เราแต่งกลอน เขาก็ชม ว่าสม,เหมาะ
แต่ไม่เคาะ ให้คะแนน ที่แสนหวง
เมื่อคิดดู มันก็ขำ เหมือนทำลวง
พาให้ดวง ใจท้อ ไม่พอเพียง
จะเลื่อนขั้น ทั้งที ต้องมีเลข
เหมือนเป่าเสก มนตรา เพื่อหาเสียง
ร่ายกวี ฟรีหนอ จนคอเอียง
แทบจะเดี้ยง ลาลับ ไปกับคอมฯ
นึกสงสาร ท่านกวี SP CLASS
เฝ้าเวียนวาด กลอนร่าย แทบผ่ายผอม
จนเรี่ยวแรง สูญสิ้น ก็ยินยอม
ดูเหมือนพร้อม ยอมตาย ถวายพลี
กว่าจะผ่าน ด่านหนึ่ง แทบถึงฆาต
ทั้งเหงื่อหยาด ไคลย้อย ไม่ถอยหนี
ที่บางท่าน มุ่งหวัง มาทั้งปี
ยังไม่มี ทีท่า จะฝ่าไป
ก็แต่งกลอน สารพัด สัมผัสบท
ทั้งร้อยรส หอมหวาน เหมือนธารใส
แต่ก็ไม่-มีผล จึงจนใจ
แล้วชาติไหน กันเล่า ถึงเข้าวิน
กว่าจะถึง ศักดิ์ศรี กวีเอก
ต้องนั่งเสก สักวา ภาษาศิลป์
แล้วโพสต์ไป ให้เห็น เป็นอาจิณ
นับว่าหิน ใช่น้อย ต้องคอยนาน
คิดแล้วกลุ้ม สุมทรวง เพื่อทวงเลข
กวีเอก ขื่นใจ มิใช่หวาน
มีความเพียร เลิศล้ำ กระทำการ
ทรมาน แค่ไหน ไม่จำนน
สักวันหนึ่ง ถึงฝั่ง ที่หวังวาด
ป่า วประกาศ กลอนเลิศ แล้วเกิดผล
คะแนนที่ โหดหิน ได้ยินยล
ชื่นกมล คนหวัง ที่ยังรอ
ก็คงสุข สมใจ เหมือนได้แก้ว
ที่เปี่ยมแล้ว พรท่าน ประทานขอ
ลุจุดหมาย ปลายฝัน ถึงขั้นพอ
เช่นเหล่ากอ นักกวี มากฝีมือ
หากไม่ถึง ปลายทาง เหมือนอย่างฝัน
จะหยุดดั้น-ด้นนี้ จะมีหรือ
ต้องเฝ้าทุ่ม-เทลึก การฝึกปรือ
นี่แหละคือ นักกวี ที่มีนาม.ความจริงกลอนนี้ผมแต่งไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ Level 4 นักเลงกลอนประจำหมู่บ้าน แต่ดองไว้เนื่องจากยังไม่อยากนำลง
แต่เผอิญว่าช่วงนี้มีการพูดกันเรื่องการให้คะแนนกันบ่อย ประกอบกับผมเองก็คิดกลอนไม่ค่อยออก(หมดไฟ)ก็เลยถือโอกาสนำมาลง
ให้ได้อ่านกัน แต่กลอนนี้ไม่ได้หมายถึงตัวผมนะครับ เพียงแต่เห็นคนอื่นเขาเป็นกันผมก็เลยแต่งกลอนนี้ขึ้นมา(บางคนแต่งกลอนจนลิ้นห้อย
แต่ก็ยังไม่ได้คะแนนซะที ผมเห็นแล้วเหนื่อยแทน)
ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งฉายาพวกนักกลอน SP Class ว่า "ผู้รอความหวัง" ชื่อนี้ก็มาจากกลอนบทนี้แหละครับ....