นิราศสวรรค์
ในสติสัมปะชัญญะจิต
ยามราตรีที่เห็นเป็นนิมิต
สำแดงฤทธิ์ศศิมาสเวหาสพราว
ออกจากร่างห่างกายหมายสวรรค์
กำหนดฝันตามจิตนิมิตขาว
ที่เป็นแสงสาดส่องผ่องสกาว
เหมือนเส้นราวทางเดินให้เหินไป
ถึงสะพานม่านรุ้งรุ้งเจ็ดสี
คิดถึงนวลนารีอิตถีใส
ทั้งเจ็ดนางปรางนุ่มนิ่มนวลใจ
ละอ่อนวัยผิวพรรณขั้นเทวี
ผ่านม่านเมฆเมฆาสง่างด
ขาวหมดจดเฉกเนื้อแม่นวลศรี
เป็นไอน้ำฉ่ำร่างวางมาลี
สุขาวดีข้างหน้าเทวาภพ
ถึงชั้นแรกแมกไม้ระดะทั่ว
หมอกสลัวเลือนรางให้พรางหลบ
ดาวประดับกับหาวแสงพราวทบ
ทั้งประสบอัปสรตอนทิวา
กำลังแขวนดวงดาวบนหาวกว้าง
พลันคิดถึงหนึ่งนางนวลแขวนผ้า
ชั้นจตุมหาราชิกา
มีดาราดวงเด่นเป็นประกาย
ดาวดึงส์พึงนึกตรึกถวิล
จากห้วงจินต์ว่ามากดาวหลากหลาย
จึงได้ชื่อคือดาวพราวเรียงราย
เด่นกระจายทั่วฟ้าเวหานั้น
แต่เป็นพื้นที่กว้างร้างสิ่งของ
ไม่มีใครจับจองครองสุขสันต์
เกิดคิดถึงคราวหวนแม่นวลพลัน
เมื่ออยู่กันเพียงสองต้องกายา
ขึ้นบันไดเก็จแก้วแววแสงมุก
คิดสนุกปลุกร่างสร้างคาถา
คือบันไดของสวรรค์ชั้นยามา
มีดาราประดับสลับพลอย
พอถึงยอดเส้นทางว่างสองเส้น
ไม่โงนเงนเดินต่อทิ้งท้อถอย
หยิบดาวติดตามทางเพื่อสร้างรอย
ทั้งใหญ่น้อยเกลื่อนพื้นเป็นหมื่นดวง
ชั้นนิมมานรดีกับดุสิต
มีให้เลือกนึกคิดดวงจิตห่วง
ว่าทางไหนไร้ทุกข์สุขทั้งปวง
อันแดนสรวงสองแพ่งแบ่งอกเรา
เหมือนนารีสองนางอยู่ข้างหน้า
จักให้เลือกออกมาพาใจเศร้า
สะโอดสะองหญิงงามยามโลมเล้า
เลือกยากเท่าทบกว่าสุราลัย
ปรนิมมิตวสวัตตี
สุขาวดีท้ายสุดผุดไสว
สง่างามงดล้ำด้วยอำไพ
ทิพย์วิไลในจินต์ถวิลตรึง
บัณฑิตเมืองสิงห์