๐๐~รัก..ด้วยน้ำตา~๐๐
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 11:35:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐~รัก..ด้วยน้ำตา~๐๐  (อ่าน 8096 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 เมษายน 2011, 08:27:PM
♥ กานต์ฑิตา ♥
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 500
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,078



« เมื่อ: 06 เมษายน 2011, 08:27:PM »
ชุมชนชุมชน



หยาดน้ำตาพร่าพรายดุจสายฝน
หลั่งรินหล่นหยาดบางเป็นทางไหล
ออกจากตาที่เหงาแววเศร้าใน
น้ำตาใสไหลผ่านแก้มรานร้าว

เมื่อน้ำตาบ่าไหลหัวใจหม่น
คิดถึงคนจากไปไม่ส่งข่าว
คำที่เคยเอ่ยปากไม่จากยาว
แค่ชั่วคราวจำเป็นไม่เห็นมา


ต่อให้ร้อง จนน้ำตา เป็นสายเลือด
ต่อให้เหือด จนแห้งไหล ก็ไร้ค่า
ต่อให้ร้อง ก้องตะโกน ถึงบนฟ้า   
ต่อให้ตาย ไปตรงหน้า ก็หามอง 

เพราะใจคน ที่จากไป ไม่เคยห่วง
ทุกเวลา นาทีล่วง ทรวงหม่นหมอง
คนจากไป ใจแสนดำ กว่าน้ำคลอง
คนคอยต้อง ร้องไห้สั่น ทุกวันคืน


หากน้ำตาอุ่นสายช่วยคลายผ่อน
หัวใจอ่อนร้อนรุ่มคงชุ่มชื่น
น้ำตาหลั่งดั่งเห็นเป็นจุดยืน
ความขมขื่นเต็มทั่วทั้งหัวใจ

มิประมาณนานสุดจะหยุดร้อง
และประคองตัวรอมิท้อไหว
หากยังยืนยันขออยู่ต่อไป
รักที่ให้คงช้ำ...ด้วยน้ำตา



"กานต์ฑิตา"
๖ เมษายน ๒๕๕๔

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 เมษายน 2011, 03:08:AM
กาญจนธโร
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 307
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 427


...ก็แค่คนเรียงคำ


/profile.php?id=100002947136120&ref=tn_tnmn
เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 เมษายน 2011, 03:08:AM »
ชุมชนชุมชน

 น้ำตาไหล พรากๆ
       
                          ระรินไหล ระเรื่อยนอง อาบสองแก้ม
                     แววตาแซม แต้มแสงหม่น ปนห่วงหา
                          คราบรอยหมอง ร่องปราง คงค้างคา
                     ไร้แววลา ยังบ่าย่ำ ซ้ำใจจินต์
             
                           เลิกกู่โกน ทนข่ม ระทมเหงา
                       แม้นรอยเศร้า เย้าหยอก ยอกถวิล
                           มิเลือนคำ พร่ำฝาก เขาอยากยิน
                       แม้นโลกสิ้น ดินฟ้า ว่ารอกัน

                           กระซิบคำ ร่ำลา คราจำจาก
                       แม้นกายพราก หากแต่ใจ ใกล้เคียงขวัญ
                           จะร้อยรัก ถักทอ ต่อสัมพันธ์
                       คือคำมั่น กลั่นเรียง จากเสียงใจ
           
                           ล่วงผันผ่าน นานเนิ่น เกินจงรัก
                       จะห้ามหัก ธารภักดี คลี่ม่านใส
                           เอ่อท่วมตา พร่าพราง ทางคนไกล
                       โอ้!กระไร เมื่อไหร่เล่า เขาจักคืน
 
                            ไยหยิบยื่น ขื่นช้ำ กระหน่ำรี่
                        ดวงฤดี พลีให้ ไช่จำฝืน
                            ถึงเขาเลือน เชือนแช แม้กล้ำกลืน
                        หาหยิบยื่น อื่นใด ได้เกินมาน
                       
                            อาจดูเขลา เบาปัญญา ดั่งลาโง่
                        ผ่ายผอมโซ เพราะกริ่งหรีด กรีดประหาร
                            ศรัทธารัก สลักแน่น ในแก่นการณ์
                        แม้นเขาพาน พบรักใหม่ ไม่อาจลืม..... ซึ้งจัง
                         ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ.. ยิ้มแบบรักนะ..

                       
รักให้..ให้รักแม้กับคนไม่รู้ค่ารัก เพียงมีศรัทธาย่อมเจ็บปวดน้อยกว่า รักจะเอา..จะเอารักจากเขาคนไม่รู้ค่ารักแน่นอน
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

07 เมษายน 2011, 04:37:AM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #2 เมื่อ: 07 เมษายน 2011, 04:37:AM »
ชุมชนชุมชน



เหตุใดเศร้าครวญคร่ำจนร่ำไห้
เหตุใดใจพะวงตรงห่วงหา
เหตุใดรักที่วางกลางอุรา
เหตุใดหนาถึงพร่ำร่ำอาลัย

หรือรักลวงรักหลอกบอกเลิกรัก
หรืออกหักรักคุดสุดแก้ไข
หรือตัวเราเฝ้าครวญป่วนหัวใจ
หรือว่าใครผิดคำเคยพร่ำวอน

ความกังวลหม่นหมองครองแต่เศร้า
ความรักเร้าเผาตนจนทอดถอน
ความเข้าใจแปรเปลี่ยนเวียนบั่นทอน
ความสั่นคลอนจะถามตามอารมณ์

ใจที่คิดควรเผื่อเมื่อพลั้งพลาด
ใจไม่อาจกำหนดบทสุขสม
ใจใครช้ำเกินไปใจระบม
ใจควรข่มลงบ้างทางหวังปอง

ถนอมใจที่หม่นของตนบ้าง
ถนอมทางที่ไปอย่าให้หมอง
ถนอมตนบนชีวิตให้คิดตรอง
ถนอมสองรักชื่นอย่าขื่นไป

น้ำตาคืออารมณ์สมและเศร้า
น้ำตาเราหลั่งลาหวังฟ้าใส
น้ำตานี้ที่หลั่งอีกครั้งใด
น้ำตาใจ...ที่สุข..อย่าทุกข์ทน.

"บ้านริมโขง"
๗/๐๔/๒๕๕๔

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

07 เมษายน 2011, 07:55:AM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #3 เมื่อ: 07 เมษายน 2011, 07:55:AM »
ชุมชนชุมชน




ฉันไม่รู้ว่าทำไปบ้านเรือนถึงหายวับ
เหลือไว้แต่ซากโคลน เศษไม้ เศษซุง
และคราบน้ำตา

ฉันไม่รู้ว่าน้ำจะบ่าแรงไหลจากหลังเขา
ท่วมเอาทำนบและฝายทะลักทะลาย
กวาดหมู่บ้านลงสู่อ่าวไทย
และทะเลแห่งความเศร้า

ฉันไม่รู้ว่าพายุฤดูร้อนจะกระหน่ำปลายมีนา
ฝนท่วมฟ้าน้ำท่วมป่าโล้นนั่น
ดินอุ้มน้ำปริเลื่อนไร้รากไรยั้งฉุด
กระชากสรรพสิ่งสู่ที่ต่ำ
ที่ลุ่มราบเป็นหน้ากลอง
ใจคนราบ หม่น หมอง

ฉันไม่รู้น้ำจะมาก
ฉันไม่รู้ฝนจะมาก
คงไม่ใช่น้ำตาเธอใช่ไหม
ที่ท่วมไทยจนอ่วม
เห็นแต่คราบน้ำตาไทย
ใครจะช่วยซับ?

ต้นก้ามปู
7/4/54
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
07 เมษายน 2011, 12:16:PM
สมนึก นพ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 728
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,994



taojeo@hotmail.com
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 เมษายน 2011, 12:16:PM »
ชุมชนชุมชน



พอแล้วยัง นั่งร้อง ครองความเศร้า
พอแล้วยัง เรื่องเก่า เฝ้าร้องนี่......
พอแล้วยัง หลังผ่าน นานหลายปี.....
พอแล้วยัง หวังมี ที่เลือนลาง......

ยังไม่พอ ร้องต่อ ไปนะจ๊ะ..........
ยังไม่พอ ไม่สะ อย่าละว่าง...........
ยังไม่พอ น้ำตาอาบ ทาบสองปราง
ยังไม่พอ ปลีกร่าง ห่างเดียวดาย...

ตัดสื่อสาร ภายนอก ออกทั้งหมด..
ตัดสื่อสาร กำหนด งดแจ้งหมาย..
ตัดสื่อสาร ทุกสิ่ง เพื่อนหญิงชาย.
ตัดสื่อสาร แล้วสบาย ขึ้นไหมนา..

จงตัดใจ ตัวเอง อย่าเกรงเขา.....
จงตัดใจ ของเรา เอาก่อนหนา....
จงตัดใจ เพื่อรอ ขอเยียวยา.......
จงตัดใจ ไม่ต้องมา น้ำตานอง.....

หนึ่งสองสาม นับใหม่ ได้ตั้งต้น...
สี่ห้าหก ยกตน หายหม่นหมอง....
เจ็ดแปดเก้า น้าวจิต คิดไตร่ตรอง
ศูนย์ครอบครอง เป็นตน คนใหม่มี..

ด.ช. นพ
7 เม.ย. 54
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
07 เมษายน 2011, 05:10:PM
เมฆา...
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 698
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 624


..............


« ตอบ #5 เมื่อ: 07 เมษายน 2011, 05:10:PM »
ชุมชนชุมชน





๐ น้ำตาคนเคยรัก ๐

 โห...ไรวะ

...น้ำตาหยด รดย้อย เปื้อนรอยหน้า
เสียงโศกา ยังก้อง สองฝั่งหู
ไยความเศร้า เข้าซ้อน อยากย้อนดู
เผื่อได้รู้ ความเห็น ที่เป็นไป

...ไหลมาเอง ดอกหรือ หากคือนั้น
นิยายฝัน ใดเล่า ทำเราไห้
หรือเกิดแต่ เหตุผล พิกลใจ
จึ่งท่วมไหล ลงหลั่ง ดั่งธารา

...หรือเพราะสอง ตาสอด ดอดอยากรู้
จึงเห็นคู่ คนควง เคยห่วงหา
เกี่ยวแขนรับ จับมั่น เป็นขวัญตา
กับผู้ชาย แปลกหน้า คล้ายชาตรี

...เลยยั้งจิต ยั้งใจ ไว้ไม่แน่น
มันเคียดแค้น คึกกร่าง อย่างสิงห์สีห์
อยากพุ่งเป้า ตะปบ ตบต่อยตี
ให้สมที่ มันลวง ควงแฟนเรา

...ความโกรธหนอ ก่อตัว เสี้ยวชั่วจิต
ดลความคิด ให้ต่ำ คว่ำอับเฉา
เกือบไปแล้ว ซินะ สวะเดา
เกือบทำเอา เข้าข้อง ห้องนักเลง

...จึงพินิจ คิดใหม่ ให้แจ่มแจ้ง
เราซิแสร้ง แกล้งหลง ตรงข่มเหง
ทั้งที่หมด สิทธิ์ทำ ให้ยำเกรง
เพราะเราเอง แค่!..ไอ้เฒ่า แฟนเก่าเธอ...

...น้ำตาคนเคยรัก  จึงเอวัง ด้วยประการละฉะนี้....



 ขอโทษคร๊าบบ

***เมฆา...***



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ♥ กานต์ฑิตา ♥

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

..สัมผัสทิพย์ปรารถนาอารมณ์แล้ว..
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s