O ฉันทาสมัย .. O
O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่
แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น-
หยดหยาดเพชรเรียงระเบียบ .. กลางเยียบเย็น
ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม
O เยี่ยงแววตาเขินอายชม้ายสบ
ยอชาติภพตอบตื่น .. ทิ้ง-ขื่นขม
รูปวัยเยาว์, ชม้อยหา, แววตาคม-
จึงผูกปมซ่อนเงื่อนเกินเคลื่อนคลาย
O ภาพ-บนฟ้าปีกนกเริ่มโบกบิน
แวดล้อมถิ่นโลกต่ำ .. ลมร่ำสาย
หยาดน้ำค้างระยับตอบอยู่รอบราย
อีกแววขัดเขินอาย .. ชม้ายคอย
O ดูเถิด .. แวววับวามเมื่อยามสาง
เหมือนน้ำค้างพรมโลก-ลบโศกสร้อย
พาหวานหอมเยือน-อกจนยกลอย
รอบละห้อยถวิลเห็น ฤา-เว้นวาง ?
O รูปธรรมวัยเยาว์แห่งเช้านี้-
จึงช่วงชี้บีบเค้นไม่เว้นว่าง
หยัดรูปนามโลมรุกไปทุกทาง
โถมทับความอ้างว้างจนร้างเลือน
O ชั่วตรู่สางล่มลับ, ระยับแดด-
ก็ค่อยแวดล้อมรับ เข้าขับเคลื่อน
หมุนโลกหมุนรูปนามคอยตามเตือน
ทุกเขยื้อนทุกขยับ – เฝ้าจับจอง
O สิ้นสาง .. เข้าสายแดดสายสว่าง
แววขนางในขนบยังสบต้อง
รูปธรรมอุ้มขวัญสู่ครรลอง-
แรงหมายปองกระอุฤทธิ์ในจิตคน
O และชั่วเพียงพยับแดดเริ่มแผดเผา
ความรุมเร้าก็เติบเต็มอย่างเข้มข้น
จวบหอมหวานเบิกบทปรากฎตน
จึงหวานล้นทั่วแล้วทั้งแววตา
O สวยปีกผีเสื้อบินในถิ่นที่
ลวดลายคลี่โบกลอย, ละห้อยหา-
ก็ส่งผ่านห้อมเห่กาลเวลา
เมื่อแสงฟ้าเคยระยับ .. คล้ายลับเลือน
O ด้วยแววตาแฝงเร้น .. สุดเร้นซ่อน
แววออดอ้อนรอคอย .. ก็คล้อยเคลื่อน-
ขึ้นแขวนรูปขวางรอย เพื่อคอยเตือน-
แรงสะเทื้อนระทึกทรวงในช่วงวัน
O หมอก .. น้ำค้างทุกหยาดบำราศแล้ว
เหลือเพียงแววตาคอยร่วมร้อยฝัน
นามธรรม, รูปภพ .. ก็ครบครัน-
ความผูกพันละห้อยห่วงฝ่าช่วงยาม
O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว
เมื่อวับวาวแววตาเกินฝ่าข้าม
ความอ่อนโยนอ่อนไหวเริ่มไหลลาม
เข้าแวดล้อมรูปนามที่งามพร้อม
O ปรารมภ์ว่า .. แววระยับยามพรับพริ้ม
จักซ่อนยิ้มตอบรับการขับกล่อม
หรือยังคงสืบบทการอดออม-
งำหวานหอม .. เผยสู่ให้รู้ชัด ?
O ปรารมภ์ว่า .. ยามชม้อยชม้ายสบ
การเสหลบ ควรพ้องหรือต้อง-ตัด ?
กับแววตาวับวามที่ล่ามรัด
การกำจัดให้สิ้น .. เกินยินยอม !
O สร้อยเกสรพวงบุหงา คันธามาศ
เริ่มบทบาทรวยรินด้วยกลิ่นหอม
ให้โลกผู้ห่วงรส .. สุดอดออม-
หวานแวดล้อมที่ประดังใจทั้งดวง
O ปาริชาติหอมรื่น .. ในคืนค่ำ
คลายกลิ่นร่ำรมแถน .. ทั้งแดนสรวง
โอนเถิดกลิ่นหอมล้ำ .. ขอ-บำบวง-
แนบทับทรวงข้างใจของใครนั้น
O อินทร์ .. พรหม .. ปวงทิพแถนถ้วนแดนฟ้า
โปรดบัญชาชี้ให้ .. ความไหวหวั่น-
ที่เบิกบทแสนประณีต .. เกินกีดกัน
ช่วยแบ่งปันบริบท .. คืน-ทดแทน
O ถ้วนทั้งสิ้นทั้งปวง .. ความห่วงหา
ปรารถนา, ยินยอม .. และอ้อมแขน
แรงอาวรณ์, รอบถวิล .. ทั้งดินแดน
ฤๅ-อาจแม้นอาลัย .. หัวใจมี ?
O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า
ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี
คล้ายเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที-
รู้ท่า-ความใยดี .. ว่า-มีใจ
O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจึงโบกบ่าย
โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล
จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร-
ควรสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน
O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น-
แสนอ่อนโยนคอยประนัง .. เพื่อหวังผล-
ให้อาวรณ์อาลัย .. ค่อยไหววน-
พาใจหล่นลิ่วพัน .. บ่วงฉันทา !
O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่-
เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา
เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา
และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน !
O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก
เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น
จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์-
กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665