~*~ มิใช่ดาว ~*~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 03:23:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~*~ มิใช่ดาว ~*~  (อ่าน 11763 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
03 กรกฎาคม 2011, 02:02:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2011, 02:02:PM »
ชุมชนชุมชน


มิใช่ดาวพราวพร่างที่กลางฟ้า
ที่ยกมาแบ่งข้างระหว่างถิ่น
ยามน้ำตาหล่นล่วงโลมห้วงจินต์
หามีใครยลยินหรือผินมอง

เก็บกลืนไว้ในอกสุดยกออก
ไหลหลั่งยอกย้อนจนทรวงหม่นหมอง
มิได้หลั่งโลมหล้าล้นบ่านอง
เพียงท่วมห้องหัวใจที่ใกล้ราน

แหลกลงอย่างเกินการณ์จะต้านอยู่
กว่าจะรู้ถ้อยคำที่ร่ำขาน
วกวนให้หวงแหนมาแสนนาน
นั้นแค่ผ่านผันมาแล้วลาไป

ก็สายเกินยั้งทัน..ดวงขวัญคล้อย
พรากล่องลอยพร้อมฝันที่สั่นไหว
แม้เพียงหวังซบดินยามสิ้นใจ
ก็กลับไร้ที่ทางให้วางตน

เพราะทรวงดินถวิลหาดาราพร่าง
ระยิบกลางห้วงหาวแพรวพราวหน
ต่ำเตี้ยอยู่ใกล้กลับดูอับจน
ด้อยกว่าด้นไขว่คว้าเอามาครอง

รักกันแม้แสนไกลแต่ใจชิด
ผูกดวงจิตสนิทขวัญมั่นสนอง
หลอมรวมเป็นหนึ่งฝันสู่วันปอง
ร่วมพ่วงคล้องดวงใจไว้ด้วยกัน

แต่ชังกันผันพักตร์มิรักแล้ว
ก็เหมือนแนวขวากขวางคั่นทางฝัน
เมื่อไม่มีเยื่อใยจะให้ปัน
จึงมีอันร้างลาสิ้นอาลัย

จบลงแล้วภาพลวงที่หวงแหน
สิ้นสุดแม้น..เน้นคำเฝ้าร่ำไข
ก็มิอาจซ่านซึ้งเข้าถึงใจ
ที่ร้างไกลลับกันเกินผันคืน

มิใช่ดาวเด่นดวงกลางห้วงฟ้า
จึงไร้ค่าเกินจิตจะคิดขืน
ทนเจ็บร้าวหนาวเหน็บอย่างเก็บกลืน
ความขมขื่นหม่นช้ำเพียงลำพัง

วลีลักษณา
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บ้านริมโขง, รพีกาญจน์, ธาตรี รติกานท์, tina, ♥ กานต์ฑิตา ♥, มหาซัง, รุ่งอรุณ, ปุถุชน ฅนธรรมดา, ยามพระอาทิตย์อัสดง, นพตุลาทิตย์, victoria's secret, สมนึก นพ, สะเลเต, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, --ณัชชา--, มนัสศิยา, ลมหนาว, สุวรรณ, amika29, รัตติกาล, ดาว อาชาไนย

ข้อความนี้ มี 24 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
03 กรกฎาคม 2011, 02:44:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #1 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2011, 02:44:PM »
ชุมชนชุมชน


มิใช่ดาวกล่าวขานบนลานฟ้า
มิใช่ดาวแจ่มตาพาวาดหวัง
แต่เธอเป็นหนึ่งใจในภวังค์
ของคนคลั่งหลงเพ้อละเมอครวญ

สำหรับคนที่รักสลักมั่น
ทุกสิ่งอันล้วนเลิศประเสริฐหวน
ใครไม่ยอไม่ชมลมลำดวน
ก็ไม่ควรป่วนใจไปรักนาง

เธอคือดาวฝังในดวงใจฉัน
เธอเท่านั้นดาวเด่นเห็นรุ่งสาง
เธอคนเดียวเหนี่ยวนำคำรักวาง
เธอไม่ต่างจากเพชรเก็จมณี

อย่าเอื้อนเอ่ยเผยคำว่าต่ำศักดิ์
อย่าเศร้านักเอ่ยคำย่ำศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ดาว หรือเดือน เหมือนเคยมี
แต่ฤดีฉันเห็น..เป็นดาวใจ.

"บ้านริมโขง"

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥ กานต์ฑิตา ♥, มหาซัง, tina, รุ่งอรุณ, ปุถุชน ฅนธรรมดา, ยามพระอาทิตย์อัสดง, วลีลักษณา, --ณัชชา--, นพตุลาทิตย์, รพีกาญจน์, สมนึก นพ, สะเลเต, victoria's secret, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, ลมหนาว, สุวรรณ, amika29, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 21 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

03 กรกฎาคม 2011, 03:10:PM
♥ กานต์ฑิตา ♥
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 500
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,078



« ตอบ #2 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2011, 03:10:PM »
ชุมชนชุมชน



แม้เป็นเดือนเพื่อนดาวพราวพร่างฟ้า
ก็มีค่าแห่งตนบนฟ้าใส
ฟ้ามิอาจขาดเดือนเพื่อนดาวใน
คุณค่าไซร้เช่นกันมันต้องมี

แม้มิใช่ดวงดาวพรายพราวแสง
ก็ยังแรงพอฉายประกายสี
สักวันหนึ่งไม่ช้าคนตาดี
คงถึงที่สุขสม...มิขมนาน


 เธอนั่นแหละจ้ะ

"กานต์ฑิตา"

๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : บ้านริมโขง, รุ่งอรุณ, ปุถุชน ฅนธรรมดา, ยามพระอาทิตย์อัสดง, วลีลักษณา, --ณัชชา--, นพตุลาทิตย์, รพีกาญจน์, สมนึก นพ, สะเลเต, victoria's secret, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, ลมหนาว, สุวรรณ, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 18 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 กรกฎาคม 2011, 06:32:PM
ปุถุชน ฅนธรรมดา
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 102
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 120


~** กวีจร กลอนร่าย มั่นรัก อักษรา **~


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2011, 06:32:PM »
ชุมชนชุมชน



~ ปลอบดาว ~



ดาริกาดาวดวงล่วงคำกล่าว
ว่ารักร้าวลืมแล้วแคล้วความหลัง
มิอาจฝืนยืนไว้ให้จีรัง
สุดจะยั้งรั้งหน่วงด้วยห่วงใด

เมื่อรักรานพานจบสงบสงัด
ดังดึกดื่นคืนคัดขจัดไส
แล้วลาลับดับดวงไม่ห่วงใย
ให้ดวงใจไร้รอยที่คอยคืน

ทุกทรงจำย้ำห้วงผูกบ่วงจิต
ดังมืดมิดปิดใจมิใคร่ฝืน
ในราตรีนี้ดับดวงกลับกลืน
ในค่ำคืนมืดมิดสนิทเงา

เมื่อรักชังพังครืนให้กลืนกล้ำ
รอยระกำทำใจให้โง่เขลา
เพียงลมรักชักนำก็ทำเรา
ได้หมองเศร้าเคล้าสายน้ำตาคลอ

จะหันคืนทางใดก็ไกลห่าง
เมื่อรอยร้างกางกั้นให้ฝันท้อ
สุดคว้าไขว่รักเข้าดังเฝ้ารอ
จบแล้วหนอขอคืนไม่ฝืนใจ

แม้ดาวเด่นเร้นแสงไม่แรงส่ง
แต่ดาวคงคอยวันอันสดใส
ประดับห้วงเวหาในฟ้าไกล
ประดับใจใสชื่นในคืนนวล

ขอดาวน้อยคอยท่าเพลาชื่น
ในค่ำคืนดวงเด่นเช่นสงวน
แม้ดวงร้าวกร้าวร้ายกรายคร่ำครวญ
แต่ดาวนวลเด่นได้ในกมล ฯ




~* ปุถุชน ฅนธรรมดา *~

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥ กานต์ฑิตา ♥, ยามพระอาทิตย์อัสดง, วลีลักษณา, บ้านริมโขง, --ณัชชา--, นพตุลาทิตย์, รพีกาญจน์, สมนึก นพ, สะเลเต, victoria's secret, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, ลมหนาว, amika29, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 กรกฎาคม 2011, 10:35:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2011, 10:35:PM »
ชุมชนชุมชน


มิใช่ดาวกล่าวขานบนลานฟ้า
มิใช่ดาวแจ่มตาพาวาดหวัง
แต่เธอเป็นหนึ่งใจในภวังค์
ของคนคลั่งหลงเพ้อละเมอครวญ

สำหรับคนที่รักสลักมั่น
ทุกสิ่งอันล้วนเลิศประเสริฐหวน
ใครไม่ยอไม่ชมลมลำดวน
ก็ไม่ควรป่วนใจไปรักนาง

เธอคือดาวฝังในดวงใจฉัน
เธอเท่านั้นดาวเด่นเห็นรุ่งสาง
เธอคนเดียวเหนี่ยวนำคำรักวาง
เธอไม่ต่างจากเพชรเก็จมณี

อย่าเอื้อนเอ่ยเผยคำว่าต่ำศักดิ์
อย่าเศร้านักเอ่ยคำย่ำศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ดาว หรือเดือน เหมือนเคยมี
แต่ฤดีฉันเห็น..เป็นดาวใจ.

"บ้านริมโขง"



แม้เป็นเดือนเพื่อนดาวพราวพร่างฟ้า
ก็มีค่าแห่งตนบนฟ้าใส
ฟ้ามิอาจขาดเดือนเพื่อนดาวใน
คุณค่าไซร้เช่นกันมันต้องมี

แม้มิใช่ดวงดาวพรายพราวแสง
ก็ยังแรงพอฉายประกายสี
สักวันหนึ่งไม่ช้าคนตาดี
คงถึงที่สุขสม...มิขมนาน


 เธอนั่นแหละจ้ะ

"กานต์ฑิตา"

๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔



ปล่อยวันเดือนเลื่อนล่วงผ่อนช่วงช้ำ
กลับยิ่งซ้ำย้ำวงรอบสงสาร
เวียนเกิดดับสลับวนล่วงพ้นวาร
จนใจรานแหลกยับเกินกลับคืน

แต่คำใครปลอบโยนค่อยโอนโศก
ออกจากโลกมัวหม่นเคยทนฝืน
อยู่ในความเจ็บช้ำสุดกล้ำกลืน
ราวหยาดน้ำแช่มชื่นบนผืนทราย

จะเก็บดอกหญ้าต่ำสีคล้ำหม่น
ที่ล่วงหล่นกลางดินด้วยจินต์หมาย
ถนอมจริงดั่งย้ำหรือคำชาย
เกรงยามหน่ายแหนงแล้วไม่แคล้วตรม

เพราะไร้แสงวาบวามว่างามพร้อม
อยู่กลางอ้อมทรวงฟ้าสง่าสม
เลือนกว่าแสงหิ่งห้อยฤๅคอยชม
มานิยมว่าเป็นเช่นดาวใจ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : --ณัชชา--, นพตุลาทิตย์, รพีกาญจน์, สมนึก นพ, สะเลเต, บ้านริมโขง, victoria's secret, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, ลมหนาว, ปุถุชน ฅนธรรมดา, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
04 กรกฎาคม 2011, 11:42:AM
สมนึก นพ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 728
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,994



taojeo@hotmail.com
« ตอบ #5 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2011, 11:42:AM »
ชุมชนชุมชน


เคยมุ่งหวังตั้งชีวิตลิขิตหมาย
เฝ้าปองชายหนึ่งนั้นมั่นนักหนา
ในเครื่องแบบชายชาญผ่านเข้ามา
ทหารกล้าล่ำบึ๊กฝึกมาดี

อนาคตคุณนายในค่ายนั้น
ภริยาผู้พันตัวฉันนี่
และลูกน้องหลายหลากล้วนมากมี
รถของหลวงขับขี่มิเปลืองตังค์

น้ำขึ้นไม่รีบตักจักกลัวค้าง
เพื่อนรอบข้างฉกไปได้หมดหวัง
ใครทักทานอย่างไรไม่จีรัง
หาปิดบังเอาไว้แย่งไปครอง

หนึ่งสัปดาห์รู้แท้แน่แล้วหนอ
แค่ อส.นั่นหนาพาหม่นหมอง
เป็นสามีด้วยซ้ำน้ำตานอง
เพราะเนตรสองมองบ่าพาผิดไป

คือเครื่องหมายสังกัดมากลัดเสียบ
ตามระเบียบบ่งชัดจัดหน่วยไหน
แสงสะท้อนเหลืองพราววับวาวไกล
ช้ำปวดใจแล้วซี....มิใช่ดาว.

นพ
4 ก.ค.54

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สะเลเต, บ้านริมโขง, วลีลักษณา, victoria's secret, นพตุลาทิตย์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, (ฟ้า) มารสุรา, ไผ่เดียวดาย, ธันวาคม, กาญจนธโร, --ณัชชา--, ลมหนาว, ปุถุชน ฅนธรรมดา, รพีกาญจน์, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
04 กรกฎาคม 2011, 02:50:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2011, 02:50:PM »
ชุมชนชุมชน



~ ปลอบดาว ~



ดาริกาดาวดวงล่วงคำกล่าว
ว่ารักร้าวลืมแล้วแคล้วความหลัง
มิอาจฝืนยืนไว้ให้จีรัง
สุดจะยั้งรั้งหน่วงด้วยห่วงใด

เมื่อรักรานพานจบสงบสงัด
ดังดึกดื่นคืนคัดขจัดไส
แล้วลาลับดับดวงไม่ห่วงใย
ให้ดวงใจไร้รอยที่คอยคืน

ทุกทรงจำย้ำห้วงผูกบ่วงจิต
ดังมืดมิดปิดใจมิใคร่ฝืน
ในราตรีนี้ดับดวงกลับกลืน
ในค่ำคืนมืดมิดสนิทเงา

เมื่อรักชังพังครืนให้กลืนกล้ำ
รอยระกำทำใจให้โง่เขลา
เพียงลมรักชักนำก็ทำเรา
ได้หมองเศร้าเคล้าสายน้ำตาคลอ

จะหันคืนทางใดก็ไกลห่าง
เมื่อรอยร้างกางกั้นให้ฝันท้อ
สุดคว้าไขว่รักเข้าดังเฝ้ารอ
จบแล้วหนอขอคืนไม่ฝืนใจ

แม้ดาวเด่นเร้นแสงไม่แรงส่ง
แต่ดาวคงคอยวันอันสดใส
ประดับห้วงเวหาในฟ้าไกล
ประดับใจใสชื่นในคืนนวล

ขอดาวน้อยคอยท่าเพลาชื่น
ในค่ำคืนดวงเด่นเช่นสงวน
แม้ดวงร้าวกร้าวร้ายกรายคร่ำครวญ
แต่ดาวนวลเด่นได้ในกมล ฯ


~* ปุถุชน ฅนธรรมดา *~


~*~ ฤๅเพรงพรหม ~*~

ไยเปรียบว่าเป็นดาวบนราวฟ้า
ประกายจ้าแจ่มดวงครองห้วงหน
กระพริบอยู่แสนห่างระหว่างตน
มิอาจด้นคว้าดึงแม้พึงใจ

ถ้าเช่นนั้นดาวช่วงจะร่วงหล่น
แล้วแหลกป่นเป็นผงอสงไขย
ให้ฝุ่นนั้นเป็นดินแม้ถิ่นใด
ขอเพียงใกล้หนึ่งทรวงที่ห่วงคอย

แต่มิอาจเป็นได้ดั่งใจคิด
พรหมลิขิตให้เคล้าแต่เหงาหงอย
เดินบนทางเดียวดายสุดปลายคอย-
เพียงปลดปล่อยลมปราณตามกาลเวียน

พรากมาแล้วเกินย้อนสู่ตอนต้น
และแหลกป่นเกินปรับหรือจับเปลี่ยน
ได้แต่หวังความสงัดช่วยตัดเตียน
จิตที่คอยเบียดเบียนหยุดเวียนวง

จนบัดนี้รอยร้าวเมื่อคราวร้าง
ค่อยเลือนรางอาลัยยามใจหลง
ความหนาวเหน็บเจ็บช้ำในจำนง
ก็ค่อยปลงปลิดปลดจนลดทอน

แต่คล้ายรอบวาสน์วางที่กลางมรรค
ลงจำหลักลิขิตสุดคิดถอน
หรือบุพเพร่ำบทกำหนดตอน
ผูกนิวรณ์ล่ามคาเกินกว่าคลาย

จึงเวียนพบ..วนพลัด..สุดขัดขืน
เมื่อหวานชื่นคลอขวัญคำมั่นหมาย
เหมือนว่าผูกพันอยู่มิรู้คลาย
เก็บเป็นพรายดาวพร่างที่กลางทรวง

วลีลักษณา
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สะเลเต, --ณัชชา--, victoria's secret, นพตุลาทิตย์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, (ฟ้า) มารสุรา, สมนึก นพ, ธันวาคม, กาญจนธโร, ลมหนาว, ปุถุชน ฅนธรรมดา, บ้านริมโขง, รพีกาญจน์, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
05 กรกฎาคม 2011, 08:02:AM
ไผ่เดียวดาย
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 217
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 851



« ตอบ #7 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2011, 08:02:AM »
ชุมชนชุมชน

... มิใช่ดาว แต่เป็นดิน เธอหมิ่นรัก
ให้รู้จัก ความขื่นขม ตรมหนักหนา
ความรักที่ ไม่คู่ควร ด่วนจากลา
สมน้ำหน้า ที่ใจบ้า คิดคว้าดาว

ดินกับฟ้า สูงกว่าเป็น ก็เห็นอยู่
ใครก็รู้ ต่างเกินไป ใช่คู่สาว
จากตรงนี้ ระยะห่าง ทางของดาว
แค่หนึ่งก้าว เทียบล้านไมล์ กับใจเธอ

อยากเป็นดาว คงแค่ฝัน รอวันพรุ่ง
ใจริ่งรุ่ง รับความจริง ยิ่งเสมอ
ได้แค่มอง เอื้อมไม่ถึง ดึงใจเธอ
เฝ้าแต่เพ้อ พูดรำพัน กับจันทรา ...




ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : สมนึก นพ, รพีกาญจน์, ธันวาคม, ลมหนาว, กาญจนธโร, ♥ กานต์ฑิตา ♥, --ณัชชา--, มนัสศิยา, victoria's secret, ปุถุชน ฅนธรรมดา, บ้านริมโขง, สะเลเต, วลีลักษณา, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
05 กรกฎาคม 2011, 10:23:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2011, 10:23:PM »
ชุมชนชุมชน


เคยมุ่งหวังตั้งชีวิตลิขิตหมาย
เฝ้าปองชายหนึ่งนั้นมั่นนักหนา
ในเครื่องแบบชายชาญผ่านเข้ามา
ทหารกล้าล่ำบึ๊กฝึกมาดี

อนาคตคุณนายในค่ายนั้น
ภริยาผู้พันตัวฉันนี่
และลูกน้องหลายหลากล้วนมากมี
รถของหลวงขับขี่มิเปลืองตังค์

น้ำขึ้นไม่รีบตักจักกลัวค้าง
เพื่อนรอบข้างฉกไปได้หมดหวัง
ใครทักทานอย่างไรไม่จีรัง
หาปิดบังเอาไว้แย่งไปครอง

หนึ่งสัปดาห์รู้แท้แน่แล้วหนอ
แค่ อส.นั่นหนาพาหม่นหมอง
เป็นสามีด้วยซ้ำน้ำตานอง
เพราะเนตรสองมองบ่าพาผิดไป

คือเครื่องหมายสังกัดมากลัดเสียบ
ตามระเบียบบ่งชัดจัดหน่วยไหน
แสงสะท้อนเหลืองพราววับวาวไกล
ช้ำปวดใจแล้วซี....มิใช่ดาว.

นพ
4 ก.ค.54


ยามเดือนฉายแสงพร่างกระจ่างฟ้า
ดาริกาหม่นรางลอยกลางหาว
ครั้นยามแรมแต้มแต่งด้วยแสงพราว
ระยิบวาววาบไหวอยู่ไกลตา......วลีลักษณา

... มิใช่ดาว แต่เป็นดิน เธอหมิ่นรัก
ให้รู้จัก ความขื่นขม ตรมหนักหนา
ความรักที่ ไม่คู่ควร ด่วนจากลา
สมน้ำหน้า ที่ใจบ้า คิดคว้าดาว

ดินกับฟ้า สูงกว่าเป็น ก็เห็นอยู่
ใครก็รู้ ต่างเกินไป ใช่คู่สาว
จากตรงนี้ ระยะห่าง ทางของดาว
แค่หนึ่งก้าว เทียบล้านไมล์ กับใจเธอ

อยากเป็นดาว คงแค่ฝัน รอวันพรุ่ง
ใจริ่งรุ่ง รับความจริง ยิ่งเสมอ
ได้แค่มอง เอื้อมไม่ถึง ดึงใจเธอ
เฝ้าแต่เพ้อ พูดรำพัน กับจันทรา ...

ระยะห่างระหว่างใจดั่งไร้เขต
พรากนิเวศลับกันยังฝันหา
ถ้าต่างฝ่ายอาลัยแม้ไกลตา
สุดขอบฟ้าตากฟากมิพรากกัน

ย่อมดิ้นรนด้นดั้นพร้อมฟันฝ่า
เพื่อไขว่คว้าดวงใจที่ในฝัน
แม้เนิ่นนานชั่วกัปนับอนันต์
ความผูกพันมั่นหมายมิคลายคลอน

แต่หากไม่มีใจซึ้งในรัก
แม้ใกล้สักเพียงไหนมิไหวอ่อน
ม่านหัวใจกางกั้นคอยบั่นรอน
ความอาวรณ์ต่อกันก็พลันเลือน

วลีลักษณา
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥ กานต์ฑิตา ♥, --ณัชชา--, ลมหนาว, กาญจนธโร, victoria's secret, ปุถุชน ฅนธรรมดา, รพีกาญจน์, บ้านริมโขง, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
05 กรกฎาคม 2011, 11:44:PM
มนัสศิยา
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 64
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 122


ผู้ที่ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษร


Siraprapa Suchat
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2011, 11:44:PM »
ชุมชนชุมชน

ตัวเราเป็นเช่นนี้ดีอยู่แล้ว
หากเป็นดาวพราวแพรวบนเวหา
ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกเพลา
ที่ท้องฟ้าเข้าสู่ความมืดมน

ดวงดารามิอาจหยุดส่องแสง
ยังแสดงให้เห็นบนเวหน
มิอาจมีชีวิตเป็นของตน
ต้องทุกทนกับความช้ำระกรรมใจ

หลายคนมองว่าดาวสวยงามนัก
ทุกคนรักดวงดาวพราวไสว
หากมีใครรู้เห็นความเป็นไป
ก็คงไม่ยินดีและปรีดา

อันดวงดาวที่สว่างกระจ่างฟ้า
คงอยากเอ่ยวาจาเป็นหนักหนา
คงอยากบอกไปทั่วทั้งโลกา
ว่าตัวข้าอ่อนล้าและเดียวดาย

จริงไหมคะ ดวงดาว

มนัสศิยา
[quot author=วลีลักษณา link=topic=15801.msg125197#msg125197 date=1309676544]

มิใช่ดาวพราวพร่างที่กลางฟ้า
ที่ยกมาแบ่งข้างระหว่างถิ่น
ยามน้ำตาหล่นล่วงโลมห้วงจินต์
หามีใครยลยินหรือผินมอง

เก็บกลืนไว้ในอกสุดยกออก
ไหลหลั่งยอกย้อนจนทรวงหม่นหมอง
มิได้หลั่งโลมหล้าล้นบ่านอง
เพียงท่วมห้องหัวใจที่ใกล้ราน

แหลกลงอย่างเกินการณ์จะต้านอยู่
กว่าจะรู้ถ้อยคำที่ร่ำขาน
วกวนให้หวงแหนมาแสนนาน
นั้นแค่ผ่านผันมาแล้วลาไป

ก็สายเกินยั้งทัน..ดวงขวัญคล้อย
พรากล่องลอยพร้อมฝันที่สั่นไหว
แม้เพียงหวังซบดินยามสิ้นใจ
ก็กลับไร้ที่ทางให้วางตน

เพราะทรวงดินถวิลหาดาราพร่าง
ระยิบกลางห้วงหาวแพรวพราวหน
ต่ำเตี้ยอยู่ใกล้กลับดูอับจน
ด้อยกว่าด้นไขว่คว้าเอามาครอง

รักกันแม้แสนไกลแต่ใจชิด
ผูกดวงจิตสนิทขวัญมั่นสนอง
หลอมรวมเป็นหนึ่งฝันสู่วันปอง
ร่วมพ่วงคล้องดวงใจไว้ด้วยกัน

แต่ชังกันผันพักตร์มิรักแล้ว
ก็เหมือนแนวขวากขวางคั่นทางฝัน
เมื่อไม่มีเยื่อใยจะให้ปัน
จึงมีอันร้างลาสิ้นอาลัย

จบลงแล้วภาพลวงที่หวงแหน
สิ้นสุดแม้น..เน้นคำเฝ้าร่ำไข
ก็มิอาจซ่านซึ้งเข้าถึงใจ
ที่ร้างไกลลับกันเกินผันคืน

มิใช่ดาวเด่นดวงกลางห้วงฟ้า
จึงไร้ค่าเกินจิตจะคิดขืน
ทนเจ็บร้าวหนาวเหน็บอย่างเก็บกลืน
ความขมขื่นหม่นช้ำเพียงลำพัง

วลีลักษณา
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔

[/quote]

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กาญจนธโร, ลมหนาว, victoria's secret, ปุถุชน ฅนธรรมดา, รพีกาญจน์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, วลีลักษณา, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

นักเขียนฝึกหัด มนัสยา
06 กรกฎาคม 2011, 10:14:AM
ปุถุชน ฅนธรรมดา
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 102
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 120


~** กวีจร กลอนร่าย มั่นรัก อักษรา **~


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2011, 10:14:AM »
ชุมชนชุมชน


~*~ ฤๅเพรงพรหม ~*~

ไยเปรียบว่าเป็นดาวบนราวฟ้า
ประกายจ้าแจ่มดวงครองห้วงหน
กระพริบอยู่แสนห่างระหว่างตน
มิอาจด้นคว้าดึงแม้พึงใจ

ถ้าเช่นนั้นดาวช่วงจะร่วงหล่น
แล้วแหลกป่นเป็นผงอสงไขย
ให้ฝุ่นนั้นเป็นดินแม้ถิ่นใด
ขอเพียงใกล้หนึ่งทรวงที่ห่วงคอย

แต่มิอาจเป็นได้ดั่งใจคิด
พรหมลิขิตให้เคล้าแต่เหงาหงอย
เดินบนทางเดียวดายสุดปลายคอย-
เพียงปลดปล่อยลมปราณตามกาลเวียน

พรากมาแล้วเกินย้อนสู่ตอนต้น
และแหลกป่นเกินปรับหรือจับเปลี่ยน
ได้แต่หวังความสงัดช่วยตัดเตียน
จิตที่คอยเบียดเบียนหยุดเวียนวง

จนบัดนี้รอยร้าวเมื่อคราวร้าง
ค่อยเลือนรางอาลัยยามใจหลง
ความหนาวเหน็บเจ็บช้ำในจำนง
ก็ค่อยปลงปลิดปลดจนลดทอน

แต่คล้ายรอบวาสน์วางที่กลางมรรค
ลงจำหลักลิขิตสุดคิดถอน
หรือบุพเพร่ำบทกำหนดตอน
ผูกนิวรณ์ล่ามคาเกินกว่าคลาย

จึงเวียนพบ..วนพลัด..สุดขัดขืน
เมื่อหวานชื่นคลอขวัญคำมั่นหมาย
เหมือนว่าผูกพันอยู่มิรู้คลาย
เก็บเป็นพรายดาวพร่างที่กลางทรวง

วลีลักษณา
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔

~ ใฝ่เจ้า..นะ ดาวดวง ~

ไยดาวหมายหล่นร่วงสู่ห้วงดิน
ข้าฯ ถวิลดาวใฝ่ด้วยใจหวง
หมายปีนไต่ใฝ่หาสุดาดวง
ที่ยังห้วงเวหาดาราคอย

แม้เพียงดินผินผันหาหวั่นไม่
มีดวงใจใฝ่เจ้าดาวดวงน้อย
ขอจงอยู่บนฟ้ารอท่าคอย
ข้าฯ จะลอยสู่สรวงท่องห้วงดาว

แม้รอยหม่นปนย้ำให้ช้ำจิต
ก็เพียงรอยสะกิดให้รานร้าว
แต่ดาวแจ่มแจ้งดวงพ่วงสกาว
หาได้ร้าวรานรนหรือหม่นใด

ทุกหาวห้วงล่วงหามิคลาคลาด
ด้วยหมายมาดดาวพบจนจบขัย
แม้นานเนิ่นเกินทนอย่าหม่นใจ
ข้าฯ จะไปให้ถึงซึ่งดวงดาว

จะปลอบโยนดาวน้อยผู้หงอยเศร้า
ให้แสงเจ้าสาดส่องผ่องกลางหาว
มิหมายสอยเจ้าร่วงนะดวงดาว
ข้าฯ หมายท่าวป่ายปีนจนสิ้นใจ

เมื่อบุพเพหมายจรดกำหนดรัก
ให้ข้าฯ ปักใจหลงสุดปลงไหว
ก็จะดั้นด้นดวงสุดห้วงใจ
สู่ดาวใสอำไพพร่างกลางนภา ฯ


~* ปุถุชน ฅนธรรมดา *~

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ลมหนาว, victoria's secret, รพีกาญจน์, บ้านริมโขง, ♥ กานต์ฑิตา ♥, กาญจนธโร, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กรกฎาคม 2011, 07:01:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2011, 07:01:PM »
ชุมชนชุมชน

ตัวเราเป็นเช่นนี้ดีอยู่แล้ว
หากเป็นดาวพราวแพรวบนเวหา
ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกเพลา
ที่ท้องฟ้าเข้าสู่ความมืดมน

ดวงดารามิอาจหยุดส่องแสง
ยังแสดงให้เห็นบนเวหน
มิอาจมีชีวิตเป็นของตน
ต้องทุกทนกับความช้ำระกรรมใจ

หลายคนมองว่าดาวสวยงามนัก
ทุกคนรักดวงดาวพราวไสว
หากมีใครรู้เห็นความเป็นไป
ก็คงไม่ยินดีและปรีดา

อันดวงดาวที่สว่างกระจ่างฟ้า
คงอยากเอ่ยวาจาเป็นหนักหนา
คงอยากบอกไปทั่วทั้งโลกา
ว่าตัวข้าอ่อนล้าและเดียวดาย

จริงไหมคะ ดวงดาว

......มนัสศิยา......


ยามฟ้าหมองเมฆหม่นคลุมหนห้วง
ดาวเร้นดวงเลือนรางคล้ายจางหาย
ดั่งพรากฟ้ามิอาจจะเปล่งประกาย
ฤาจะหมายรอดาวให้พราวดวง

ไกลเกินกว่าคว้าจับไว้กับอก
หรือจึงยกเขตคั่นสุดดั้นสรวง
แท้อาจเป็นเหตุผลของกลลวง
ยามหมดช่วงถวิลหาสิ้นค่าควร

จึงโดดเดี่ยวเปลี่ยวเปล่าอยู่เช้าค่ำ
ยินถ้อยร่ำอาลัยก็ใจหวน-
คะนึงหา..หันเหหรือเรรวน
หนอจึงด่วนแยกหล้าฝั่งฟ้าไกล

หรือเพราะรักมากล้นท่วมท้นนัก
จึงเก็บกักดวงดาวพราวไสว
ประดับอยู่แดนสรวงแห่งดวงใจ
ผูกอาลัยล้อมขวัญด้วยฉันทา

วลีลักษณา
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔
 

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : my smile, รพีกาญจน์, ลมหนาว, victoria's secret, ♥ กานต์ฑิตา ♥, กาญจนธโร, ปุถุชน ฅนธรรมดา, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
06 กรกฎาคม 2011, 08:24:PM
รุ่งอรุณ
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 110
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 235



« ตอบ #12 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2011, 08:24:PM »
ชุมชนชุมชน


....................................................

เหลือบซ้ายขวาหน้าหลังยังเขินเขิน

เป็นส่วนเกินหรือไม่ให้กังขา

เพราะยังด้อยน้อยรู้ดั่งงูปลา

มิหาญกล้าต่อกลอนวอนอภัย


หากจะเปรียบคงเป็นเช่นก้อนถ่าน

อยู่หลังบ้านงานครัวกองหลัวใส่

มิสมควรโผล่หน้าโผล่ตาไป

ด้วยมิใช่ดาวเด่น..เช่นดาวทอง จ๋อยจนเหงื่อตก

....................................................





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ลมหนาว, victoria's secret, บ้านริมโขง, รพีกาญจน์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, วลีลักษณา, กาญจนธโร, ปุถุชน ฅนธรรมดา, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
06 กรกฎาคม 2011, 10:36:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2011, 10:36:PM »
ชุมชนชุมชน



~ ใฝ่เจ้า..นะ ดาวดวง ~

ไยดาวหมายหล่นร่วงสู่ห้วงดิน
ข้าฯ ถวิลดาวใฝ่ด้วยใจหวง
หมายปีนไต่ใฝ่หาสุดาดวง
ที่ยังห้วงเวหาดาราคอย

แม้เพียงดินผินผันหาหวั่นไม่
มีดวงใจใฝ่เจ้าดาวดวงน้อย
ขอจงอยู่บนฟ้ารอท่าคอย
ข้าฯ จะลอยสู่สรวงท่องห้วงดาว

แม้รอยหม่นปนย้ำให้ช้ำจิต
ก็เพียงรอยสะกิดให้รานร้าว
แต่ดาวแจ่มแจ้งดวงพ่วงสกาว
หาได้ร้าวรานรนหรือหม่นใด

ทุกหาวห้วงล่วงหามิคลาคลาด
ด้วยหมายมาดดาวพบจนจบขัย
แม้นานเนิ่นเกินทนอย่าหม่นใจ
ข้าฯ จะไปให้ถึงซึ่งดวงดาว

จะปลอบโยนดาวน้อยผู้หงอยเศร้า
ให้แสงเจ้าสาดส่องผ่องกลางหาว
มิหมายสอยเจ้าร่วงนะดวงดาว
ข้าฯ หมายท่าวป่ายปีนจนสิ้นใจ

เมื่อบุพเพหมายจรดกำหนดรัก
ให้ข้าฯ ปักใจหลงสุดปลงไหว
ก็จะดั้นด้นดวงสุดห้วงใจ
สู่ดาวใสอำไพพร่างกลางนภา ฯ


~* ปุถุชน ฅนธรรมดา *~


~*~ เพรงกรรม ~*~

สุดฟากฟ้าห่างไกลหากใจแกร่ง
มั่นด้วยแรงตั้งใจความใฝ่หา
ต่อให้อยู่ต่างภพมิลบลา
ย่อมเวียนชาติวาสนาร่วมฟ้าเดียว

ยามใดทอดสายตาสู้ฟ้ากว้าง
แม้ดาวรางดวงเลือนอย่าเบือนเหลียว
วอนให้รอสบวันดวงจันทร์เรียว
คืนแสนเปลี่ยวเงียบงันจักบรรเทา

ฝากแววตาอาลัยสู่ใต้หล้า
ส่องแสงมา..พราวพรายเพื่อคลายเหงา
สายลมค่ำร่ำฉมพรมแผ่วเบา-
กลิ่นมาลย์เคล้าคลอผสมห้อมห่มแดน

ปาริชาติเชิดช่อขึ้นรอช่วง
แสงวันล่วงโลมรุ้งปรุงถิ่นแถน
ฉมจักรวยรินผ่านพิมานแมน
หากใครแม้นดมดอม..จักน้อมจินต์

ย้อนกลับสู่บรรพกาลตำนานกล่าว
ทุกเรื่องราวเผยระนาบภาพถวิล
ก็จะปรากฏตนให้ยลยิน
คล้ายชีวินย้อนรอยมาคอยรอ

ฤๅเพรงกรรมร่ำบทกำหนดให้
สองดวงใจคล้องเกี่ยวด้วยเรียวขอ
จึงทั้งสุขโศกเศร้าคอยเคล้าคลอ
ยังหมายก่อชาติภพเวียนสบกัน

วลีลักษณา
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, สุวรรณ, ♥ กานต์ฑิตา ♥, ลมหนาว, กาญจนธโร, บ้านริมโขง, ปุถุชน ฅนธรรมดา, สะเลเต, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
07 กรกฎาคม 2011, 04:24:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2011, 04:24:PM »
ชุมชนชุมชน


....................................................

เหลือบซ้ายขวาหน้าหลังยังเขินเขิน

เป็นส่วนเกินหรือไม่ให้กังขา

เพราะยังด้อยน้อยรู้ดั่งงูปลา

มิหาญกล้าต่อกลอนวอนอภัย


หากจะเปรียบคงเป็นเช่นก้อนถ่าน

อยู่หลังบ้านงานครัวกองหลัวใส่

มิสมควรโผล่หน้าโผล่ตาไป

ด้วยมิใช่ดาวเด่น..เช่นดาวทอง จ๋อยจนเหงื่อตก

....................................................


เชิญร่ายกรองกานท์ร้อยเป็นสร้อยศิลป์
แล้วหลั่งรินจิตนามาฝากห้อง-
กลอน, หมั่นฝึกนึกถ้อยแล้วร้อยกรอง
คำจะคล้องงามล้ำเมื่อชำนาญ

น้องอรุณรุ่ง
กลอนไพเราะเขียนได้น่ารักค่ะ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, ลมหนาว, สะเลเต, ♥ กานต์ฑิตา ♥, รัตติกาล

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s