เขียนกลอนย้อนยุค...
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 01:42:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เขียนกลอนย้อนยุค...  (อ่าน 6740 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
06 พฤษภาคม 2010, 08:31:PM
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2010, 08:31:PM »
ชุมชนชุมชน


บัดนั้น..                   เจ้าทรพีผู้อาจหาญ
มีกำลังดั่งว่าคชาพาล         เชี่ยวชาญเรื่องขวิดรบตบตี
วันวันออดอ้อนน้องนางงาม    ติดตามยิ่งยอดมารศรี
แก่กล้าวิชามานานปี          อยู่ในพงพีอันอำไพ
แวดล้อมล้วนเหล่ากาสรสาว    ขาวขาวเนียนเป็นไฉน
เบื่อชีวิตกำเริบเสิบสานใจ      เอ๊นี่ตูจะทำอะไรดีวา
จึงขวิดเขาขู่ข่มพนมไพร      กำราบไปว่าตูนี่แหละหนา
จะปกป้องสูจงบูชา          ทุกอย่างข้าต้องการอย่าร่ำไร



คือแบบว่าอยากเขียนกลอนเหมือนสมัยก่อน..อยากอ่านพยายามหาแล้วไม่เจอใครที่พอแต่งต่อได้เชฺญต่อนะครับอยากอ่านจนจบเลยถึงตอนที่สุครีพพาลีมาปราบโน่นแหล..สนุกดี
ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

16 กุมภาพันธ์ 2011, 06:13:PM
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« ตอบ #1 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2011, 06:13:PM »
ชุมชนชุมชน

มาจะกล่าวบทไป                      ถึงเทพารักษ์อัชฌาศัย
พักผ่อนเบิกบานสำราญใจ           ฟังเพลงกอล์ฟไมค์อารมณ์ดี
ครั้นเมื่อพสุธาเลื่อนลั่น               ไหวหวั่นพรั่นใจไม่สุขขี
คลาดเคลื่อนคลื่นทางสถานี         ด้วยเพราะแรงแกว่งตีเจ้าควายพาล
ด้วยพิโรธขุ่นเคืองจึงร้องลั่น         ไอ้ควายทุยจงหยุดพลันอย่าอาจหาญ
ว่างหรือไรเล่าหนอมาก่อการ         ที่สถานบ้านตูไม่ดูควร
ปัดเดี๋ยวฟาดด้วยไม้ให้ตายชัก      ทำลูกชิ้นเนื้อหมักตากเต็มสวน
ไปเถิดหนาไอ้เขาเลอย่าเรรวน      มายียวนตัวข้าจงคลาไคล



 ขำแบบกระแดะหน่อยๆ

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

16 กุมภาพันธ์ 2011, 08:38:PM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #2 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2011, 08:38:PM »
ชุมชนชุมชน



บัดนั้น                       
เทพารักษ์ศักดิ์ใหญ่
หลังจากดาลเดือดใจ
ร่ายเวทย์ทันใดสาปควายพาล

ว่าเหวย...จงเป็นคูโบต้า
ไถนากินน้ำมันเผาผลาญ
ทำงานหนักไปอีกนานเท่านาน
กว่าอวสานเป็นเศษเหล็กชั่งกิโล

ครั้งนี้ผิดนักประจักษ์แจ้ง
ด้วยแรงฤทธิรณโมโห
ท่านเทพสาปเจ้าทุยคุยโต
ด้วยมันโวระรานจนท่านเคือง

กล่าวฝ่ายชาวนาผู้อาภัพ
ได้รับผลบุญหนุนเนื่อง
จากควายเป็นรถไถสิ้นเปลือง
เพราะเรื่องน้ำมันขึ้นราคา

หนี้สินท่วมท้นบนกองทุกข์
รวมพลประท้วงบุกไปหา
ล้อมวิมานสถานสถิตย์ท่านเทวดา
ชูป้ายตะโกนว่า "อภิสิทธิ์ ออกไป"

                      ม็อบชาวนา เอ้อ..จริงว่ะ



ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

16 กุมภาพันธ์ 2011, 11:27:PM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2011, 11:27:PM »
ชุมชนชุมชน


เมื่อนั้น                            อัครอำมาตย์บาทใหญ่   
ได้ยินชาวนามาท้าใคร      จึ่งมีวจีให้ เสนา      
เจ้าจงไปถามความศัพท์      แล้วจับเจ้าหัวโจกมาหา   
กล้าหาญปานใดมาบีฑา      หรือมีพวกบ้าคอยยุแยง

บัดนั้น                                เสนาศิริโชคโรคแขยง   
ได้ฟังคำสั่งแทบสิ้นแรง                จึงแย้งวาจาแล้วว่าไป   
อันชาวนานี้นั้นปั้นจริต                 จะหยุดคิดสักนิดก็หาไม่   
ว่าน้ำมันราคาแพงตะแบงไป             เราก็ใช้ใส่เบ๊นซ์ไม่เห็นแพง   
ถ้าว่าแพงไปไม่เห็นยาก                 ทำลำบากพรากพร่ำกำแหง   
ใช้วัวฉุดแทร็คเตอร์ให้เต็มแรง            น้ำมันซึ่งถึงแพงไยจำเป็น

เมื่อนั้น                           มหาอำมาตย์ก็เพ่งเล็งเห็น
ยิ่งแก้ยิ่งยากลำบากเป็น      จึ่งตวาดกราดเต้น เสนา
ใช้วัวฉุดแทร็คเตอร์เป็นเพ้อใบ้   คนจะได้ด่าทอครหา
แล้วแทร็คเตอร์เผลอติดขึ้นมา      วัวเตลิดเกิดบ้าจะว่าไง
เรารู้ว่าเทพาอารักษ์              สาปสักปักคาถามาใส่
แทร็คเตอร์คือควายใช่ใคร      คำสาปกำหลาบไว้เป็นเล่ห์กล
ต้องใช้ของสองสิ่งวิ่งเต้น      ได้เห็นเซ่นเบิกก็เลิกบ่น
เท่านี้มีอะไรต้องกังวล      อารักษ์หรือจะพ้นกำนัล ฯ
ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

17 กุมภาพันธ์ 2011, 02:18:AM
บัณฑิตเมืองสิงห์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 378
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 608



« ตอบ #4 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011, 02:18:AM »
ชุมชนชุมชน

เมื่อนั้น                                     กษัตริย์กรุงไกรหทัยสีห์
รี้พลหลายสิบหมื่นคลื่นนที                กำหราบไพรี ที่คิดปลิดปลงภูวดล
พลดาบพลง้าวธนูครบ                     ประจบปลายทางทุกระหน
ศัตรูรายเรียงหลายคน                     จิตคิดทุพพลไม่มี
เรือหลวงศรีนาคราช                       โบกธงองอาจประกาศศรี
ศรีปราชญ์อำมาตย์ชาติกวี                 ล่วงวจี เอื้อนกลอนเอ่ยกานท์อยู่นานเนาว์

บัดนั้น                                       องครักษ์ยักษ์ใหญ่ใจเขลา
ยืนมั่นท้าเสียงสำเนียงเบา                 เข้ามารบพุ่งประจัญบาน
กองทัพโรมรันธนูใส่                        จุดฟอนไฟเข้ารุมเร้ากล้าหาญ
เห็นคชหลวงพลายชัยฤกษ์คชาธาร       มิยำเกรงประมาณ ปะทุปะทะชนะใจ
เหล่าทวยราษฎร์ก็หึกเหิม                  กองพลกำลังเสริมเข้าใส่
เคลื่อนเรือเคลื่อนทัพสดับไป               ในเสียงฆ้องเสียงกลองบรรเลง




บัณฑิตเมืองสิงห์   
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
17 กุมภาพันธ์ 2011, 02:22:AM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #5 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011, 02:22:AM »
ชุมชนชุมชน


ฝ่ายข้าเสนากังฉิน
ได้ยินคำสั่งดังนั้น
จัดเตรียมกุ้งพร่าครบพลัน
เป็ดไก่หมูสามชั้นล้วนของดี

ขาดแต่บายศรีต้องเสียบไข่
จะแบ่งซื้อทีละใบก็ใช่ที่
ด้วยอัครอำมาตย์นั้นเคยมี
บัญชาไว้ไข่นี้ขายเป็นกิโล

ถึงคราติดสินบนอารักษ์
ก็ต้องควักแบงค์จ่ายซื้อเป็นโหล
ต้องการแค่สามใบเอาไข่โชว์
น่าโมโหต้องซื้อมาหลายใบ

แล้วนำสำรับกับข้าว
ทั้งหวานคาวเหล้ายาหามาใส่
จุดธูปบนบอกทันใด
ทวยเทพไซร้โปรดมารับสักการ

ด้วยชาวนาเดือดร้อนในตอนนี้
ก่อม็อบมีกำลังมหาศาล
อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบรัฐบาล
เรื่องที่ท่านสาปควายให้เป็นรถ

แต่ติดอยู่ที่น้ำมันแพง
แผ่นดินก็แห้งแล้งทั่วไปหมด
ผลผลิตตกต่ำซ้ำรันทด
ข้าวกล้าสดตายเกลี้ยงเลี้ยงไม่โต

จึงพายกพวกมาประท้วง
ก้าวล่วงสู่กรุงยุ่งอักโข
ขับไล่อำมาตย์ผู้เดโช
เป็นข่าวใหญ่โตทั่วไทย

เมื่อนั้น
เทพารักษ์ศักดิ์ใหญ่
ฟังคำเสนาว่าไป
ก็รับไว้สินบนทั้งปวง

แล้วคืนคำสาปรถไถนั้น
ให้พลันกลับเป็นควายลุล่วง
อนิจจาเทพารักษ์ไม่ดูดวง
ติดบ่วงตัณหาพาจม

ต้องคดีอาญาจากสวรรค์
รับสินกำนัลไม่เหมาะสม
ศาลสรวงพิพากษาพาตรม
ด้วยปมทุจริตคิดมิดี

ให้พ้นจากเทวาอารักษ์
ถอดยศปลดศักดิ์สิ้นศรี
ยึดทรัพย์และวิมานโสภี
จากนั้นให้เนรเทศไปเกิดที่โลกมนุษย์....




ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

17 กุมภาพันธ์ 2011, 01:06:PM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011, 01:06:PM »
ชุมชนชุมชน


เมื่อนั้น                    ทรพีพลังกล้ามารุต
คำสาปคราบกสิณสิ้นสุด      ก็เผ่นผลุดหลุดโผนกระโจนคึก
สะบัดเขาเข้ากราดหินกล้า      ทะลายหน้าผาท้าผนึก
หินก็กรูพรูพรั่งดังนึก              มิอาจกรายควายถึกนึกคะนอง
ครืดคำรามกรามกรอดฟอดฟัด   ให้ฮึดฮัดอัดอกบกพร่อง
หรือผู้ใดไหนกล้าท้าประลอง      ถึงอารักษ์ก็จักต้องบรรลัย
แม้ไอ้ทรพาที่ว่าแกร่ง              ข้ายังแทงจมเขาเอาไส้ไหล
ให้เสือสิงห์มหิงส์คชหมดไพร   จะต่อกรข้าได้ยังไม่มี
ข้าเก่งเก่งล้ำแต่กำเนิด      ไยอาศัยใดเลิศมาเสริมศรี
ให้อาคมพรมล้นธรณี              จะต่อตีข้าได้ก็ให้มา
เหวยเจ้าเทพเทพาอารักษ์      ไหนที่ว่าปกปักรักษา
ไม่เห็นตัวมัวแต่ทำมายา      ข้าสิกล้าท้าโลกใช่โงกงม ฯ
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

17 กุมภาพันธ์ 2011, 09:57:PM
บัณฑิตเมืองสิงห์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 378
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 608



« ตอบ #7 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011, 09:57:PM »
ชุมชนชุมชน

เมื่อนั้น                                     กษัตริย์กรุงไกรหทัยสีห์
รี้พลหลายสิบหมื่นคลื่นนที                กำหราบไพรี ที่คิดปลิดปลงภูวดล
พลดาบพลง้าวธนูครบ                     ประจบปลายทางทุกระหน
ศัตรูรายเรียงหลายคน                     จิตคิดทุพพลไม่มี
เรือหลวงศรีนาคราช                       โบกธงองอาจประกาศศรี
ศรีปราชญ์อำมาตย์ชาติกวี                 ล่วงวจี เอื้อนกลอนเอ่ยกานท์อยู่นานเนาว์

บัดนั้น                                       องครักษ์ยักษ์ใหญ่ใจเขลา
ยืนมั่นท้าเสียงสำเนียงเบา                 เข้ามารบพุ่งประจัญบาน
กองทัพโรมรันธนูใส่                        จุดฟอนไฟเข้ารุมเร้ากล้าหาญ
เห็นคชหลวงพลายชัยฤกษ์คชาธาร       มิยำเกรงประมาณ ปะทุปะทะชนะใจ
เหล่าทวยราษฎร์ก็หึกเหิม                  กองพลกำลังเสริมเข้าใส่
เคลื่อนเรือเคลื่อนทัพสดับไป               ในเสียงฆ้องเสียงกลองบรรเลง




บัณฑิตเมืองสิงห์   


พลดาบฟาดฟันฟัดไม่ยั้ง                                  ประดุจดั่งม้าศึกกระฉับกระเฉง
หักหาญทิ่มแทงครื้นเครง                                โตงเตงขาดยับย่อยกล
กษัตริย์กรุงไกรได้เปรียบ                                 เข้าเทียบท้าทวนสับสน
ตะลุมบอนเร่งปรี่รี้พล                                       ข้ามพ้นวันหลอกคืนลวง
 
เมื่อนั้น                                                           ไพรีทวีวินาศบาทสรวง
พลม้าพลช้างทั้งปวง                                        หนีล่วงเลยลับไพรพนา
กษัตริย์กรุงไกรอาจหาญมหาราช                     มิอาฆาตไล่ล่าบ้าโทษา
วกเรือกลับวังบวรนา                                        หวังว่าศัตรูพ่ายยับอับจน

แต่งแนวนี้ไม่ค่อยเป็น แต่ชอบเลยมาแต่งต่อ อิอิ



บัณฑิตเมืองสิงห์
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s