~"น้ำตาต่างฝั่ง?"~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
03 พฤศจิกายน 2024, 04:21:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~"น้ำตาต่างฝั่ง?"~  (อ่าน 6802 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
26 กุมภาพันธ์ 2011, 11:26:AM
ระนาดเอก
webmaster
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 780
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,732


~พลิ้วไหว..ดั่งสายน้ำ~


profile.php?id=100024533527747
เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 11:26:AM »
ชุมชนชุมชน


~"น้ำตาต่างฝั่ง?"~



น้ำตาเธอซึมหลั่งลงปรางแก้ม
ก่อนจะแย้มยิ้มหวานซ่านจริต
แทบกระโจนสวมกอดพลอดจุมพิต
ชายที่ชิดเคียงใกล้หน้ากายเธอ

หลังคำรักซาบซ่านผ่านเข้าหู
ทำโฉมตรูดื่มด่ำน้ำตาเอ่อ
วินาทีถัดไปได้พบเจอ
หล่อนเสนอรับรักแบบควักใจ

ส่วนอีกชายยืนสั่นพลันโลกหมุน
คนที่เธอเคยคุ้นหนุนอกไหว
น้ำตาซึมตัวเย็นเห็นความนัย
ว่าฤทัยเธอนี้..ไม่มีเรา


สองน้ำตาอารมณ์ขมและหวาน
คนละด้านที่หลั่งทั้งสุข-เศร้า
ชายส่วนเกินหลบมุมใจสุมเตา
ล่วงยินเขาสารภาพ-วาบทั้งกาย

คนได้ใจเธอก่อนในตอนนี้
คงเห็นทีต้องรับกับความพ่าย
เมื่อคนใหม่เบียดแซงแล้วแรงปลาย
คว้าใจเธอง่ายง่ายในทางรัก

ภาพหญิงชายเคลียเคล้า-แต่เราต่าง
แอบมุมอย่างเผชิญยับเยินหนัก
น้ำตาซึมเพิ่มแรงแข่งทะลัก
ทั้งคงดักดานเศร้าร้าวอีกนาน..

ระนาดเอก



ข้อความนี้ มี 17 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:14:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:14:PM »
ชุมชนชุมชน


"ความหลังจากฝั่งฟ้า"


ถูกฟ้าสั่งกำชับกำกับสิทธิ
พรหมลิขิตกักไว้ไม่ให้หนี
พันธนาการปานว่าพล่าชีวี
เชือกอารีย์ผูกโยงห้อยโตงเตง

แล้วทั้งสองผลัดแกว่งแรงเบาหนัก
ไม่หยุดพักกวักไกวให้โหวงเหวง
บางครั้งปั่นให้หมุนรุนละเลง
ดูครื้นเครงสองท่านมันอารมณ์

จนวันนี้คงเหนื่อยเมื่อยเลยหยุด
ปล่อยเชือกหลุดมือวางอย่างเหมาะสม
ปล่อยลงกลางลานกลอนอ้อนระงม
กว่าสางปมลืมตาเกือบพาตาย

ตั้งสติมองฝ่าหน้าสลอน
คนเขียนกลอนหลายหน้ามามากหลาย
นี่ผ้าเย็นนั่นน้ำตามเรียงราย
ไม่เว้นวายบางคนตะโกนเรียก

รอดมาได้ไม่ตายคล้ายดั่งฝัน
แต่จาบัลย์เหงื่อโทรมชโลมเปียก
แว่วยินเสียงนางหนึ่งรำพึงเพรียก
สู้ตะเกียกชะเง้อเจอคนงาม

เธอสวยซึ้งตรึงใจให้สะท้าน
ตาเธอหวานยามยิ้มพิมพ์วาบหวาม
ปากกระจับรับแก้มแย้มมองตาม
รักล้นหลามห้ามใจไม่ได้เลย...

..............
ต้องขอบคุณความดีที่ฟ้าโปรด
นึกว่าโกรธที่แกล้งแห่งเฉลย
หากแต่ร่วมกับพรหมชมชิดเชย
วางเราเกยตักนาง...อย่างภิรมย์.

"บ้านริมโขง"

ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:35:PM
สุดสาย
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 148
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 478


..ก้อนหินสิ้นใจ..


« ตอบ #2 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 01:35:PM »
ชุมชนชุมชน




คนร้าย..ร้าย..( ในสายตาเธอ )

น้ำตาฉันไหลเอ่อวันเธอทิ้ง
ไปซบอิงอกเขาจนเหงาเผลอ
เห็นรอยยิ้มไหลเลื่อนเคลื่อนผ่านเธอ
อกคนเก้อครวญพร่ำซ้ำเจียนตาย

มีแต่สายน้ำไหลใจคนเหงา
อยู่กับฝันวันเก่าเงาสลาย
เธอยิ้มชื่นสุขสันต์แต่ฉันคลาย
เป็นได้แค่คนร้าย..ร้าย..ในสายตาเธอ

..nara..




ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

คิดถึงฉันสักครั้ง..ในเวลาที่คุณ ( ยัง ) ไม่คิดถึงใคร ?
26 กุมภาพันธ์ 2011, 08:12:PM
ปรางทิพย์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 355
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 429



« ตอบ #3 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2011, 08:12:PM »
ชุมชนชุมชน


ภาพชายหญิงอิงแอบอยู่แนบข้าง
ชื่นเชยปรางสร้างฝันจึงหวั่นไหว
ยังหวนคิดพิษรักจำหักใจ
ด้วยยากไร้นัยข้อมาต่อรอง

ยอมจำนน ทนอยู่อย่างผู้แพ้
เก็บรักแท้แผลตรมคอยบ่มหนอง
หลับตานิ่งทิ้งร่างระหว่างมอง
หวังทั้งสองครองคู่ไม่รู้จาง

อีกฟากฝั่งยังเหงาและเศร้าโศก
แสนวิโยคโชคร้ายปลายฟ้าสาง
เสียงรำพึงถึงเขาเฝ้าครวญคราง
ต้องอยู่อย่างคว้างเคว้งวังเวงจินต์

จึงเรียงร้อยถ้อยพจน์เป็นบทเศร้า
คำว่า "เรา" เก่าก่อนเป็นก้อนหิน
ไม่อ่อนหวานผ่านไปไร้ยลยิน
ตราบจนสิ้นดินฟ้าเพียงอาลัย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
27 กุมภาพันธ์ 2011, 03:37:AM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #4 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 03:37:AM »
ชุมชนชุมชน


ในฝั่งฟ้าน้ำตาไม่มีไหล
ในฝั่งใจให้อิ่มยิ้มสุขสม
ในฝั่งฝันนั้นยังหลั่งชื่นชม
ในฝั่งผมยังหวานซ่านอุรา

นี่แหละรักยากไหมใครบ่งแจ้ง
ทั้งโหยแห้งชุ่มฉ่ำพร่ำสรรหา
หลากนิยามถามกันลั่นโลกา
รักนี้หนาคือไรให้บอกกัน

คนไม่รู้แล้วยังนั่งอยู่เฉย
เปิดอกเผยรักใครให้เสกสรร
ทำกล้ากล้ากลัวกลัวตัวแจ่มจันทร์
วางเดิมพันให้เห็นรักเช่นไร

รักกันเถิดขอเชียร์อย่าเสียรู้
อย่าหดหู่อยู่ล้าพาหวั่นไหว
ฝากรอยยิ้มต่อกันพลันสุขใจ
รับวันใหม่ด้วยรักจักรื่นรมย์

"บ้านริมโขง"

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

27 กุมภาพันธ์ 2011, 11:36:AM
Music
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 754
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,682


ขว้างไปยิ่งแรง-ยิ่งกลับมาเร็ว


« ตอบ #5 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 11:36:AM »
ชุมชนชุมชน

ชอบใจๆ    ซุบซิบนินทา



ไม่เหมือนจริงสักนิดที่ชิดเชื้อ
เป็นเพียงเหยื่อลานกลอนที่ซ่อนขม
รักสนุกสุขคล้ายได้คลายปม
ทุกข์ระทมในฝันที่บรรเลง

แล้วยังเพียรเวียนว่ายมิได้หยุด
ยังเผลอผุดอารมณ์ให้ข่มเหง
น้ำตาอีกฟากฝั่ง..ยังวังเวง
แสร้งครื้นเครงตามกวีที่บีฑา

คนเขียนคำหว่านล้อมในอ้อมกอด
เจ็บตลอด..แต่ทน..ให้ค้นหา
ซ่อนหลายสิ่งพิงพักอักษรา
อนิจจา..เป็นกรรม..คนทำกลอน


 ฉลองกัน    น้อยใจแล้วด้วย
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...อย่าคิดว่ายาก.แต่ทำได้../..ควรทำให้ได้.แม้มันจะยาก...
27 กุมภาพันธ์ 2011, 02:33:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #6 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 02:33:PM »
ชุมชนชุมชน


ภาพชายหญิงอิงแอบอยู่แนบข้าง
ชื่นเชยปรางสร้างฝันจึงหวั่นไหว
ยังหวนคิดพิษรักจำหักใจ
ด้วยยากไร้นัยข้อมาต่อรอง

ยอมจำนน ทนอยู่อย่างผู้แพ้
เก็บรักแท้แผลตรมคอยบ่มหนอง
หลับตานิ่งทิ้งร่างระหว่างมอง
หวังทั้งสองครองคู่ไม่รู้จาง

อีกฟากฝั่งยังเหงาและเศร้าโศก
แสนวิโยคโชคร้ายปลายฟ้าสาง
เสียงรำพึงถึงเขาเฝ้าครวญคราง
ต้องอยู่อย่างคว้างเคว้งวังเวงจินต์

จึงเรียงร้อยถ้อยพจน์เป็นบทเศร้า
คำว่า "เรา" เก่าก่อนเป็นก้อนหิน
ไม่อ่อนหวานผ่านไปไร้ยลยิน
ตราบจนสิ้นดินฟ้าเพียงอาลัย

ปรางทิพย์


กว่าจะซึ้งถึงคำว่าจำพราก
เมื่อวันจากฝากเหงาเศร้าใช่ไหม
ความหลังผุดฉุดรั้งยังแกว่งไกว
ถามเรื่อยไปใครห่างร้างไม่จำ

คงเพราะหยิ่งไม่แคร์แลไม่สน
มีมากคนล้วนมองปองคมขำ
ยังสวยเลิศเชิดหน้าอย่าต่อคำ
หลายคนช้ำเหลือเกินเลยเดินไกล

มาบัดนี้หวิวหวั่นพลันสะท้อน
เมื่องามงอนร้อนรนหม่นไฉน
คนอีกฝั่งหลั่งสุขซุกโอบไอ
ช่างกระไรให้สะท้านปานหนาวเยือน

อย่าโทษใครเลยหนาว่าพาเศร้า
โทษตาเราไยมองของเชือดเฉือน
กลบอารมณ์ข่มใจให้ลืมเลือน
ภาพมันเปื้อนอย่ามองให้หมองตรม

บนฝั่งนี้ฝั่งที่..เธอยืนอยู่
ยังมีผู้คอยรับซับขื่นขม
เพียงเจ้าหันมาบ้างอย่างชื่นชม
จะเห็นผมคอยเฝ้าเป็นเงาเธอ.

"บ้านริมโขง"

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

27 กุมภาพันธ์ 2011, 07:04:PM
ทอฝัน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 455
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,502

...ทอฝัน ขะรับ...ทอฝัน...!!!


« ตอบ #7 เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2011, 07:04:PM »
ชุมชนชุมชน

...คนเหงาเงียบ...เลียบฝั่ง...ต้องนั่งหลบ
มิอาจพบ...หน้าใคร...กลัวใจเผลอ
เพียงน้ำตา...เพื่อนเดียว...ที่เกี่ยวเจอ
รินเสมอ...ครายล...เธอก่นคำ

...ฝากสำเนียง...เสียงใจ...ส่งไปถึง
อีกฟากหนึ่ง...แดนนั้น...รำพันพร่ำ
หวังเธอรู้...รับพจน์...บทลำนำ
ยังยืนยัน...โยงย้ำ...ด้วยคำเดิม...

....................//ทอฝัน
ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หัวโขมย...เรียงร้อยจากห้วงใจ มิตรภาพยิ่งใหญ่ ไร้กาลเวลา
28 กุมภาพันธ์ 2011, 01:53:AM
ปรางทิพย์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 355
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 429



« ตอบ #8 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 01:53:AM »
ชุมชนชุมชน



กว่าจะซึ้งถึงคำว่าจำพราก
เมื่อวันจากฝากเหงาเศร้าใช่ไหม
ความหลังผุดฉุดรั้งยังแกว่งไกว
ถามเรื่อยไปใครห่างร้างไม่จำ

คงเพราะหยิ่งไม่แคร์แลไม่สน
มีมากคนล้วนมองปองคมขำ
ยังสวยเลิศเชิดหน้าอย่าต่อคำ
หลายคนช้ำเหลือเกินเลยเดินไกล

มาบัดนี้หวิวหวั่นพลันสะท้อน
เมื่องามงอนร้อนรนหม่นไฉน
คนอีกฝั่งหลั่งสุขซุกโอบไอ
ช่างกระไรให้สะท้านปานหนาวเยือน

อย่าโทษใครเลยหนาว่าพาเศร้า
โทษตาเราไยมองของเชือดเฉือน
กลบอารมณ์ข่มใจให้ลืมเลือน
ภาพมันเปื้อนอย่ามองให้หมองตรม

บนฝั่งนี้ฝั่งที่..เธอยืนอยู่
ยังมีผู้คอยรับซับขื่นขม
เพียงเจ้าหันมาบ้างอย่างชื่นชม
จะเห็นผมคอยเฝ้าเป็นเงาเธอ.

"บ้านริมโขง"







มิเคยโกรธโทษใครจากใจหญิง
ที่ยอมนิ่งทิ้งฝันหวั่นเสมอ
ว่าความรักมักเศร้าเคล้าละเมอ
ดั่งเพลงเพ้อเผลอไผลนัยนิยาม

มองฟากฝั่งครั้งก่อนเคยอ้อนหา
บทเพลงลาพาช้ำถ้อยคำหยาม
มิสวยเพริดเชิดหยิ่งใช่หญิงงาม
หรือมองข้ามความดีของพี่ชาย

เพียงเจียมตัวมัวหม่นจำทนเก็บ
ด้วยหนาวเหน็บเจ็บนักรักสลาย
ภาพที่เห็นเป็นอดีตกรีดใจกาย
หากฉันตายหายแค้นจะแทนไป

ณ วันนี้ที่เศร้าเหงาโศกศัลย์
แทบจาบัลย์กลั้นจิตผิดไฉน
โอ้..ความรักมักเร้นเค้นฤทัย
สะอื้นไห้ไร้ข้อมาต่อรอง

บนฟากฝั่งครั้งนี้มิมีเพื่อน
รอยรักเลือนเหมือนเงายามเราสอง
เคยก่ายกอดพลอดพร่ำตามทำนอง
ดั่งฝีหนองพองพุที่คุทรวง


ขออภัยน้องทอฝันนิดนะคะ  คือหยอกเย้าคุณริมโขงนิดหนึ่งค่ะ
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:AM
Music
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 754
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,682


ขว้างไปยิ่งแรง-ยิ่งกลับมาเร็ว


« ตอบ #9 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:AM »
ชุมชนชุมชน






ฝากดอกไม้สายลมช่วยพรมพร่าง
ทั่วเรือนร่างคนเศร้าอย่าเหงาเพิ่ม
จะถักทอสายใยมาใส่เจิม
เพื่อต่อเติมบางอย่างที่ห่างไกล

เราจะเป็นกำลังใจแม้ในฝัน
ร่วมผ่าฟันความเหงาของเจ้าให้
ทุกถ้อยพจน์บทเพ้อที่เผลอใจ
ยังมีใครบางคน..เฝ้าทนรอ

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

...อย่าคิดว่ายาก.แต่ทำได้../..ควรทำให้ได้.แม้มันจะยาก...
28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:10:AM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #10 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:10:AM »
ชุมชนชุมชน


...คนเหงาเงียบ...เลียบฝั่ง...ต้องนั่งหลบ
มิอาจพบ...หน้าใคร...กลัวใจเผลอ
เพียงน้ำตา...เพื่อนเดียว...ที่เกี่ยวเจอ
รินเสมอ...ครายล...เธอก่นคำ

...ฝากสำเนียง...เสียงใจ...ส่งไปถึง
อีกฟากหนึ่ง...แดนนั้น...รำพันพร่ำ
หวังเธอรู้...รับพจน์...บทลำนำ
ยังยืนยัน...โยงย้ำ...ด้วยคำเดิม...

....................//ทอฝัน

เหมือนเร้นกายหายห่างร้างแลเหลียว
เหมือนคนเดียวคอยหมายได้ใดเสริม
เหมือนเยื่อใยไม่พอรอเพิ่มเติม
เหมือนพึ่งเริ่มสนใจในไมตรี

เพียงคำน้อยลอยมาว่าลาจาก
เพียงคำฝากด้วยหมองต้องหลีกหนี
เพียงอารมณ์บ่มแค้นแสนโศกี
เพียงเข้าใจในพี่นี้เปลี่ยนไป

ขอจดจำคำฝากจากปากเจ้า
ขอรับเอาความผิดจิตหวั่นไหว
ขออวยพรวอนหวังครั้งเจ้าไกล
ขอจงได้สมสิ่งที่หญิงปอง

"บ้านริมโขง"

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:46:AM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #11 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 04:46:AM »
ชุมชนชุมชน


ชอบใจๆ    ซุบซิบนินทา



ไม่เหมือนจริงสักนิดที่ชิดเชื้อ
เป็นเพียงเหยื่อลานกลอนที่ซ่อนขม
รักสนุกสุขคล้ายได้คลายปม
ทุกข์ระทมในฝันที่บรรเลง

แล้วยังเพียรเวียนว่ายมิได้หยุด
ยังเผลอผุดอารมณ์ให้ข่มเหง
น้ำตาอีกฟากฝั่ง..ยังวังเวง
แสร้งครื้นเครงตามกวีที่บีฑา

คนเขียนคำหว่านล้อมในอ้อมกอด
เจ็บตลอด..แต่ทน..ให้ค้นหา
ซ่อนหลายสิ่งพิงพักอักษรา
อนิจจา..เป็นกรรม..คนทำกลอน


 ฉลองกัน    น้อยใจแล้วด้วย


จินตนาจากฝันนั้นมากนัก
เมื่อความรักไม่แท้..แน่หลอกหลอน
แต่หากใครรักจริงสิ่งแน่นอน
ความสุขย้อนอ้อนหวานซ่านฤดี

ภาษาสารกานท์กวีนี้ก็แปลก
สามารถแยกอารมณ์สมสุขศรี
มองตื้นลึกหนาบางอย่างเสรี
แล้วแต่จิตใครมีที่ใคร่ครวญ

สัมผัสได้มากน้อยตามรอยฝัน
ใช่ใครกันกำหนดกฎกระสวน
มองให้ซึ้งถึงได้ไม่เรรวน
มีทั้งส่วนของอารมณ์ผสมมา

หากดวงใจนิ่งแท้ไม่แปรเปลี่ยน
มีแสงเทียนส่องสว่างทางปัญหา
ล้วนแก้ได้เดินถูกปลูกปัญญา
สร้างราคาแห่งตน ไม่หม่นมัว.

"บ้านริมโขง"

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:PM
บ้านริมโขง
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 869
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,026



« ตอบ #12 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 02:08:PM »
ชุมชนชุมชน






มิเคยโกรธโทษใครจากใจหญิง
ที่ยอมนิ่งทิ้งฝันหวั่นเสมอ
ว่าความรักมักเศร้าเคล้าละเมอ
ดั่งเพลงเพ้อเผลอไผลนัยนิยาม

มองฟากฝั่งครั้งก่อนเคยอ้อนหา
บทเพลงลาพาช้ำถ้อยคำหยาม
มิสวยเพริดเชิดหยิ่งใช่หญิงงาม
หรือมองข้ามความดีของพี่ชาย

เพียงเจียมตัวมัวหม่นจำทนเก็บ
ด้วยหนาวเหน็บเจ็บนักรักสลาย
ภาพที่เห็นเป็นอดีตกรีดใจกาย
หากฉันตายหายแค้นจะแทนไป

ณ วันนี้ที่เศร้าเหงาโศกศัลย์
แทบจาบัลย์กลั้นจิตผิดไฉน
โอ้..ความรักมักเร้นเค้นฤทัย
สะอื้นไห้ไร้ข้อมาต่อรอง

บนฟากฝั่งครั้งนี้มิมีเพื่อน
รอยรักเลือนเหมือนเงายามเราสอง
เคยก่ายกอดพลอดพร่ำตามทำนอง
ดั่งฝีหนองพองพุที่คุทรวง


ขออภัยน้องทอฝันนิดนะคะ  คือหยอกเย้าคุณริมโขงนิดหนึ่งค่ะ



เหมือนไม่ซึ้งถึงค่าหาความหมาย
ปล่อยรักกลายเลือนลับดับห่วงหวง
เพียงเพราะหวั่นกั้นทางวางรักลวง
เก็บแดดวงสู้ทนไม่สนใคร

เหมือนตีตนป่วยเจ็บเหน็บความเศร้า
กลัวรักเร้ารุมร่างสร้างเงื่อนไข
บทพิสูจน์กลบเกลื่อนเฉือนหัวใจ
กลัวเกินไปไหมหนาถ้าหมายปอง

คำเจียมตนหรือใช่ในความหมาย
เธอประกายแสงสุกไล่ทุกข์หมอง
เธอสง่าเทียมฟ้าแหงนหน้ามอง
ฉันซิต้องร้องขอรอรักเธอ

ให้บอกกันตามตรงส่งคำมั่น
เป็นเพราะฉันต่ำค่ามาเสนอ
หรือว่ามีคนใหม่ไว้ปรนเปรอ
บอกซิเออ..ความจริง ฉันนิ่งฟัง.

"บ้านริมโขง"


ผมกราบขอบคุณท่านปรางค์ทิพย์ เป็นอย่างยิ่ง ที่กรุณาให้ความเมตตาร่วมสนุกในบทกวีที่มีคุณค่าของ ท่านระนาดเอก ในครั้งนี้  ยิ้มหน้าใส
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

28 กุมภาพันธ์ 2011, 03:02:PM
♥ กานต์ฑิตา ♥
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 500
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,078



« ตอบ #13 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2011, 03:02:PM »
ชุมชนชุมชน


หยาดน้ำตาบ่าไหลเพราะใจช้ำ
ทุกคืนค่ำร่ำร้องหม่นหมองเศร้า
ท่ามความเงียบเยียบเย็นมองเห็นเงา
เพียงตัวเราเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

คำรักหวานผ่านปากเธอฝากไว้
ก่อนคือไฟไออุ่นคุกรุ่นหมาย
บัดนี้เป็นเช่นกรดรินรดกาย
ให้ทุรนทุรายแทบวายวาง

สำหรับเธอคงยิ้มได้อิ่มหน้า
หรือแม้ว่าร้องไห้ก็ใช่หมาง
น้ำตาหยดบดบังหลุมฝังพราง
ที่เธอสร้างซ่อนไว้คนใหม่มา 

คนหนึ่งขมอมทุกข์ไร้สุขสันต์
อีกคนนั้นฝันหวานเตรียมการหา
คนละมุมชุ่มฉ่ำและน้ำตา
เปรียบดังฟ้าสองสีในแผ่นเดียว 

คนแสนดีเช่นฉันความฝันจบ
เหตุผลที่เลิกคบฝังกลบเกี่ยว
เหตุผลนี้ดีนักรักซีดเซียว
ง่ายนักเชียวเหตุผลของคนไป

คู่รักอื่นเคลียเคล้า-แต่เราต่าง
ความดีขวางทางรักเหตุผลักไส
น้ำตาที่ปรี่นองสี่ห้องใจ
คงจะหยุดรินไหล...อีกไม่นาน.

"กานต์ฑิตา"
      ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s