แหงนหน้ามองหมู่ดาวพราวระยิบ
พร่างกระพริบริบขอบฟ้านภาใส
ล้วนแพรวพราววาววับประทับใจ
ราตรีมืดสว่างไสวใต้แสงดาว
ทอลำแสงพรายเพริศบรรเจิดหล้า
แผ่วสายลมพัดมาพาใจหนาว
ฝนกระหน่ำกรรโชกโกรกกรูกราว
ก็ยังพราวเพริศพร่างสว่างไกล
สายตาฉันพลันเห็นดวงดาวร่วง
หวิวในทรวงอัศจรรย์พาหวั่นไหว
ดูซิดาวยังลาลับดับมืดไป
ทิ้งฟากฟ้าให้อาลัย " ไม่แน่นอน "
จะเอาแน่อะไรในความรัก
อาจกระอักช้ำชอกรักหลอกหลอน
ชีวิตเคยสดใสอาจใกล้มรณ์
เพราะรักซ้อนซ่อนรักหนักอุรา
อยากให้รักเป็นดาวฤกษ์เบิกฟ้าใส
ส่องฤทัยไสวสว่างดังปรารถนา
ไม่มีวันร่วงลับดับสักครา
เปล่งแสงจ้าในหัวใจ..ไปเนิ่นนาน...
"Kanthita"
2 ธ.ค. 2553
เมื่อมองเห็นสัจธรรมที่ค้ำโลก
ความทุกข์โศกเศร้าสร้อยร้อยประสาน
ล้วนแต่เช่นคนสร้างต่างดวงมาน
ตามต้องการของตัณหาราคะคน
หากมองได้ด้วยใจยิ่งใสแจ่ม
ไม่ต้องแย้มหน้าต่างกลางสายฝน
หลับตาลงสติตั้งหลั่งกมล
ความทุกข์ทนก็คลายสลายไป
คืนที่เหงาจะสงบพบดวงจิต
คืนที่คิดจะพอไม่ขอไหน
คืนเดียวดายจะกรุ่นบุญอุ่นไอ
คืนไหนไหนจะสดใสในใจเรา
ไม่ต้องเหงาอีกแล้วดวงแก้วจ๋า
ไม่ต้องหาดาวฤกษ์เบิกฟ้าไหน
ไม่ต้องครุ่นครวญคิดติดตามใคร
ไม่ต้องใครให้หาถ้ามั่นคง
เพียงตัวเราเท่านั้นที่มันเหงา
แก้ที่เราอย่าแก้ใครให้ไหลหลง
ค่ำคืนนี้ชีพมีที่ยืนยง
ได้มั่นคงก็เพราะเราเขาไหนกัน
ไม่อาจห้ามหากหว้าเหว่เหมือนเปลแกว่ง
ยามโดนแรงแปลงซัดปัดเสียขวัญ
แต่ปมผูกปลูกหลักปักค้ำยัน
ยังคงมั่นยันอยู่..รู้อุบาย
บ้านริมโขง