นครยักษ์
ทะเลทรายดินแยกแตกระแหง
ความแห้งแล้งปกคลุมขุมมีหนาม
หินสีแดงอาเพศทั่วเขตคาม
หากบุ่มบ่ามเข้าไปจักไร้ชนม์
ฟ้าสีแสดแผดจ้าเวลาค่ำ
เปลี่ยนเป็นดำมืดมิดทุกทิศหน
เมื่อกลางวันคล้ำหาวดาวมืดมน
จักหมองหม่นอกทรุดดุจหอกแทง
ไร้ต้นไม้ใบหญ้าสรรพสัตว์
กลิ่นคาวอัดเหม็นน่าขยักแขยง
โครงกระดูกเน่าสิ้นข้างหินแดง
ไร้แมลงสักตัวชั่วสิ้นดี
จักหาธารน้ำไหลหากใคร่เห็น
ก็คงเป็นภพอื่นมิใช่นี่
ทั่วทั้งแดนแผ่นดินถิ่นอัปรีย์
ฤๅจักมีดีได้สักนิดเดียว
แต่ยังคงมีผู้อยู่อาศัย
ถิ่นห่างไกลเกินคาดน่าหวาดเสียว
นครยักษ์น่าขยาดผู้ปราดเปรียว
มีแต่เขี้ยวไร้ฟันกระนั้นแล
ประชาชนยักษ์นั้นเรียก"ตันนุก"
ส่วนประมุของค์อธรรมเรียก"กำแข"
สองชนชั้นเป็นผู้คอยดูแล
เหมือนลูก,แม่รักใคร่ใจเดียวกัน
วันหนึ่งนั้นตันนุกคนสนิท
มิปกปิดกำแขแม่ยักษัน
ว่า ณ ที่ เมืองหลวงปวงเทวัญ
บนสวรรค์โสภาน่าภิรมย์
ทั้งมีน้ำตกทิพย์ยินเทพกล่าว
อยู่บนหาวทางอุดรวิเศษสม
สามารถแก้สิ่งร้ายให้น่าชม
เพียงขึ้นพรหมดูน้ำก็ฉ่ำกาย
จักได้เปลี่ยนเมืองหลวงเป็นสรวงใส
เหล่าตันนุกชื่นใจจักไร้พ่าย
จงเข้าตีสุราลัยให้วอดวาย
แล้วมุ่งหมายน้ำตกในปกครอง
เปลี่ยนจากความโสโครกเป็นผ่องศรี
ด้วยเหตุนี้ว่ายอดควรฉลอง
ฝึกตันนุกทุกค่ำให้ช่ำชอง
แล้วตีกลองร้องศึกผนึกพล
ยังมีสัตว์แปลกประหลาดมิคาดฝัน
ชื่อนกฆาคกระนั้นอันน่าสน
มันผิดเพี้ยนจากโลกมนุษย์คน
นกมีขนเป็นไฟบรรลัยกันต์
แต่เป็นไฟเย็นยะเยือกเหมือนเทือกเขา
ที่สูงเท่าเทียมฟ้าน่าสุขสันต์
นกประหลาดของเทพทวยราชัน
ท้าวอมรสีห์ฯนั้นชั้นอัมพร
ฝ่ายกำแขเห็นชอบจึงมอบสิทธิ์
ให้ตันนุกคนสนิทเฝ้าฝึกสอน
เหล่าตันนุกทั้งหลายก่อนราญรอน
สู่นครธรรมาสุราลัย