แสงตรู่สางพร่างสายจับปลายฟ้า
ม่านเมฆาเคลื่อนคล้อยลอยปุยขาว
เงามัวหม่นพ้นผ่าน เผยมาลย์ราว-
ผกาสรวงร่วงหาวน้าวช่อลง
หอมอบองค์บงกชแดงสดสี
ลมวาดวี อวลกลิ่น ภู่บินหลง
ปีกสะบัดพัดผ่อนร่อนดิ่งตรง
บุษบงแสนงามยามแย้มบาน
กลีบอ่อน-ไหว ยามภู่ลงจู่จับ
หยาดระยับน้ำค้างแสงสางผ่าน
ค่อยค่อยไหลหยดร่วงสู่ห้วงธาร
ยามภู่ด่ำดอมหวานกลีบก้านเอน
งามสวยสดสีกลิ่นประทิ่นโฉม
ย่อมยอภู่เล้าโลมลงโถมเช่น-
เบื้องบรรพ์กาลสานต่อเหล่ากอเป็น-
นิลุบลบานเด่นที่เห็นมา
งามฟากฟ้าฝั่งสรวงยอดวงขวัญ
ก็งดงามเกินสรรปั้นภาษา
ควรถนอมออมนวล..ควรเวลา
จึงสมค่าสมความถึงยามพร้อม
เก็บอรองค์วงพักตร์รักษาไว้
ด้วยมิใช่สุมาลย์เพียงหวานหอม
อย่าพึงหลงป่ายเปื้อนเหมือนพะยอม
ภู่ผึ้งตอมอิ่มหวานแล้วผ่านเลย
๐ อันบุปผา..มาลัย..สีใสสวย
ก็เปรียบด้วย..นารี..ตามที่เอ่ย
บุรุษหมาย..กรายชิด..สนิทเชย
หมายกอดเกย..เชยชิด..สนิทนวล
๐ หมู่มาลี..มีภมร..ว่อนแห่ห้อม
ด้วยหมายชม..ดมดอม..ความหอมหวล
เฉกนารี..มีชาย..หมายเชยชวน
ความเย้ายวน..ชวนชิด..แม้ปลิดปลง
๐ ว่า......หอมเอย...หอมกลิ่น...มิสิ้นสุด
สองแก้มนุช...ผุดผ่อง...จนต้องหลง
ดั่งกุหลาบ...แรกแย้ม...แก้มอนงค์
สักคราลง...จุมพิต...สนิทใจ
๐ ว่า......นวลเอ๋ย...นวลปราง...ช่างงามสม
หมายเด็ดดม...ชมชิด...พิสมัย
ก็กลัวว่า...แก้มน้อง...ต้องหมองไป
จะปล่อยไว้...ใจหนอ...ก็เสียดาย
๐ อันแก้มช้ำ...คล้ำไป...เพราะใครอื่น
คงขมขื่น...ฝืนใจ...ไม่รู้หาย
หากแก้มน้อง...ต้องช้ำ...ถูกกล้ำกราย
ด้วยมือชาย...ให้เป็นพี่...คนนี้นะ.
เป็นภู่ผึ้งพึงเพียงเคียงดอมด่ำ
เพื่อชื่นฉ่ำช้ำพอแล้วก็ผละ
ยามลุ่มหลงเวียนเชยไม่เคยละ
เป็นสัจจะธรรมจริงกว่าสิ่งใด
อ้อนออดคำพร่ำวอนอ่อนหวานนัก
คำว่ารักนำหน้ากว่าคำไหน
ที่เอ่ยออกเน้นยิ่งจริงจากใจ
แต่เป็นไปชั่วคราวไม่ยาวนาน
อย่าให้ช้ำเพราะใครให้เพียงพี่
พูดง่ายดีฟังดูเหมือนชูหวาน
หากหลงลมขมไหม้จนใจราน
อาจสิ้นปราณรานทรวงเกินทวงคืน