีเหลือง"ลอยผสม
มูลเห่คลอพรม                  ชลมารคอยู่ปากทาง

๏ "เรือดั้งสิบเจ็ด"ชิด              แสงอาทิตย์ทอกระจ่าง
เฉกรุ้งพุ่งแนวพราง                เรืออำไพวิไลจริง
๏ "เรือแซง"ทั้งเจ็ดลำ            ลอยเคียงค้ำนำเรือสิงห์
"เรือดั้งสิบแปด"ชิง                ลอยขึ้นหน้าสง่างาม

๏ เรือเสือ"เรือแตงโม"            ตระการโสภาอร่าม
เสนาบังคับตาม                    อยู่ด้านท้ายออกลายเงา

๏ มีคนให้สัญญาณ                ใกล้ทหารงานถือเส้า
นายเรือเอื้อบรรเทา                คอยบอกสั่งดังบัญชา
๏ "เรือดั้งสิบแปด"แกร่ง           ลอยสำแดงแจ้งพระบา-
รมีกษัตรา                           องค์ประมุขคลุกเสียงคลอ
๏ "เรือดั้งสิบเก้า"รี่                "เรือดั้งยี่สิบ"มารอ
วิจิตรสัมฤทธิ์ยอ                    พระเกียรติธภูวไนย
๏ "เรือดั้งยี่สิบเอ็ด"                ดูสำเร็จเด็ดเดี่ยวใจ
พวกพลผลเกรียงไกร              ขยันพายตามสายลม
๏ "เรือดั้งยี่สิบสอง"                มีนายกองจ้องมองข่ม
ทหารจึงเกลียวกลม                รับห้าไฮ่พัลวัน
๏ "เรือตำรวจทั้งสอง"              ลอยตามกองเรือหลวงลั่น
หลายสิบลิบลิบครั้น               "เรือกรมวัง"หน้าขบวน

๏ ทั้งหมดห้าสิบสอง               ลอยเต็มท้องสายชลหวน
ตระการผ่านผองมวล               ยอพระเกียรติกษัตริย์ไทย
๏ วิจิตรศิลป์สร้างสรรค์            สถาบันชั้นผู้ใหญ่
ประชาแสนสุขใจ                   กล่าวอวยชัยทรงพระเจริญ
๏ ทรงเป็นร่มโพธิ์ฉัตร             นามประพัฒน์น่าสรรเสริญ
บารมีล้นพ้นเกิน                    เจ้าอยู่หัวจอมราชัน ๚ะ๛


ที่มาของภาพสวยๆ http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/bm521/kurokung_1/kurokung-web1/index.html



บัณฑิตเมืองสิงห์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥หทัยกาญจน์♥, Music, ช่วงนี้ไม่ว่าง, amika29, พี.พูนสุข, บ้านริมโขง, รุ่งอรุณ, ภู กวินท์, สุนันยา, รพีกาญจน์, ไพร พนาวัลย์, yaguza, ค.คนธรรพ์, เมฆา..., ...สียะตรา.., ♥ กานต์ฑิตา ♥, อริญชย์, sitang, กามนิต, พิมพ์วาส, Thammada, ไม่รู้ใจ

ข้อความนี้ มี 22 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
14 ตุลาคม 2011, 01:17:PM
บัณฑิตเมืองสิงห์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 378
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 608



« ตอบ #1 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2011, 01:17:PM »
ชุมชนชุมชน

เห่ชมสัตว์ป่าสงวน

๏ พระเสด็จยาตรเยื้อง     ชลสินธุ์
ล่องจากมหาธานินทร์      ชื่อก้อง
องค์ทรงพิศสัตว์สิน        พนาพฤกษ์ สงวนเฮย
ลอยล่องเทียบเลียบท้อง   ท่าน้ำชลาลัย ๚ะ๛


๏ ไท้เสด็จชมสัตว์ป่า       สินพนาสัตว์สงวน
ลอยล่องเรือกระบวน         เลียบธาราชลาลัย
๏ พลพายโห่ครึกครื้น        พาจิตชื้นรื่นรมย์ใจ
พร้อมเพรียงเรียงเรือให้       ลอยขนานน่านน้ำทอง
๏ พิศดูหมู่พฤกษา            ไพรพนาป่าทั้งผอง
น้ำตกปรกละออง              ไอน้ำซอกเป็นหมอกไอ
๏ เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง      ทำเรือเอียงเสียงสัตว์ใส
ก้องอยู่ในพงไพร              ไพเราะเด่นเช่นกังวาน
๏ ทรงมองสอง"ละมั่ง"        ที่ชายฝั่งดั่งนงคราญ
ผิวเลียบน่าหมายปาน         คงนิ่มเนื้อนวลผิวพรรณ



๏ พิศเขาสง่างด               งามหมดจดเขายาวนั้น
ละมั่งใกล้สูญพันธุ์             เหมือนตัวพี่ใกล้สูญนาง
๏ จากเมืองเคยแนบนุช       ใจแทบทรุดเมื่อต้องห่าง
อยู่ไกลในชลทาง              คิดถึงน้องแม่นวลลออ
๏ "กูปรี"ร่างบึกบึน             เขางามขึ้นเหมือนตะขอ
โค้งมนแหลมเคียวจ่อ          น่าหวาดเสียวเคียวมีคม



๏ "ควายป่า"ท่าผงาด         เหมือนพลราชชาติยืนข่ม
องอาจมาดน่าชม               แลกล้ามเนื้อมีมากมาย



๏ ผิวดำเป็นดำขลับ            ดุดันนับกว่าโคหลาย
ขึ้นชื่อว่าคือควาย               แรงกำยำกำลังมี
๏ "เลียงผา"อยู่บนผา          แทะเล็มหญ้าน่าสุขี
เหมือนน้องนุชนารี             เด็ดดอกไม้อยู่ในสวน



๏ "นกแต้วแล้วท้องดำ"        ก้าวเท้าย่ำอย่างง่วนง่วน
เดินเล่นโลดแลชวน            พระพิศดูเพลินสายตา



๏ ปลาใหญ่ขึ้นเหนือชล        เป็นน้ำวนอยู่ตรงหน้า
"พยูน"เห็นดาษดา              เรียกหมูน้ำสำราญจินต์



๏ เคยเห็นอยู่เป็นกลุ่ม          มาชุมนุมลุ่มชลสินธุ์
ตอนนี้ที่ยลยิน                   ไม่ถึงร้อยน่าน้อยใจ
๏ "สมเสร็จ"ผสมเสร็จ          หมู,ช้างเล็ดหมี,แรดใหญ่
ประหลาดสัตว์พงไพร           เหลือเพียงนิดจิตคิดวอน



๏ เสียงใสนกร้องยิ่ง             "เจ้าฟ้าหญิงสิรินธร"
นางแอ่นชอบเกาะนอน          ตามใบอ้อใบสนุ่น



๏ วิจิตร"นกกระเรียน"            ชอบวนเวียนหาปลางุ่น
หากินเป็นคู่บุญ                  ตลอดชีพอย่างครอบครัว



๏ พลันคิดถึงโฉมตรู             มิได้อยู่คู่กับผัว
ดวงใจใกล้เมามัว                 ไม่เมารักเพราะจากกัน
๏ ดู"แรด"รูปร่างใหญ่            อยู่ในไพรหัวใจหวั่น
น่ากลัวด้วยลักษณ์มัน            แรดตัวโตโอ้งามตา



๏ มอง"แมวลายหินอ่อน"         สายสมรมิได้มา
น้องชอบมวลแมวป่า              พี่เห็นแล้วคิดถึงนาง



๏ "สมัน"หันหน้าหา               ส่งแววตามาข้างข้าง
เขามันสวยแผ่กาง                 เฉกบัลลังก์ที่นั่งทอง



๏ "เก้งหม้อ"ตัวสีดำ               ยืนกินน้ำอยู่ริมหนอง
พิศดูอยู่เหนือคลอง                บนเรือหลวงสุขพระองค์



๏ "กวางผา"สง่าลักษณ์           น่าชมนักคล้ายกระจง
ลำตัวดังบอกบ่ง                   แข็งแรงเมื่อครากระโจน



๏ "กระซู่"คือแรดเล็ก             เหมือนยังเด็กแต่โผดโผน
ชอบนอนอยู่ในโคลน             เอาดินทากันแมลง



๏ พิศดูสัตว์สงวน                 ตามกระบวนชวนแสดง
เสนามาชี้แจง                     บอกชื้อสัตว์ถนัดตา
๏ หวนคิดถึงโฉมฉาย             มิได้กรายสู่ชายป่า
ห่างพี่ห่างกายา                   ชมสัตว์ป่าพนาสงวน ๚ะ๛

ที่มาของภาพสวยๆhttp://www.ku.ac.th/AgrInfo/wild/



บัณฑิตเมืองสิงห์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : yaguza, ค.คนธรรพ์, พี.พูนสุข, เมฆา..., รพีกาญจน์, ...สียะตรา.., สุนันยา, ♥ กานต์ฑิตา ♥, อริญชย์, ♥หทัยกาญจน์♥, sitang, รุ่งอรุณ, กามนิต, Thammada, ไม่รู้ใจ

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 มีนาคม 2012, 11:51:PM
บัณฑิตเมืองสิงห์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 378
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 608



« ตอบ #2 เมื่อ: 29 มีนาคม 2012, 11:51:PM »
ชุมชนชุมชน


เห่ชมดอกไม้ไทย

๏ มาลีหอมกลิ่นฟุ้ง     กำจร
หลายหลากสีงามงอน     ดุจพร้อย
ดังได้เปรียบอรชร     นุชนาฏ แม่เอย
งามงดระดะย้อย     ยิ่งแล้วมาลี ๚ะ๛

๏ "บานเช้า"นี้สมชื่อ     สมคำลือดอกสีเหลือง
"คุณนายตื่นสาย"เรือง-     รองเด่นนักยามต้องตา
๏ "มะลิหลวง"สีขาว     งามแพรวพราวอยู่ตรงหน้า
ใกล้กัน"กรรณิการ์"     ดอกเล็กกว่าทว่างาม
๏ "กาหลง"มิหลงต้น     จำนงบนแดนสยาม
อีกหนึ่งคือ"พวงคราม"     ดูฉ่ำน้ำข้าง"ลำดวน"
๏ "กระดังงาสงขลา"     หอมหวลมาอย่างอบอวล
ผู้คนไทยทั้งมวล     ชื่นชอบนักสุมาลี
๏ "กุหลาบ"สีแดงสด     ดูงามงดเทียบ"ปันหยี"
เหมือนหนึ่งซึ่งนารี     ทั้งสองนางยืนข้างกัน
๏ "โนรา""พวงชมพู"     ลองพิศดูอย่างสุขสันต์
อีกหนึ่งนั้นคือ"กัล-     ปพฤกษ์"เด่นเดือนกุมภาฯ
๏ "กุ่มน้ำ"และ"กุ่มบก"     ออกดอกดกสวยสง่า
ดอกกลม"กระทุ่มนา"     ไม้ผลัดใบใครผลัดมัน?
๏ "ชวนชม"ชวนคุณชม     อภิรมย์รื่นเริงครัน
"คิ้วนาง"เห็นอย่างนั้น     ไม่เห็นเหมือนคิ้วนางเลย
๏ "ดองดึง""การเวก"     ใครหนอเสกเมื่อถูกเอ่ย
กระดิกเมื่อลมเชย     ระริกริกระริวรัว
๏ "กันเกรา"ฟังกันเครา     ดูพ่อเฒ่าเล่ามึนหัว
โอ้หนอดอก"หน้าวัว"     ขึ้นข้างบ้านตระการจริง
๏ "สร้อยฟ้า""สร้อยมาลี"     คล้ายสร้อยพี่ให้น้องหญิง
ร่มไม้น่าพักพิง     ก่อนบรรยายดอกถัดไป
๏ โน่นคือ"เล็บมือนาง"     ดอกรางชางต้องดวงนัยน์
มองดูมิรู้ใคร     ท่านช่างเปรียบเทียบดอกดวง
๏ ดอกเล็กอยู่ไกลลิบ     "พวงสามสิบ"สามสิบพวง
ไม้เลื้อยดอกเป็นยวง     ใครกำหนด"รสสุคนธ์"
๏ ดอกม่วงดอก"อัญชัน"     และ"หิรัญญิการ์"ดล
ท่านเอยให้มายล     แย้มดอกหาประชาชิน
๏ มาลีมีหลายหลาก     จงอย่าพรากพนาสิณฑ์
เปรียบเหมือนนวลยุพิน     แม่นวลพักตร์นักแม่นา ๚ะ๛



บัณฑิตเมืองสิงห์

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ...สียะตรา.., Prapacarn ❀, อริญชย์, เมฆา..., พี.พูนสุข, ♥หทัยกาญจน์♥, เมฆสีรุ้ง, Thammada, ไม่รู้ใจ

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s