26 กุมภาพันธ์ 2011, 11:26:AM |
|
|
26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:14:PM |
บ้านริมโขง
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:14:PM » |
ชุมชน
|
"ความหลังจากฝั่งฟ้า" ถูกฟ้าสั่งกำชับกำกับสิทธิ พรหมลิขิตกักไว้ไม่ให้หนี พันธนาการปานว่าพล่าชีวี เชือกอารีย์ผูกโยงห้อยโตงเตง
แล้วทั้งสองผลัดแกว่งแรงเบาหนัก ไม่หยุดพักกวักไกวให้โหวงเหวง บางครั้งปั่นให้หมุนรุนละเลง ดูครื้นเครงสองท่านมันอารมณ์
จนวันนี้คงเหนื่อยเมื่อยเลยหยุด ปล่อยเชือกหลุดมือวางอย่างเหมาะสม ปล่อยลงกลางลานกลอนอ้อนระงม กว่าสางปมลืมตาเกือบพาตาย
ตั้งสติมองฝ่าหน้าสลอน คนเขียนกลอนหลายหน้ามามากหลาย นี่ผ้าเย็นนั่นน้ำตามเรียงราย ไม่เว้นวายบางคนตะโกนเรียก
รอดมาได้ไม่ตายคล้ายดั่งฝัน แต่จาบัลย์เหงื่อโทรมชโลมเปียก แว่วยินเสียงนางหนึ่งรำพึงเพรียก สู้ตะเกียกชะเง้อเจอคนงาม
เธอสวยซึ้งตรึงใจให้สะท้าน ตาเธอหวานยามยิ้มพิมพ์วาบหวาม ปากกระจับรับแก้มแย้มมองตาม รักล้นหลามห้ามใจไม่ได้เลย...
.............. ต้องขอบคุณความดีที่ฟ้าโปรด นึกว่าโกรธที่แกล้งแห่งเฉลย หากแต่ร่วมกับพรหมชมชิดเชย วางเราเกยตักนาง...อย่างภิรมย์.
"บ้านริมโขง"
|
|
|
|
26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:35:PM |
|
|
26 กุมภาพันธ์ 2011, 08:12:PM |
ปรางทิพย์
กิตติมศักดิ์
คะแนนกลอนของผู้นี้ 355
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 429
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 08:12:PM » |
ชุมชน
|
ภาพชายหญิงอิงแอบอยู่แนบข้าง ชื่นเชยปรางสร้างฝันจึงหวั่นไหว ยังหวนคิดพิษรักจำหักใจ ด้วยยากไร้นัยข้อมาต่อรอง
ยอมจำนน ทนอยู่อย่างผู้แพ้ เก็บรักแท้แผลตรมคอยบ่มหนอง หลับตานิ่งทิ้งร่างระหว่างมอง หวังทั้งสองครองคู่ไม่รู้จาง
อีกฟากฝั่งยังเหงาและเศร้าโศก แสนวิโยคโชคร้ายปลายฟ้าสาง เสียงรำพึงถึงเขาเฝ้าครวญคราง ต้องอยู่อย่างคว้างเคว้งวังเวงจินต์
จึงเรียงร้อยถ้อยพจน์เป็นบทเศร้า คำว่า "เรา" เก่าก่อนเป็นก้อนหิน ไม่อ่อนหวานผ่านไปไร้ยลยิน ตราบจนสิ้นดินฟ้าเพียงอาลัย
|
|
|
|
27 กุมภาพันธ์ 2011, 03:37:AM |
บ้านริมโขง
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 03:37:AM » |
ชุมชน
|
ในฝั่งฟ้าน้ำตาไม่มีไหล ในฝั่งใจให้อิ่มยิ้มสุขสม ในฝั่งฝันนั้นยังหลั่งชื่นชม ในฝั่งผมยังหวานซ่านอุรา
นี่แหละรักยากไหมใครบ่งแจ้ง ทั้งโหยแห้งชุ่มฉ่ำพร่ำสรรหา หลากนิยามถามกันลั่นโลกา รักนี้หนาคือไรให้บอกกัน
คนไม่รู้แล้วยังนั่งอยู่เฉย เปิดอกเผยรักใครให้เสกสรร ทำกล้ากล้ากลัวกลัวตัวแจ่มจันทร์ วางเดิมพันให้เห็นรักเช่นไร
รักกันเถิดขอเชียร์อย่าเสียรู้ อย่าหดหู่อยู่ล้าพาหวั่นไหว ฝากรอยยิ้มต่อกันพลันสุขใจ รับวันใหม่ด้วยรักจักรื่นรมย์
"บ้านริมโขง"
|
|
|
|
27 กุมภาพันธ์ 2011, 11:36:AM |
|
|
27 กุมภาพันธ์ 2011, 02:33:PM |
บ้านริมโขง
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 02:33:PM » |
ชุมชน
|
ภาพชายหญิงอิงแอบอยู่แนบข้าง ชื่นเชยปรางสร้างฝันจึงหวั่นไหว ยังหวนคิดพิษรักจำหักใจ ด้วยยากไร้นัยข้อมาต่อรอง
ยอมจำนน ทนอยู่อย่างผู้แพ้ เก็บรักแท้แผลตรมคอยบ่มหนอง หลับตานิ่งทิ้งร่างระหว่างมอง หวังทั้งสองครองคู่ไม่รู้จาง
อีกฟากฝั่งยังเหงาและเศร้าโศก แสนวิโยคโชคร้ายปลายฟ้าสาง เสียงรำพึงถึงเขาเฝ้าครวญคราง ต้องอยู่อย่างคว้างเคว้งวังเวงจินต์
จึงเรียงร้อยถ้อยพจน์เป็นบทเศร้า คำว่า "เรา" เก่าก่อนเป็นก้อนหิน ไม่อ่อนหวานผ่านไปไร้ยลยิน ตราบจนสิ้นดินฟ้าเพียงอาลัย
ปรางทิพย์ กว่าจะซึ้งถึงคำว่าจำพราก เมื่อวันจากฝากเหงาเศร้าใช่ไหม ความหลังผุดฉุดรั้งยังแกว่งไกว ถามเรื่อยไปใครห่างร้างไม่จำ
คงเพราะหยิ่งไม่แคร์แลไม่สน มีมากคนล้วนมองปองคมขำ ยังสวยเลิศเชิดหน้าอย่าต่อคำ หลายคนช้ำเหลือเกินเลยเดินไกล
มาบัดนี้หวิวหวั่นพลันสะท้อน เมื่องามงอนร้อนรนหม่นไฉน คนอีกฝั่งหลั่งสุขซุกโอบไอ ช่างกระไรให้สะท้านปานหนาวเยือน
อย่าโทษใครเลยหนาว่าพาเศร้า โทษตาเราไยมองของเชือดเฉือน กลบอารมณ์ข่มใจให้ลืมเลือน ภาพมันเปื้อนอย่ามองให้หมองตรม
บนฝั่งนี้ฝั่งที่..เธอยืนอยู่ ยังมีผู้คอยรับซับขื่นขม เพียงเจ้าหันมาบ้างอย่างชื่นชม จะเห็นผมคอยเฝ้าเป็นเงาเธอ.
"บ้านริมโขง"
|
|
|
|
27 กุมภาพันธ์ 2011, 07:04:PM |
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 01:53:AM |
ปรางทิพย์
กิตติมศักดิ์
คะแนนกลอนของผู้นี้ 355
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 429
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 01:53:AM » |
ชุมชน
|
กว่าจะซึ้งถึงคำว่าจำพราก เมื่อวันจากฝากเหงาเศร้าใช่ไหม ความหลังผุดฉุดรั้งยังแกว่งไกว ถามเรื่อยไปใครห่างร้างไม่จำ
คงเพราะหยิ่งไม่แคร์แลไม่สน มีมากคนล้วนมองปองคมขำ ยังสวยเลิศเชิดหน้าอย่าต่อคำ หลายคนช้ำเหลือเกินเลยเดินไกล
มาบัดนี้หวิวหวั่นพลันสะท้อน เมื่องามงอนร้อนรนหม่นไฉน คนอีกฝั่งหลั่งสุขซุกโอบไอ ช่างกระไรให้สะท้านปานหนาวเยือน
อย่าโทษใครเลยหนาว่าพาเศร้า โทษตาเราไยมองของเชือดเฉือน กลบอารมณ์ข่มใจให้ลืมเลือน ภาพมันเปื้อนอย่ามองให้หมองตรม
บนฝั่งนี้ฝั่งที่..เธอยืนอยู่ ยังมีผู้คอยรับซับขื่นขม เพียงเจ้าหันมาบ้างอย่างชื่นชม จะเห็นผมคอยเฝ้าเป็นเงาเธอ.
"บ้านริมโขง" มิเคยโกรธโทษใครจากใจหญิง ที่ยอมนิ่งทิ้งฝันหวั่นเสมอ ว่าความรักมักเศร้าเคล้าละเมอ ดั่งเพลงเพ้อเผลอไผลนัยนิยาม
มองฟากฝั่งครั้งก่อนเคยอ้อนหา บทเพลงลาพาช้ำถ้อยคำหยาม มิสวยเพริดเชิดหยิ่งใช่หญิงงาม หรือมองข้ามความดีของพี่ชาย
เพียงเจียมตัวมัวหม่นจำทนเก็บ ด้วยหนาวเหน็บเจ็บนักรักสลาย ภาพที่เห็นเป็นอดีตกรีดใจกาย หากฉันตายหายแค้นจะแทนไป
ณ วันนี้ที่เศร้าเหงาโศกศัลย์ แทบจาบัลย์กลั้นจิตผิดไฉน โอ้..ความรักมักเร้นเค้นฤทัย สะอื้นไห้ไร้ข้อมาต่อรอง
บนฟากฝั่งครั้งนี้มิมีเพื่อน รอยรักเลือนเหมือนเงายามเราสอง เคยก่ายกอดพลอดพร่ำตามทำนอง ดั่งฝีหนองพองพุที่คุทรวง ขออภัยน้องทอฝันนิดนะคะ คือหยอกเย้าคุณริมโขงนิดหนึ่งค่ะ
|
|
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:AM |
Music
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:AM » |
ชุมชน
|
ฝากดอกไม้สายลมช่วยพรมพร่าง ทั่วเรือนร่างคนเศร้าอย่าเหงาเพิ่ม จะถักทอสายใยมาใส่เจิม เพื่อต่อเติมบางอย่างที่ห่างไกล
เราจะเป็นกำลังใจแม้ในฝัน ร่วมผ่าฟันความเหงาของเจ้าให้ ทุกถ้อยพจน์บทเพ้อที่เผลอใจ ยังมีใครบางคน..เฝ้าทนรอ
|
...อย่าคิดว่ายาก.แต่ทำได้../..ควรทำให้ได้.แม้มันจะยาก...
|
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:10:AM |
บ้านริมโขง
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:10:AM » |
ชุมชน
|
...คนเหงาเงียบ...เลียบฝั่ง...ต้องนั่งหลบ มิอาจพบ...หน้าใคร...กลัวใจเผลอ เพียงน้ำตา...เพื่อนเดียว...ที่เกี่ยวเจอ รินเสมอ...ครายล...เธอก่นคำ
...ฝากสำเนียง...เสียงใจ...ส่งไปถึง อีกฟากหนึ่ง...แดนนั้น...รำพันพร่ำ หวังเธอรู้...รับพจน์...บทลำนำ ยังยืนยัน...โยงย้ำ...ด้วยคำเดิม...
....................//ทอฝัน เหมือนเร้นกายหายห่างร้างแลเหลียว เหมือนคนเดียวคอยหมายได้ใดเสริม เหมือนเยื่อใยไม่พอรอเพิ่มเติม เหมือนพึ่งเริ่มสนใจในไมตรี
เพียงคำน้อยลอยมาว่าลาจาก เพียงคำฝากด้วยหมองต้องหลีกหนี เพียงอารมณ์บ่มแค้นแสนโศกี เพียงเข้าใจในพี่นี้เปลี่ยนไป
ขอจดจำคำฝากจากปากเจ้า ขอรับเอาความผิดจิตหวั่นไหว ขออวยพรวอนหวังครั้งเจ้าไกล ขอจงได้สมสิ่งที่หญิงปอง
"บ้านริมโขง"
|
|
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:46:AM |
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:PM |
บ้านริมโขง
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:PM » |
ชุมชน
|
มิเคยโกรธโทษใครจากใจหญิง ที่ยอมนิ่งทิ้งฝันหวั่นเสมอ ว่าความรักมักเศร้าเคล้าละเมอ ดั่งเพลงเพ้อเผลอไผลนัยนิยาม
มองฟากฝั่งครั้งก่อนเคยอ้อนหา บทเพลงลาพาช้ำถ้อยคำหยาม มิสวยเพริดเชิดหยิ่งใช่หญิงงาม หรือมองข้ามความดีของพี่ชาย
เพียงเจียมตัวมัวหม่นจำทนเก็บ ด้วยหนาวเหน็บเจ็บนักรักสลาย ภาพที่เห็นเป็นอดีตกรีดใจกาย หากฉันตายหายแค้นจะแทนไป
ณ วันนี้ที่เศร้าเหงาโศกศัลย์ แทบจาบัลย์กลั้นจิตผิดไฉน โอ้..ความรักมักเร้นเค้นฤทัย สะอื้นไห้ไร้ข้อมาต่อรอง
บนฟากฝั่งครั้งนี้มิมีเพื่อน รอยรักเลือนเหมือนเงายามเราสอง เคยก่ายกอดพลอดพร่ำตามทำนอง ดั่งฝีหนองพองพุที่คุทรวง ขออภัยน้องทอฝันนิดนะคะ คือหยอกเย้าคุณริมโขงนิดหนึ่งค่ะ เหมือนไม่ซึ้งถึงค่าหาความหมาย ปล่อยรักกลายเลือนลับดับห่วงหวง เพียงเพราะหวั่นกั้นทางวางรักลวง เก็บแดดวงสู้ทนไม่สนใคร
เหมือนตีตนป่วยเจ็บเหน็บความเศร้า กลัวรักเร้ารุมร่างสร้างเงื่อนไข บทพิสูจน์กลบเกลื่อนเฉือนหัวใจ กลัวเกินไปไหมหนาถ้าหมายปอง
คำเจียมตนหรือใช่ในความหมาย เธอประกายแสงสุกไล่ทุกข์หมอง เธอสง่าเทียมฟ้าแหงนหน้ามอง ฉันซิต้องร้องขอรอรักเธอ
ให้บอกกันตามตรงส่งคำมั่น เป็นเพราะฉันต่ำค่ามาเสนอ หรือว่ามีคนใหม่ไว้ปรนเปรอ บอกซิเออ..ความจริง ฉันนิ่งฟัง.
"บ้านริมโขง" ผมกราบขอบคุณท่านปรางค์ทิพย์ เป็นอย่างยิ่ง ที่กรุณาให้ความเมตตาร่วมสนุกในบทกวีที่มีคุณค่าของ ท่านระนาดเอก ในครั้งนี้
|
|
|
|
28 กุมภาพันธ์ 2011, 03:02:PM |
♥ กานต์ฑิตา ♥
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 03:02:PM » |
ชุมชน
|
หยาดน้ำตาบ่าไหลเพราะใจช้ำ ทุกคืนค่ำร่ำร้องหม่นหมองเศร้า ท่ามความเงียบเยียบเย็นมองเห็นเงา เพียงตัวเราเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
คำรักหวานผ่านปากเธอฝากไว้ ก่อนคือไฟไออุ่นคุกรุ่นหมาย บัดนี้เป็นเช่นกรดรินรดกาย ให้ทุรนทุรายแทบวายวาง
สำหรับเธอคงยิ้มได้อิ่มหน้า หรือแม้ว่าร้องไห้ก็ใช่หมาง น้ำตาหยดบดบังหลุมฝังพราง ที่เธอสร้างซ่อนไว้คนใหม่มา
คนหนึ่งขมอมทุกข์ไร้สุขสันต์ อีกคนนั้นฝันหวานเตรียมการหา คนละมุมชุ่มฉ่ำและน้ำตา เปรียบดังฟ้าสองสีในแผ่นเดียว
คนแสนดีเช่นฉันความฝันจบ เหตุผลที่เลิกคบฝังกลบเกี่ยว เหตุผลนี้ดีนักรักซีดเซียว ง่ายนักเชียวเหตุผลของคนไป
คู่รักอื่นเคลียเคล้า-แต่เราต่าง ความดีขวางทางรักเหตุผลักไส น้ำตาที่ปรี่นองสี่ห้องใจ คงจะหยุดรินไหล...อีกไม่นาน. "กานต์ฑิตา" ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
|
|
|
|