สำเนียงแผ่ว...แว่วหวาน...ขับขานกล่อม
ละมุนม่อม...พร้อมกาย...พริ้วพรายใส่
ระรู้แล้ว...รำพัน...ฝันถึงใคร
กระซิบไป...ในกมล...ของคนนั้น
หวานเอยหวาน...หัวใจ...ตอนใกล้รุ่ง
แต่จรุง...ปรุงชิด...จิตแนบมั่น
ได้ยินเสียง...กล่อมซึ้ง...สื่อถึงกัน
มิใช่ฝัน...ขานรับ...สดับรู้
~แม่ค้าหน้าหวาน~
๐ ทั้งสุดห้วง ดวงใจ ให้ไปสิ้น
ธรณิน ดินกลบ มิลบหลู่
ฝันได้จูบ ลูบโลม โฉมพธู
ได้ร่วมเรียง เคียงคู่ มิรู้ร้าง
๐ ใจเอ๋ยใจ ใครกัน ที่ฝันถึง
มั่นตราตรึง ซึ้งจิต มิคิดห่าง
ช่างเพราะล้ำ สำเนียง แห่งเสียงนาง
แสนรัญจวน นวลปราง ยามย่างเยื้อง....(อักษราฯ)
ครูนำโครงโยงข่ายระบายบอก
จึงพร้อมพอกพูนเพียรพร้อมเขียนเรื่อง
สานถ้อยถิ่นดินไทยให้รุ่งเรือง
สืบศิลป์เมืองเบื้องม่านเมื่อกาลล้ำ
วลีลักษณ์ปักรูปร้อยเริงร่าย
ประดิษฐ์สายลายศิลป์ระบิลร่ำ
ผสมข้อทอถ้อยนับร้อยคำ
ให้ระบำรำฟ้อนกระฉ่อนฟุ้ง
ตำราหนอ-กอ-กานท์มอบสานสืบ
แม้เพียงคืบเพียงคำที่พร่ำพุ่ง
ฝากเนื้อบทรจนาภาษาปรุง
ประดับคุ้งเขตคามนามไทยวัจน์
๐ รังสรรค์คำ นำเรียง เป็นเยี่ยงอย่าง
เพื่อสรรค์สร้าง วางไว้ ได้ฝึกหัด
เคยพบพาน ผ่านเห็น เป็นเด่นชัด
จึงเร่งรัด จัดวาง ปูทางไว้
๐ อาจมีผิด ติดขัด มิชัดแจ้ง
ใช่เสแสร้ง แกล้งวาง หนทางใหม่
ได้ประสบ พบแนว แล้วชอบใจ
หลักกานท์ไทย ในกาล บุราณนั้น....(อักษรารำพัน)
กลอนตลาด สาดคำ เพียรพร่ำแต่ง
ถ้อยแถลง แฝงอารมณ์ บ่มความฝัน
แถลงรัก อักษรา ภาษากัน
พร่ำรำพัน ฝันรุกราม ตามอารมณ์......(คนรักษ์ถิ่น)