ยังคงมีเท้าที่ก้าวเดิน
ไร้ดาวแต้มแซมฟ้าเมื่อคราค่ำ
คืนลมหนาวกระหน่ำฟ้าพรำฝน
สั่นสะทกอกสะท้านยังสู้ทน
ปากระริก,- เพ้อบ่นอยู่เดียวดาย
ก้าวไปกลางสายฝนที่พราวพร่าง
ทุกทุกร่างยังยืนหยัดปานมัดหวาย
อุปสรรคข้างหน้ายังท้าทาย
ความเลวร้ายรายรอบยังครอบงำ
ไม่ผุล้มผางลงกลางฝน
เมื่อลมหนาวอีกหนเฝ้ากระหน่ำ
การสืบทอดยังเกิดมีอยู่ประจำ
ล้มเพื่อเกิดเลิศล้ำต้นไม้งาม
และดงดอนก่อนนั้นตำนานเนิ่น
ว่าเดือนห้าเพลิงเดินมาเหยียดหยาม
เถ้าถ่านเหลือไว้หลังการลุกลาม
แต่นิยามการเกิดใหม่ยังคงทน
ไร้ดาวแต้มแซมฟ้าเมื่อคราค่ำ
คืนลมหนาวกระหน่ำฟ้าพรำฝน
ซึ่งพืชพันธ์แตกหน่อในตำบล
แต่ละกลีบละต้นยิ่งท้าทาย
จึ่งนักรบแห่งหุบเขาความคับแค้น
ยิ่งเนืองแน่นยืนหยัดปานมัดหวาย
ยังก้าวเดินฝ่าฟันอันตราย
เพื่อโลกหล้าแล้งร้ายได้เปลี่ยนแปลง
ไม่มีเพิงพักในหุบเขา
มีแต่รอยเท้าทุกหนแห่ง
และรอยเลือดหลั่งรายเป็นรอยแดง
ว่าหนามไหน่เกี่ยวแทงนักเดินทาง
เกิดมาพร้อมกับความเจ็บปวด
และยังร้าวรวดอยู่รอบข้าง
แม้หนักอึ้งภาระ ไม่ละวาง
โลกไม่ร้างหากว่าเท้ายังก้าวเดิน
ใช่เมื่อมดร้างรัง ไร้นักรบ
ใช่สิ้นคบก็สิ้นแสงอันแดงเผิน
เท้าน้อย ๆ กลางฝนพรำยังดำเนิน
สืบตำนานนานเนิ่นแต่ก่อนมา
แม้ใจร้าวก็ยังดีกว่าวิ่นแหว่ง
การเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่ที่ดีกว่า
ย่อมเจ็บปวดกันบ้างธรรมดา
จงสู้ทนฟันฝ่ามุ่งหน้าไป...
*******************************
จากหนังสือกวีนิพนธ์เรื่อง ป่าน้ำค้าง
ของ...กนกพงศ์ สงสมพันธ์