**ต่อกลอนกับเพียงกมล**
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 09:30:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: **ต่อกลอนกับเพียงกมล**  (อ่าน 8358 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
30 เมษายน 2010, 03:03:PM
victoria's secret
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 421
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 150


อักษรันรำพา...อักษรารำพัน


« เมื่อ: 30 เมษายน 2010, 03:03:PM »
ชุมชนชุมชน

xxxx
ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
30 เมษายน 2010, 04:04:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 30 เมษายน 2010, 04:04:PM »
ชุมชนชุมชน

๐ ล่วงอีกคืน..ฝืนร่าง..อย่างเหน็บหนาว
แสงเดือนพราว..วาววับ..จับแดนสรวง
มีดาวแจ่ม..แซมเห็น..เป็นรุ้งรวง
งามโชติช่วง..ห้วงฟ้า..ดาราราย

๐ รักเคยสร้าง..ทางฝัน..อันเจิดจ้า
เหมือนนภา..ราตรี..มีจันทร์ฉาย
เมื่อโรยรา..พาคว้าง..อย่างเดียวดาย
เหมือนจันทร์กราย..ย้ายเคลื่อน..สู่เดือนแรม...(Victoria’s secret)


ยามเดือนแรมรูปเรียวซีดเซียวหม่น
แต่เกลื่อนหนด้วยดาวยังพราวแต้ม
คืนผ่านพ้นวนวันจวบจันทร์แย้ม
เพ็ญกลับแจ่มกลางหาวอีกคราวครั้ง

ต่างจากแสงข้างในที่ใจนั่น
กลับนับวันมัวหม่นจนสิ้นหวัง
ไร้วี่แววเรื่อรองส่องนวล,ดัง
ชีพไร้ฝั่งกลางมืดดับชั่วกัปกาล
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
30 เมษายน 2010, 05:46:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 30 เมษายน 2010, 05:46:PM »
ชุมชนชุมชน


๐ ล่วงอีกคืน..ฝืนร่าง..อย่างเหน็บหนาว
แสงเดือนพราว..วาววับ..จับแดนสรวง
มีดาวแจ่ม..แซมเห็น..เป็นรุ้งรวง
งามโชติช่วง..ห้วงฟ้า..ดาราราย

๐ รักเคยสร้าง..ทางฝัน..อันเจิดจ้า
เหมือนนภา..ราตรี..มีจันทร์ฉาย
เมื่อโรยรา..พาคว้าง..อย่างเดียวดาย
เหมือนจันทร์กราย..ย้ายเคลื่อน..สู่เดือนแรม...(Victoria’s secret)


ยามเดือนแรมรูปเรียวซีดเซียวหม่น
แต่เกลื่อนหนด้วยดาวยังพราวแต้ม
คืนผ่านพ้นวนวันจวบจันทร์แย้ม
เพ็ญกลับแจ่มกลางหาวอีกคราวครั้ง

ต่างจากแสงข้างในที่ใจนั่น
กลับนับวันมัวหม่นจนสิ้นหวัง
ไร้วี่แววเรื่อรองส่องนวล,ดัง
ชีพไร้ฝั่งกลางมืดดับชั่วกัปกาล...(เพียงกมล)


๐ คืนเดือนแรม..แก้มช้ำ..น้ำตาไหล
สู้หมายใจ..ได้ปอง..ละอองหวาน
หวังครองคู่..ชูชื่น..ยั่งยืนนาน
กลับร้าวราน..รักลา..ช่างน่าชัง

๐ จะกี่ปี..กี่เดือน..ดูเหมือนว่า
ใจที่ล้า..รารอ..หมายก่อหวัง
ถ้อยสัญญา..ครานั้น..ใจฉันยัง
เตือนให้ยั้ง..รอคอย..บนรอยเดิม

๐ จะกี่รอย..ก้าวย่าง..บนทางเหงา
จะเก็บเอา..น้ำตา..นั้นมาเสริม
จะแปรล้า..เป็นแรง..มาเเต่งเติม
จะรอเริ่ม..ฝันสวย..ไปด้วยกัน

๐ ที่เคยทำ..ช้ำมา..ในครานั้น
จะลืมมัน..จากใจ..ไม่ไหวหวั่น
ขอเป็นเเรง..แห่งใจ..ในรายวัน
เพื่อสานฝัน..วันนี้..ณ ที่เดิม...(เพลีย..กมล)

ได้ประจักษ์ในจิตซึ้งพิษรัก
ไม่หมายภักดิ์ผู้ได้มาไว้เสริม
เมื่อสิ้นแล้วไม่ขอรอต่อเติม
ไม่มีเริ่มไม่มีจบลบอาลัย

มิเหลือใจแสนเจ็บไว้เก็บกัก-
ด้วยตรึงปักเงาหม่น..ยากพ้นได้
ยังมืดดำคล้ำเศร้าและเหงาใจ
จนไม่เหลือเยื่อใยมอบใครครอง

สายเสียแล้วสายฝันเมื่อผันช่วง
ไม่อาจพ่วงพันให้หัวใจสอง
ได้สานเกลียวเหนี่ยวนำเข้าจำจอง
แม้หมายปองคล้องไว้ด้วยนัยเดียว

แต่ว้าเหว่หวั่นไหวก็ไม่หยุด
เหมือนตามยุดฉุดเร้าด้วยเปล่าเปลี่ยว
แม้ว่ามานขาวซีดนั้นรีดเรียว
เกิดกว่าเกี่ยวสายฝันสู่วันไกล

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
01 พฤษภาคม 2010, 11:27:AM
Kotchanan
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2010, 11:27:AM »
ชุมชนชุมชน

๐ คืนเดือนแรม..แก้มช้ำ..น้ำตาไหล
สู้หมายใจ..ได้ปอง..ละอองหวาน
หวังครองคู่..ชูชื่น..ยั่งยืนนาน
กลับร้าวราน..รักลา..ช่างน่าชัง

๐ จะกี่ปี..กี่เดือน..ดูเหมือนว่า
ใจที่ล้า..รารอ..หมายก่อหวัง
ถ้อยสัญญา..ครานั้น..ใจฉันยัง
เตือนให้ยั้ง..รอคอย..บนรอยเดิม

๐ จะกี่รอย..ก้าวย่าง..บนทางเหงา
จะเก็บเอา..น้ำตา..นั้นมาเสริม
จะแปรล้า..เป็นแรง..มาเเต่งเติม
จะรอเริ่ม..ฝันสวย..ไปด้วยกัน

๐ ที่เคยทำ..ช้ำมา..ในครานั้น
จะลืมมัน..จากใจ..ไม่ไหวหวั่น
ขอเป็นเเรง..แห่งใจ..ในรายวัน
เพื่อสานฝัน..วันนี้..ณ ที่เดิม...(เพลีย..กมล)

ได้ประจักษ์ในจิตซึ้งพิษรัก
ไม่หมายภักดิ์ผู้ได้มาไว้เสริม
เมื่อสิ้นแล้วไม่ขอรอต่อเติม
ไม่มีเริ่มไม่มีจบลบอาลัย

มิเหลือใจแสนเจ็บไว้เก็บกัก-
ด้วยตรึงปักเงาหม่น..ยากพ้นได้
ยังมืดดำคล้ำเศร้าและเหงาใจ
จนไม่เหลือเยื่อใยมอบใครครอง

สายเสียแล้วสายฝันเมื่อผันช่วง
ไม่อาจพ่วงพันให้หัวใจสอง
ได้สานเกลียวเหนี่ยวนำเข้าจำจอง
แม้หมายปองคล้องไว้ด้วยนัยเดียว

แต่ว้าเหว่หวั่นไหวก็ไม่หยุด
เหมือนตามยุดฉุดเร้าด้วยเปล่าเปลี่ยว
แม้ว่ามานขาวซีดนั้นรีดเรียว
เกิดกว่าเกี่ยวสายฝันสู่วันไกล...(เพียงกมล)


๐ ดึกคืนนี้..มีดาว..พร่างพราวแสง
แต่ฤาแข่ง..แสงจันทร์.. อำพันใส
ฟ้าสกาว..พราวสวย..โปรดอวยชัย
ช่วยเปลี่ยนใจ..ใครหนึ่ง..ซึ่งหมายปอง

๐ เธอถูกรัก..หักอก..จนหมกไหม้
เมื่อรักจาก..พรากไป..เลยใจหมอง
แม้มีชาย..หมายเมียง..คู่เคียงครอง
ไม่แยแส..แลมอง..แม้ต้องตา

๐ ยังอาลัย..ใจภักดิ์..ในรักเก่า
อยู่ใต้เงา..เศร้าสร้อย..ละห้อยหา
ทนอาวรณ์..นอนเดี่ยว..เปลี่ยวเอกา
แม้เวลา..จะผ่าน..เนิ่นนานแล้ว

๐ วอนฟ้าสวย..ช่วยให้..เผยใจนาง
ให้กระจ่าง..พร่างพราย..ประกายแก้ว
อาจบางที..ที่.รัก..จักฉายแวว
ให้เพริศแพร้ว..อีกครา..ใต้ฟ้างาม...(เพลีย..กมล)


ทุกที่ทางสองเราเคยก้าวผ่าน
ยังร้าวราน หวนไห้..วันไหวหวาม
เมื่อนัยน์ตามีน้ำผุดฉ่ำวาม
มิเหลือความเข้มแข็งแห่งดวงใจ

จะเริ่มรักเริ่มฝันนั้นแสนยาก
เพราะรอยบากถากลึกผนึกให้-
เกิดริ้วรอยเกินจิตคิดรักใคร
จมหมองไหม้ เหมือนดั่ง กำลังล้า

เส้นขอบโค้งตรงนั้นตะวันตก
ยังพลิก,ผก ดวงตะวัน ผันเจิดจ้า
แต่ความรักที่ร้างและห่างตา
มิกลับมาอีกแน่...รู้แก่ใจ

ความทรงจำทำร้ายเวียนร่ายภาพ
และเจ็บปลาบทุกครั้ง..เกินยั้งได้
คนหนึ่งพรากจากกัน..พลันมีใคร
พร้อมก้าวไปสู่ฝัน..ลืมกันแล้ว..(เพียงมั่วปน)
ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
01 พฤษภาคม 2010, 08:00:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2010, 08:00:PM »
ชุมชนชุมชน


ทุกที่ทางสองเราเคยก้าวผ่าน
ยังร้าวราน หวนไห้..วันไหวหวาม
เมื่อนัยน์ตามีน้ำผุดฉ่ำวาม
มิเหลือความเข้มแข็งแห่งดวงใจ

จะเริ่มรักเริ่มฝันนั้นแสนยาก
เพราะรอยบากถากลึกผนึกให้-
เกิดริ้วรอยเกินจิตคิดรักใคร
จมหมองไหม้ เหมือนดั่ง กำลังล้า

เส้นขอบโค้งตรงนั้นตะวันตก
ยังพลิก,ผก ดวงตะวัน ผันเจิดจ้า
แต่ความรักที่ร้างและห่างตา
มิกลับมาอีกแน่...รู้แก่ใจ

ความทรงจำทำร้ายเวียนร่ายภาพ
และเจ็บปลาบทุกครั้ง..เกินยั้งได้
คนหนึ่งพรากจากกัน..พลันมีใคร
พร้อมก้าวไปสู่ฝัน..ลืมกันแล้ว..(เพียงมั่วปน)

หากอีกใจยังคงดำรงมั่น
ไม่แปรผันวาดหวานแม้ผ่านแผ่ว-
เรียวรีดรอยพิศสวาทฤๅคลาดแคล้ว
กลับตรึงแนวบอบบางลงกลางทรวง

ด้วยไม่อาจลบรอยที่คอยหลอก
ยังยั่วหยอกรุมเร้าให้เฝ้าหวง
รู้รักเช่นเสน่หา..แค่ค่าลวง
ยังติดบ่วงพ่วงพันสุดบั่นทอน

เสียงเพรียกจากหัวใจไม่เคยหยุด
และยากฉุดเหนี่ยวรั้ง..สิ้นหวัง,ถอน
สลักนั้นตรึงมั่นนิรันดร
และคอยย้อนรอยย้ำทุกค่ำคืน

จันทร์เจ้าเอย นวลใยที่ในฟ้า
เคยเจิดจ้าอาบผ่านบนมาน, ผืน
กลับกลายหมองหม่นคล้ำให้กล้ำกลืน
สิ้นแสงโสมโลมรื่น..เหลือขื่นทรวง (เพียงกมล)
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
01 พฤษภาคม 2010, 10:38:PM
จะไม่เด็ด
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 109
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 440



« ตอบ #5 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2010, 10:38:PM »
ชุมชนชุมชน


ยินเสียงใจบอกจันทร์วันฟ้ากว้าง
ดูเหมือนนางวางใจ,มิใคร่หวง
ราวจะบอกความในใจทั้งปวง
ว่าแดดวงหนึ่งนี้...มีผู้ใด

หรือจะอำความนัยมิใคร่เผย
ก็เกินเลยอันมนุษย์สุดวิสัย
ถนอนมนวลชวนชื่นรื่นฤทัย
หรือเกรงใจใครอื่นที่ชื่นครอง...อิอิ

...แบบว่า..มาแจมหนะ...
ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
01 พฤษภาคม 2010, 10:56:PM
กฤษณาต้องน้ำ
LV5 ศิลปินเอกแห่งตำบล
*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 91



« ตอบ #6 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2010, 10:56:PM »
ชุมชนชุมชน

  เหมอมองจันทร์ฝันหวานวันวานเก่า              เห็นหน้าเจ้า ยิ้มร่าเฮฮารื่น
พี่จึงแอบ หลบหน้าน้ำตากลืน                        แอบสะอื้นหวยไห้ ในแสงจันทร์

  ยามเพ็ญเดือนสิบสองน้ำนองนั่น                เคยร่วมกันลอยกระทง ตรงตลิ่ง
เชื่อในรักประจักษ์รักเจ้าจริง                        เพื่อทุกสิ่ง จึงมา หาเงินทอง
 
   จันทร์เจ้าเอ๋ยรู้ไหมว่าใครเศร้า                       คนใจเหงาเศร้าใจไห้มัวหมอง
คิดถึงเจ้าโหยหาน้ำตานอง                              จึ่งร่ำร้องฝากจันทร์ ฉันรักเธอ 
 
แง้ ๆ แต่งเสร็จแล้วมันหาย ต้องแต่งใหม่  อันเก่าดีกว่านี้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆT_T ลาตายดีกว่าตู ลาตายดีกว่าตู 

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ลมอรุณเฉื่อยฉิวลูบไล้เดือนค้างฟ้า แม้เป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง แต่ก็
03 พฤษภาคม 2010, 03:49:PM
พิมพร
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 29
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 92



« ตอบ #7 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2010, 03:49:PM »
ชุมชนชุมชน

เสียงเพรียกจากหัวใจไม่เคยหยุด
และยากฉุดเหนี่ยวรั้ง..สิ้นหวัง,ถอน
สลักนั้นตรึงมั่นนิรันดร
และคอยย้อนรอยย้ำทุกค่ำคืน

จันทร์เจ้าเอย นวลใยที่ในฟ้า
เคยเจิดจ้าอาบผ่านบนมาน, ผืน
กลับกลายหมองหม่นคล้ำให้กล้ำกลืน
สิ้นแสงโสมโลมรื่น..เหลือขื่นทรวง
(เพียงกมล)

ยินเสียงใจบอกจันทร์วันฟ้ากว้าง
ดูเหมือนนางวางใจ,มิใคร่หวง
ราวจะบอกความในใจทั้งปวง
ว่าแดดวงหนึ่งนี้...มีผู้ใด

หรือจะอำความนัยมิใคร่เผย
ก็เกินเลยอันมนุษย์สุดวิสัย
ถนอมนวลชวนชื่นรื่นฤทัย
หรือเกรงใจใครอื่นที่ชื่นครอง...
(จะเด็ด..กมล)

๐ แม้ใจนาง..ร้างใคร..ที่ใฝ่ฝัน
ขอผูกพัน..มั่นอยู่..เป็นคู่สอง
กับโฉมงาม..ทรามวัย..ที่ใฝ่ปอง
ขอจับจอง..ห้องใจ..มิไคลคลา...
(เพลีย.กมล)

สรวงฟ้าเอย เผยให้ เพียงได้ฝัน
เพื่อใครนั้น เฝ้าคอย ละห้อยหา
เพียงร่ำพากย์ ฝากให้ ผู้ไกลตา
ด้วยหมายตรา ตรึงขวัญ เกี่ยวพันไว้

โปรดรับรู้ อาวรณ์ อันอ่อนหวาน
ที่จดจาร จากขวัญ ผู้ฝันใฝ่
โปรดรับรู้ ห่วงหา และอาลัย
มอบจากใจ คนเหงา คอยเคล้าคลอ...
(เพียงกมล)

๐ ค่ำคืนนี้..มีดาว..สกาวใส
มีหนึ่งใจ..ใครหมอง..ร่ำร้องขอ
ให้หนึ่งใจ..ใครนั้น..ที่ฝันรอ
กลับมาก่อ..ทอฝัน..เหมือนวันวาน

๐ คิดเอย..คิดถึง..คนึงนัก
มอบใจภักดิ์..รักเอย..เคยหอมหวาน
หมายสลัก..รักไว้..ให้แสนนาน
กลับร้าวราน..ซานซม..ฤาสมควร...
(เพลีย.กมล)

รวยรินราตรีหอม รอบล้อมถิ่น
ให้โชยกลิ่น รื่นหวาน ผ่านลมหวน
ออในอก ผู้ร่ำ คำคร่ำครวญ
ว่ารักรวน แรมร้าง จืดจางแล้ว

เพื่อปลอบขวัญ คนไกล ผู้ไฝ่ฝัน
คลายไหวหวั่น อาวรณ์ ให้ผ่อนแผ่ว
แม้หนึ่งหวัง เลือนราง เคยพร่างแพร้ว
อย่าคลาดแคล้ว อีกหวัง จนพังครืน...
(เพียงกมล)

๐ ถึงเพียงแม้..แค่ฝัน..อันลางเลือน
มิแชเชือน..ชะตา..ที่ฟ้ายื่น
ขอหัวใจ..ได้ซึ้ง..แค่หนึ่งคืน
แม้เมื่อตื่น..ลืมตา..รักราโรย

๐ เพียงปลายก้อย..น้อยหนึ่ง..ก็ซึ้งค่า
กับอุรา..ครวญคร่ำ..ร่ำหาโหย
เหมือนดินแห้ง..แล้งหมาย..พระพายโชย
พาฝนโปรย..พรายพร่าง..หลังร้างไกล...
(เพลีย.กมล)

สายฝนหล่น จากฟ้า สู่หล้าโลก
ให้ชุ่มโชค ใจฝัน ผู้หวั่นไหว
รื่นเย็นอยู่ เช่นนั้น ทุกวันไป
จวบพบใจ อีกใจ ฝากให้กัน

ที่แสนไกล สุดเหลียว จะเกี่ยวก้อย
เพียงเฝ้าคอย พบได้ แค่ในฝัน
ยังสบตา ฝากไว้ ในเพ็ญจันทร์
เพื่อพ่วงพัน สายใย เป็นนัยเดียว...
(เพียงกมล)

๐ ระยะทาง..หว่างฟ้า..ใช่สาเหตุ
ถึงห่างเนตร..เจตจินต์..มิสิ้นเหนี่ยว
หากผูกพัน..มั่นหมาย..มิคลายเกลียว
ให้สุดหล้า..ฟ้าเขียว..ยังเกี่ยวพัน

๐ แต่หากใจ..ไม่มั่น..ยังหวั่นไหว
ถึงอยู่ใกล้..ไม่ต่าง..กับร้างฝัน
หากมั่นใน..ใจสอง..ที่คล้องกัน
ห่างเพียงไหน.ไม่หวั่น..สัมพันธ์เลือน...
(เพลีย.กมล)


๑.ขอเพียงใจแน่นหนักในรักนี้
ห่มฤดีที่รักฤๅจักเลื่อน
จะลาร้างห่างไกลหลายปีเดือน
ก็อุ่นเหมือนอยู่ใกล้แนบใจกัน

๒.แต่หากชังหวังใกล้กับไกลห่าง
เพราะจินต์สร้างกำแพงแอบแฝงกั้น
เบื่อและหน่ายคลายรักหักสัมพันธ์
นั่งมองกัน...แต่ใจ....ไงกลับชัง..
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
03 พฤษภาคม 2010, 09:26:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2010, 09:26:PM »
ชุมชนชุมชน

ยากยิ่งนักแยกได้คำใครนั้น
หากสานต่อทอฝันก็หวั่นหวัง
จะจบสิ้นถวิลหาถึงคราพัง
จึงควรรั้งใจตน..อาจกลลวง

ปล่อยเวลาเผยเร้นที่เป็นอยู่
ว่าควรคู่หรือไม่ ที่ใจหวง
อาจสิ้นลบจบไปไม่ถามทวง
จึงกันทรวงพ้นช้ำเข้ากล้ำกราย
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
04 พฤษภาคม 2010, 02:33:AM
ไพร พนาวัลย์
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 2083
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,422


นักร้อง


paobunjin
« ตอบ #9 เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2010, 02:33:AM »
ชุมชนชุมชน


อันคำคนกลมกลิ้งนิ่งไว้บ้าง
จะเจือจางเข้มข้นวนเวียนว่าย
ค่อยพินิจคิดเค้นเดี๋ยวเห็นลาย
บ้างมักง่ายพูดพล่ามตามครรลอง

อันคนจริงยิ่งยากปากล้ำลึก
ไม่คักคึกตามเพลงบรรเลงคล่อง
จึงไม่หวานน้ำคำไม่ลำพอง
จงไตร่ตรองไคร่ครวญล้วนความจริง

เมื่อเอ่ยปากฝากรักปักดวงจิต
ไม่มีพิษให้แพ้แก่น้องหญิง
เพราะรักนั้นกลั่นกรองจากใจจริง
ไม่ใช่สิ่งพูดเล่นเป็นนิยาย

มาร่วมแจมนะครับ ไม่ถนัด อ่ะ ยิ้มแก้มแดง

 ขอจีบ...ได้ป่ะ
 
“ปรางค์  สามยอด”
ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

05 พฤษภาคม 2010, 01:18:PM
วลีลักษณา
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 158
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 390

สร้อยศิลป์จินตกานท์ โดยวลีลักษณา


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 พฤษภาคม 2010, 01:18:PM »
ชุมชนชุมชน


อันคำคนกลมกลิ้งนิ่งไว้บ้าง
จะเจือจางเข้มข้นวนเวียนว่าย
ค่อยพินิจคิดเค้นเดี๋ยวเห็นลาย
บ้างมักง่ายพูดพล่ามตามครรลอง

อันคนจริงยิ่งยากปากล้ำลึก
ไม่คักคึกตามเพลงบรรเลงคล่อง
จึงไม่หวานน้ำคำไม่ลำพอง
จงไตร่ตรองไคร่ครวญล้วนความจริง

เมื่อเอ่ยปากฝากรักปักดวงจิต
ไม่มีพิษให้แพ้แก่น้องหญิง
เพราะรักนั้นกลั่นกรองจากใจจริง
ไม่ใช่สิ่งพูดเล่นเป็นนิยาย

มาร่วมแจมนะครับ ไม่ถนัด อ่ะ ยิ้มแก้มแดง

 ขอจีบ...ได้ป่ะ
 
“ปรางค์  สามยอด”




เกรงเจ็บช้ำซ้ำหนจนยากหัก
ยามสิ้นรักดังวันขวัญสลาย
หากหลงลมเพลี่ยงพล้ำกับคำชาย
อาจต้องตายทั้งเป็นโดนเข่นทรวง

ฉันใดหนอเชื่อได้นะใจนั้น
หลอกให้ฝัน..ปั้นคำร่ำว่าหวง
พิสูจน์ได้อย่างไรว่าไม่ลวง
หวั่นช้ำทรวงยิ่งนักหากรักใคร

ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

รวมกลอนวลีลักษณา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s