กลอนเก้า...ที่เราลืม
ฝากกลอนเก้า เอาไว้นึก ระลึกถึง
กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งหัดเขียน เพียรศึกษา
กลอนเก้าคำ จำได้แม่น แบบแผนมา
จากตำรา ภาษาไทย ที่ได้ยล
หากจะเขียน เพียรให้ครบ จบคำเก้า
อย่าให้เว้า เข้าหรือยืด ฝืดฝึกฝน
แปดก็แปด แผดเป็นเก้า เข้าชอบกล
จะถูกคน บ่นเอาได้ ไม่ไพเราะ
ช่างน่าแปลก แยกแยะเห็น เป็นเช่นนั้น
แต่ดำบรรพ์ ผันเปลี่ยนไป ว่าไม่เหมาะ
หายห่างเลือน เหมือนถ้อยคำ เน้นจำเพาะ
กว่าจะเสาะ หาพบได้ ไม่ง่ายเลย
เราอาจงง หลงกันไป จนไม่คิด
กรองประดิษฐ์ ติดสืบทอด ต่อยอดเผย
ปล่อยทิ้งขว้าง ห่างคนเพียร เขียนงอกเงย
เหมือนไม่เคย เลยปรากฏ ให้จดจำ
ยิ่งนานวัน หวั่นเกรงว่า จะลาลับ
จึงหยิบจับ กลับคืนวาง สรรค์สร้างพร่ำ
คนรุ่นใหม่ ได้ฝึกหัด จัดถ้อยคำ
มิใช่ย่ำ คร่ำครึเก่า ไม่เอาแล้ว
"กานต์ฑิตา"
๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔
กลอน ๙ ตามหลักฐานทางวรรณคดีไทย พบครั้งแรกในกลบทศิริวิบุลกิตติ สมัยอยุธยาตอนปลาย และกวีที่นิยมเขียนกลอนเก้า คือ ท่านพุทธทาสภิกขุศีลธรรมเลว คนก็ได้ กลายเป็นผี หาความดี ไม่ประจักษ์ สักเส้นขน
ศีลธรรมดี ผีก็ได้ กลายเป็นคน ที่เลิศล้น ภูมิใจ ไหว้ตัวเอง
ศีลธรรมต่ำ เปลี่ยนคน จนคล้ายสัตว์ จะกินกัด โกงกัน ขมันเขม็ง
ศีลธรรมสูง คนสดใส ไม่อลเวง ล้วนยำเกรง กันและกัน ฉันเพื่อนตาย
— ศีลธรรมกับคน : พุทธทาสภิกขุ