ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น
มิได้เป็นนางฟ้าคุณค่าสูง
มิได้เป็นวิหคเช่นนกยูง
มิใช่เป็นหงส์ฝูงที่เลิศเลอ
ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น
มิได้เป็นคนที่ดีเสมอ
มิได้เป็นคนง่ายตามใจเธอ
มิได้เป็นคนเซ่อให้เธออำ
ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น
มิได้เป็นคนอ่อนอ้อนให้ขำ
มิได้เป็นคนที่มีใจดำ
มิได้เป็นคนย้ำชอบซ้ำเติม
ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น
มิได้เป็นคนแกร่งมีแรงเสริม
มิได้เป็นคนนิ่งกับสิ่งเดิม
มิได้เป็นคนเหิมเกริมเกินควร
ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น
มิได้เป็นคนถ่อยชอบคอยสวน
มิได้เป็นคนล่อก่อชนวน
มิได้เป็นคนกวนชวนทะเลาะ.
“Kanthita”
4 พ.ย.2553
“ฉันก็เป็นอย่างนี้อย่างที่เห็น”
ที่ควรเป็นเห็นเหมือนเตือนเบาะเบาะ
อย่ามาสับจับทุเรียนเปลี่ยนเป็นเงาะ
คำฉอเลาะไร้ค่าไม่น่าชม
ได้แต่นั่งฟังคำที่นำกล่าว
ล้วนแวววาวคมมีดกรีดผสม
เป็นคำปรามห้ามไว้ไม่โง่งม
ไม่หลงลมคมอำอย่านำมา
ให้สะทกสะท้อนอ่อนระโหย
ล้าแรงโรยโหยไห้ใจผวา
จำกล้ำกลืนฝืนคำจำนรรจา
หากเอ่ยมาเกรงว่าจะพาพัง
ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจให้ใครเปลี่ยน
ไม่เคยเวียนออดอ้อนย้อนความหลัง
ไม่เคยห้ามปรามใดให้ร้างรัง
ไม่เคยหวังเกินไปไม่ประเมิน
ไม่บีบคั้นหัวใจให้สะอื้น
ไม่เคยลื่นเกินที่มีสรรเสริญ
มีแต่หวังฝากไปรักใคร่เกิน
คงเผอิญความหวังดีมีกำแพง
ได้รับรู้สิ่งเตือนที่เฉือนซ้ำ
จะจดจำใส่ใจไม่กำแหง
จะไม่ล้ำเกินเขตเจตจำแลง
จะไม่แสร้งอาลัย...ให้ใครตรม
บ้านริมโขง