กำลังดูถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่ครับ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
24 พฤศจิกายน 2024, 01:19:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กำลังดูถ่ายทอดสดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่ครับ  (อ่าน 9774 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
16 มีนาคม 2011, 01:48:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 01:48:PM »
ชุมชนชุมชน



ท่านผู้ทรงเกียรติ
ผลัดกันลุกขึ้นพูด ด้วยท่วงท่า ท่วงทีน่าเลื่อมใส
"ท่านประธานที่เคารพ"
คือคำขึ้นต้น ทุกครั้งไป
ก่อนพร่ำพรรณนาเรื่องราวที่เตรียมการอย่างดี
พร้อมยกเอกสารประกอบ เปิดคลิป เปิดสไลด์
ผู้กล่าวหาก็กล่าวน่าเชื่อถือ
รัฐมนตรีและผู้นำก็ตอบน่าเชื่อได้
ต่อแต่นี้เจริญแล้วเมืองไทย
ใครพูดจริงใครพูดเท็จ กูเกิลช่วยได้
เจอกันใหม่ในคูหาเลือกตั้ง
ฉันเลือกเธอนะ
ความจริง
ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 01:54:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #1 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 01:54:PM »
ชุมชนชุมชน


ตราบใดศิลปะยังอยู่ดี
กวีกับการเมือง
ไม่อาจแยกกันได้

บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:04:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #2 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:04:PM »
ชุมชนชุมชน

บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์

         

          จิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อมวลชนที่สำคัญท่านหนึ่งของเมืองไทย เป็นนักคิด นักเขียนผู้มีนามปากกาหลายหลาก อาทิ กวีการเมือง, กวีศรีสยาม,ศรีนาคร, ทีปกร, สมสมัย ศรีศูทรพรรณ และ สมชาย ปรีชาเจริญ เป็นต้น

          จิตร ภูมิศักดิ์ เริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่เป็นนิสิตปีที่สาม ของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ประมาณปี๒๔๙๖ ด้วยความสนใจทางการเมือง ในฐานะสาราณียกรของสโมสรนิสิต ได้ออกหนังสือ "๒๓ ตุลา"ที่มี บทความ เรื่องสั้น กาพย์กลอน ที่มีเนื้อหาทางการเมือง เป็นผลให้หนังสือถูกอายัติ และท่านต้องถูกพักการเรียนหนึ่งปี ยิ่งกว่านั้นยังต้องถูก "โยนบก" จากนิสิตบางกลุ่ม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

          จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกจับคุมขังเมื่อปี ๒๕๐๑ ในข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิ ศาลสั่งยกฟ้องเมื่อปี ๒๕๐๗ แต่เนื่องจากถูกเพ่งเล็งจากทางการ จึงตัดสินใจเข้าป่าเมื่อปี ๒๕๐๘ ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่๕ พ.ค.๒๕๐๙ ขณะอายุย่าง ๓๐ ปี
 
          แต่ผลงานที่คงอยู่ คือสิ่งที่เป็นอมตะสำหรับนักกวีท่านนี้ เช่น บทกวีบทหนึ่งของ “จิตร ภูมิศักดิ์” ที่จำหลักหนักแน่นในความทรงจำของสังคมไทย ก็คือบทนี้

         เพื่อลบคราบน้ำตาประชาราษฎร์
         สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
         แม้ชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
         จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน


       บทกวีบทนี้ “อาเวตีก อีสากยัน” กวีประชาชนแห่งอาร์มาเนีย เขียนไว้และ “จิตร ภูมิศักดิ์” ใช้นามปากกา “ศรีนาคร” แปลไว้จากต้นฉบับบทกวีบทนี้ 

        TO BANISH  THE TRACE OF A TEAR
        FROM YOUR EYE,
        A THOUSAND DEATHS WOULD I GLADLY DIE ;
        IF ONE MORE LIFE WERE GRANTED ME,
        I’D SPEND THAT LIFE IN SERVING THEE.

        “AVETIK ISAKYAN”
        THE PEOPLE’S POET OF ARMENIA
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:08:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #3 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:08:PM »
ชุมชนชุมชน

บทกวีที่ “จิตร ภูมิศักดิ์” แปลมาจากบทกวีของต่างประเทศยังมีอีกชิ้นหนึ่งที่งดงามไม่แพ้กัน นั่นคือบทกวีของ “หลู่ซิ่น” นักเขียน-กวีชาวจีนผู้เลื่องชื่อ ซึ่ง “จิตร” ใช้นามปากกา “ศิลป์ พิทักษ์ชน” แปลไว้ และได้รับการตีพิมพ์ใน “ปิตุภูมิ”

        แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย
        จงขวางคิ้วเย็นชาเฉยเถิดสหาย
        ต่อผองเหล่านวชนเกิดกร่นราย
        จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:18:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #4 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:18:PM »
ชุมชนชุมชน

แสงดาวแห่งศรัทธา

พร่างพรายแสง ดวงดาวน้อยสกาว
ส่งฟากฟ้าเด่นพราวไกลแสนไกล
ดั่งโคมทอง ผ่องเรืองรุ่งในหทัย
เหมือนธงชัย ส่งนำจากห้วงทุกข์ทน
พายุฟ้า ครืนข่มคุกคาม
เดือนลับยาม แผ่นดินมืดมน
ดาวศรัทธา ยังส่องแสงเบื้องบน
ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย
ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย
แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย
ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
ดาวยังพรายอยู่จนฟ้ารุ่งราง

เขียนในนามปากกา "สุธรรม บุญรุ่ง"


เปิบข้าว

เปิบข้าวทุกคราวคำ..................จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกุที่สูกิน.........................จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส.........................ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน..................และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง...................ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว................ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด.................ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น.....................จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง....................และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกุทั้งสิ้น....................ที่สูซดกำซาบฟัน

จิตร ภูมิศักดิ์ จากงานกวีนิพนธ์ "วิญญาณหนังสือพิมพ์ คำเตือนจากเพื่อนเก่าอีกครั้ง"


สู้อย่างไร ? นักปรัชญาบอกข้าที

๏ ลุกขึ้นเถิดเพื่อนยาไยหน้าเศร้า
คำเก่าๆมิได้บอกไว้ดอกหรือ
อย่าท้อแท้แพ้พึมชึมกระทือ
"ชีวิตคือการต่อสู้" รู้หรือยัง?

กันก็รู้อยู่หรอกเหนอไอ้เกลอแก้ว
ก็สู้แล้วจนหมดเนื้อเหลือแต่หนัง
ยิ่งนับวันมันยิ่งหดหมดกำลัง
สุดประทังกายชื่นฝืนดวงปราณ

เหงื่อก็หยดผดก็ผุดอุดทั้งร่าง
ทำทุกอย่างให้ได้มาเพียงอาหาร
เพื่อใส่ท้องประครองชนม์ให้ทนทาน
เพื่อทำงานที่เหงื่อหยดผดเห่อแดง

ชีวิตคนจนนี้มีวงวัฏ
เพียงฝืนกัดฟันทำงานกร้านแดดแข็ง
เพื่อได้กิน...ฮะ...กินซีให้มีแรง
เพื่อง่องแง่งทำงานซานต่อไป

"ชีวิตคือการต่อสู้" ดูเพราะเหลือ
เป็นยาเบื่อเมาหมักสำนักไหน ?
มีกฎกะชนะแพ้ไว้แค่ไร ?
เริ่มที่ใด ?... ที่ป่าลึกหรือตึกโต !

ข้าเริ่มต้นบนฟากฝาหลังคาแฝก
ออกมาแถกเหงื่อทะยานอยู่นานโข
เขาเริ่มต้นบนตึกงามหลังวามโว
ข้าก็โหล่ลับลิบชั่วพริบตา

"ชีวิตคือการต่อสู้" ...ฮู! น่าหัว
สู้เพื่อตัวเพียงคนเดียวเจียวหะหา
ใครเหี้ยมหาญทะยานนั่งหลังประชา
สูบสวาปามเลือดแห้งเหือดไป

"ชีวิตคือการต่อสู้" สู้ใครเหวย ?
วานช่วยเผยคู่ต่อสู้ข้าอยู่ไหน ?
"ชีวิตคือการต่อสู้" สู้เพื่อใคร ?
สู้อย่างไร ?... นักปรัชญาบอกข้าที ! ๚

เขียนในนามปากกา "ศรีนาคร" ตุลาคม ๒๔๙๘ บทกวีชิ้นนี้ ลงพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ "กวีทรรศน์" กระดึงทอง ฉบับที่ 25 ตุลาคม 2498



งานเขียนร้อยกรองชิ้นนี้ เป็นมุมมองที่มีต่อสตรี โดยใช้นามปากกา “ศรีนาคร”

“สหายเอย…………………………….........…วานเฉลยว่าสตรีสวยที่ไหน
สวยที่ตาซึ้งงามหวามหัวใจ…………....…...สวยที่แก้มอำไพผ่องชมพู

สวยที่โอษฐ์เต็มอิ่มยิ้มน่าจูบ……………......สวยที่รูปร่างระหงทรงเพรียวหรู
สวยที่อกอันชายต้องร้องอู้ฮู้……………....…สวยตะโพกชวนดูเดินแนบเนียน

บ้างว่าสวยพร้อมพรายยามอายเหนียม…....บ้างว่าเยี่ยมก็ตรงตอนงอนปวดเศียร
บ้างว่าสวยพร้อมสรรพเมื่อดับเทียน…….….บ้างว่าสวยเพราะเธอเพียรให้ชมเชย

สวยเพราะแสนรักผัวจนกลัวหงอ…………...สวยเพราะรอเป็นเท้าหลังฟังเฉยเฉย
สวยเพราะผัวมีเมียน้อยปล่อยตามเคย….….สวยเพราะเป็นทาสเชลยเสมอไป

สหายเอย…………………………………........คำเฉลยต่อไปนี้เข้าทีไหม
สวยเพราะทำงานแข็งกร้านแกร่งไกร………เพื่อช่วยมวลชนไทยที่มืดมน

เพื่อช่วยให้เขาได้มีที่เรียนร่ำ……………..….มีงานทำมีเงินจ่ายหายขัดสน
มีบ้านอยู่อย่างเป็นสุขทั่วทุกคน…………..…งานเพื่อชนทั้งสิ้นอยู่กินดี

สวยเพราะเป็นเท้าหน้าขวาหรือซ้าย…….…เทียมเท่าชายเชิดความรักในศักดิ์ศรี
ใช่แขวนชีพไว้กับผัวชั่-ว-ตาปี………………ใช้ความสามารถที่มีกอบกิจกรรม

จงตื่นเถิดรู้ตนว่าตนสามารถ………………...จงองอาจอย่ายอมให้ใครเหยียบย่ำ
แม่แห่งลูก แม่แห่งโลก แม่แห่งธรรม………..สองมือแม้นแม่แรงค้ำโลกและคน

เธอจักสวยเพราะคำนึงซึ่งในสิทธิ…………..ที่ควรมีเสมอมิตรทุกแห่งหน
สิทธิ..หะหา..จงเธอปองสิทธิของตน………สวยด้วยศักดิ์ “เสรีชน” ใช่เชลย”

งานชิ้นนี้เป็นมุมมองของ “จิตร ภูมิศักดิ์” อันเป็นผู้เขียน(ชาย) ที่ในห้วงเวลาต่อมา “จิรนันท์ พิตรปรีชา” ก็บอกเล่ามุมมองผู้เขียน(หญิง) ที่มีต่อผู้หญิง ในชื่อชิ้นงาน

“อหังการ์ของดอกไม้” 

“สตรีมีสองมือ………………..….มั่นยึดถือในแก่นสาร
เกลียวเอ็นจักเป็นงาน………….มิใช่ร่า-น-หลงแพรพรรณ

สตรีมีสองตี-น-………………….ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน
ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน…………..……มิหมายมั่นกินแรงใคร

สตรีมีดวงตา…………………..…เพื่อเสาะหาชีวิตใหม่
มองโลกอย่างกว้างไกล…….…มิใช่คอยชะม้อยชวน

สตรีมีดวงใจ……………….…….เป็นดวงไฟมิผันผวน
สร้างสมพลังมวล……………….ด้วยเธอล้วนก็คือคน

สตรีมีชีวิต……………………..…ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่า “เสรีชน” ……………….มิใช่ปรนกามารมณ์

ดอกไม้มีหนามแหลม……….….มิใช่แย้มคอยคนชม
บานไว้เพื่อสะสม…………….….ความอุดมแห่งแผ่นดิน”

..........................
ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:27:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #5 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:27:PM »
ชุมชนชุมชน

ทะเลชีวิต

          ลมหวิว...
เจ้าแผ่วโชยพลิ้วมาปลอบใจข้า
สิ่งที่ใฝ่ฝันจงอย่าโรยรา
บรรเจิดอยู่บนนภาที่แสนไกล

ดวงดาวเอ๋ยวอนดาวโปรดจงปราณี
วานดาวชี้ทิศทางให้แก่เพื่อนใจ
จงส่งผองพลังยืนหยัดสู้ไป
ฝ่าฟันจนเขามีชัยอยู่ทุกคืนวัน


จิตร ภูมิศักดิ์
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:35:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #6 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:35:PM »
ชุมชนชุมชน

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ ยังเขียนบทกวีรำลึกถึง จิตร ภูมิศักดิ์ ในบท "ใบไม้ป่า"

ใบไม้ป่า

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
ยังดีกว่าใบไม้เหลืองในเมืองหลวง
ที่รอปลิดหล่นเปล่าประโยชน์ปวง
เป็นด่างดวงดำเปื้อนในป่าคน

ใบไม้ป่าร่วงแล้วได้เลี้ยงป่า
ทิ้งลงมาเลี้ยงรากเลี้ยงลำต้น
เหมือนแม่ให้นมลูกปลูกฝังจน
ลูกเติบตนโตแทนเต็มแผ่นดิน

เมื่อเมืองคนคับคั่งด้วยคนป่า
คนดีก็ด้อยค่าเหมือนกรวดหิน
เมื่อสัตว์ป่าสร้างป่าไว้หากิน
สัตว์เมืองก็ต้องสิ้นวิสัยเมือง

ใบไม้ป่าชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์
ได้ร่วงแล้วลงเป็นหลักให้โลกเลื่อง
ดั่งเทียนป่าปลุกแสงขึ้นแรงเรือง
ไม่เปล่าเปลืองลมปราณที่ต้านลม

ลมประสานเสียงแคนว่าแค่นแค้น
เปิบข้าวทุกคราวแค่นความขื่นขม
เหงื่อกูรินตากูแล้งน้ำแห้งตรม
ร่างกูซมซานไข้จนเขียวคาว

เสียงปืนดังเปรี้ยงกว่าเสียงปาก
ก็ปิดฉากชีวิตมืดมิดหนาว
แต่วิญญาณคือทิพย์ที่ยืนยาว
ดั่งดวงดาวยิ่งดึกยิ่งตื่นตา

กาลเวลาฆ่าจิตร ภูมิศักดิ์
กาลเวลาก็ตระหนักประจักษ์ค่า
กาลเวลาฆ่าคนดีทุกทีมา
แต่เวลาก็ทูนเทิดเชิดคนดี

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
เพื่อแตกมาเป็นใบใหม่ในทุกที่
จิตรหนึ่งดวงดับไปในวันนี้
เพื่อจะมีจิตรใหม่มากมายดวง

ถ้าสัตว์เมืองสร้างเมืองเป็นป่าได้
เราก็เหมือนใบไม้ในเมืองหลวง
ที่โหยหาป่าเขาเปลี่ยวเปล่าปวง
จิตรจะร่วงลงทั้งป่าเข้ามาเมือง
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:36:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #7 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:36:PM »
ชุมชนชุมชน

วงดนตรีเพื่อชีวิต "คาราวาน" ร้องเพลงรำลึก "จิตร ภูมิศักดิ์"  ตรึงใจจนทุกวันนี้

เพลง: จิตร ภูมิศักดิ์
ขับร้อง: คาราวาน

เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดินเข็ญ
ยากเย็นข้นแค้นอับจน
(2 ครั้ง)

ถึงวันพรากเขาลงมาจากยอดเขา
ใต้เงามหานกอินทรีย์
ล้อมยิงโดยกระหยิ่ม อิ่มในเหยื่อตัวนี้
โชคดีสี่ขั้นพันดาว
เหมือนดาวร่วงหล่น ความเป็นคนร่วงหาย
ก่อนตายจะหมายสิ่งใด

แสนคนจนยาก สิบคนหากรวยหลาย
อับอายแก่หล้าฟ้าดิน เขาจึงต่อสู้
อยู่ข้างคนทุกข์เข็ญ ได้เห็น ได้เขียนพูดจา
คุกขังเขาได้ แต่หัวใจอย่า
ปรารถนา เกิดมาเข่นฆ่าอธรรม
แล้วอำนาจเถื่อนมา
บิดเบือนบังผล กี่คนย่อยยับอับปรา

2508 เมฆดำปกคลุมฟ้า ด้วย
ฤทธา มหา..อินทรีย์ ร้างเมืองไร้บ้าน
ออกทำการป่าเขา เสี่ยงเอาชีวิตมลาย

พฤษภา 509 แดดลบเงาจางหาย
เขาตายอยู่ข้างทางเกวียน

ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์
ศพคนนี้นี่หรือคือ จิตร ภูมิศักดิ์
ตายคาหลักเขตป่ากับนาคร

*เขาตายในชายป่า เลือดแดงทาดิน
อีสาน อีกนาน อีกนาน อีกนาน

(ซ้ำ*)

เขาตายเหมือนไร้ค่า แต่ต่อมาก้องนาม
ผู้คนไถ่ถามอยากเรียน

**ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักคิดนักเขียน
ดั่งเทียนถ่องแท้แก่คน

(ซ้ำ**)

หาฟังเองในเน็ตนะครับ  หัวเราะเยาะ
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:44:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #8 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:44:PM »
ชุมชนชุมชน



มีข่าวในเน็ตว่า จิตร ภูมิศักดิ์ แต่งกลอนที่เรียกว่ากลอนเปลือยในบทกวี นกพิราบขาว (ไม่ใช่เพลงนกพิราบขาว ของจิ้น กรรมาชน นะครับ) แต่ก็ยังไม่เคยได้อ่าน ใครเคยเห็นก็เอามาลงบ้างนะครับ


---------------------------

การเมืองกับกวี
มีเรื่องราวมายาวนาน
ผู้คนเล่นขาน
เมื่อผู้ปกครองขาดความเป็นธรรม
เหล่ากวีจะลุกขึ้นมาเขียนบทกวีป่า/วร้องไปทั่วสารทิศ
พวกเขาอยู่เพื่อผู้ทุกข์ยาก
หากเมื่อผู้ปกครองเลี้ยงดูพวกเขาแล้ว
พวกเขาก็ร่ำดื่มเมามายค่ำเช้า
เทบทกวีลงไหสุราอย่างน่าเสียดาย
พร้อมกับการสูญหายของบทกวี
ทดแทนด้วยบทสรรเสริญอันมัวเมา
เศร้านัก
การเมืองกับกวี

-ต้นก้ามปู-
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 02:59:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #9 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 02:59:PM »
ชุมชนชุมชน


พรั่งพรูความทุกข์ยากจากปากนักโพทะนา
ถล่มทลายราวสึนามิท่วมทิเบต
ทะเลทรายกลืนกินป่าอเมซอน
ไฟไหม้แอนตาร์กติกา
หิมะตกในกรุงเทพมหนาครฯ
ทันใดนั้น นักใช้ภาษาดีเด่นก็เปล่งวาจา
ราวอาทิตย์อุไรอบอุ่นละลายหิมะสลายหายสิ้น
ฝนโบกขรพัตรดับไฟแอนตาร์กติกาสนิท
ความชุ่มชื้นคืนชีวิตป่าดงดิบขลัง
ทิเบตงอกยื่นทะมึนถึงพระสุเมรุ

ฉันเดินไปนอกห้อง
กรุงเทพฯ ไม่มีหิมะ ไม่มีแสงแดด
ขับรถเติมก๊าซราคาถูกไปติดในจราจรสองชั่วโมง
กินไข่ต้มก่อนรีบเข้านอนก่อนมืด
ฝันถึงบิลล์ค่าไฟฟ้าเป็นศูนย์
พรั่งพรูอะดรินาลีน
เสาร์นี้จะย้ายไปอยู่หลังเขา

-ต้นก้ามปู-
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
16 มีนาคม 2011, 03:44:PM
มะเขียบ
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 141



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 03:44:PM »
ชุมชนชุมชน



ขอบคุณครับ ท่านก้ามปู(ต้นก้ามปู)
....ขออนุญาตคัดลอกดอกก้ามปูหอมหอมของท่าน ไปสื่อเวปข้างเคียงนะครับ
"กัมเสี่ย"
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอยิ้มด้วย...โลกสวยงาม
16 มีนาคม 2011, 04:39:PM
ต้นก้ามปู
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 118


แสงสว่างเมื่อเต็มเจิดจ้าแล้วจักคืนพื้นที่ให้ความมืด


« ตอบ #11 เมื่อ: 16 มีนาคม 2011, 04:39:PM »
ชุมชนชุมชน

ยินดีครับ
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ความมืดมิดเมื่อถึงที่สุด แสงสว่างเพียงปลายเข็มก็เจิดจ้ากว่าหมื่นตะวัน
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s