มองสายรุ้งพุ่งพาดวาดขอบฟ้า
สุดสายตาคราห่างต่างวิถี
ดุจชีวิตจิตคว้าหาเสรี
หลายเดือนปีที่ด้นค้นตำนาน
แสงอรุณกรุ่นไอไล้หมอกฝน
ดั่งต้องมนต์ยลเยือนเลือนสถาน
หมู่นกกาหากินทั่วถิ่นกาล
คงมินานผ่านไปให้คำนึง
บทรักหวนชวนชื่นในคืนหนาว
ร้อนผะผ่าวคราวรัดสัมผัสถึง
พิศวาสปรารถนาแสนตราตรึง
สุดคะนึงซึ้งพจน์ทุกบทตอน
ฝากจุมพิตชิดสายที่ปลายรุ้ง
อีกโค้งคุ้งมุ่งฝันบรรจถรณ์
ถึงคนไกลไว้เตือนยามเคลื่อนจร
ห่วงอาทรวอนหวังจึงฝังใจ
เสียงกระซิบทิพย์ฝากอีกฟากฟ้า
จากขวัญตาว่ารักมิผลักไส
ในอ้อมแขนแสนอุ่นกรุ่นละมัย
มิมีใครไหนเลยร่วมเชยปราง
ณ สุดสายปลายรุ้งมุ่งสู่ฝัน
นับรอวันฟันฝ่ากล้าสะสาง
ใจสองใจ...ใกล้ชิดสนิทวาง
เพียงฟ้ากว้างขวางเราเท่านั้นเอง
บทรักหวานชวนชื่นในคืนนี้
โอ้..ฤดี เงียบเหงา “เศร้า” ข่มเหง
ไม่ใยดีกับรักปักบรรเลง
ไม่เคยเกรงเลย “เศร้า” เจ้าตัวมาร
ยิ่งอยู่เดียวเปลี่ยวจิตยิ่งคิดฝัน
นับคืนวันห่วงหามาประสาน
อยากอยู่ใกล้ไล่ขมชมดวงมาลย์
อยากเบิกบานเคียงคู่ชื่นชู้ครอง
พร่ำคำหวานผ่านฟ้ามาเสนอ
ฝากลมเพ้อเสนอสู่คู่เคียงสอง
ฝากอ้อมดินกลิ่นไอได้ประคอง
นวลละอองมองฟ้าสบตากัน
ด้วยอยู่ห่างหนทางระหว่างฟ้า
แม้นโน้มมาจบดินถวิลฝัน
เป็นเพียงในสายตาพารำพัน
แต่จริงนั้นยังห่างต่างฟ้าดิน
ถึงต้องตามถามทางวางให้ถึง
จากฟากหนึ่งของฟ้าพาถวิล
สู่ฟากหนึ่งมีน้องครองสมจินต์
ต้องข้ามฟ้าข้ามถิ่นบินลัดไป
จากความเพียรเวียนถามตามความรัก
ถอดสลักความหมองครองสดใส
จากพลาดหวังครั้งก่อนรุ่มร้อนใจ
พบรักใหม่..ข้ามขอบฟ้า..มาเคียงครอง.
"บ้านริมโขง"