กาพย์ยานีในบริบทของความรัก
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 พฤศจิกายน 2024, 05:20:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กาพย์ยานีในบริบทของความรัก  (อ่าน 10070 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
28 มีนาคม 2011, 06:39:PM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« เมื่อ: 28 มีนาคม 2011, 06:39:PM »
ชุมชนชุมชน


ปกติเรามักจะคุ้นกับกาพย์ยานีในลักษณะ อาขยาน

มูลบทบรรพกิจ
ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่       ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ       มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ       ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้       มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ถือใยบัว       หูตามัวมาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง    ยี่สิบม้วนจำจงดี
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)

บทสวดมนตร์

บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
องค์ใดพระสัมพุทธ      สุวิสุทธะสันดาน
ตัดมูลกิเลสมาร       บ่มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน    ก็เบิกบานคือดอกบัว
ราคีบ่พันพัว       สุวคนธะกำจร
องค์ใดประกอบด้วย    พระกรุณาดังสาคร
โปรดหมู่ประชากร    มละโอฆะกันดาร
ชี้ทางบรรเทาทุกข์    และชี้สุขเกษมสานต์
ชี้ทางพระนฤพาน       อันพ้นโศกวิโยคภัย
พร้อมเบญจพิธจัก-    ษุจรัสวิมลใส
เห็นเหตุที่ใกล้ไกล       ก็เจนจบประจักษ์จริง
กำจัดน้ำใจหยาบ       สันดานบาปแห่งชายหญิง
สัตว์โลกได้พึ่งพิง       มละบาปบำเพ็ญบุญ
ลูกขอประณตน้อม    ศิรเกล้าบังคมคุณ
สัมพุทธการุญ-       ยภาพนั้นนิรันดร ฯ
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)

และที่จับใจมากๆก็เห็นจะเป็น บทกวีเพื่อชีวิต


อิศาน
ในฟ้าบ่มีน้ำ      ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย      ก็รีบซาบบ่รอซึม
แดดเปรี้ยงปานหัวแตก   แผ่นดินแยกอยู่ทึบทึม
แผ่นอกที่ครางครึม      ขยับแยกอยู่ตาปี
มหาห้วยคือหนองหาน   ลำมูลผ่านเหมือนลำผี
ย้อมชีพคือลำชี      อันชำแรกอยู่รีรอ
แลไปสดุ้งปราณ      โอ! อิศาน ฉะนี้หนอ
คิดไปในใจคอ      บ่คอยดีนี้ดังฤา?
พี่น้องผู้น่ารัก      น้ำใจจักไฉนหือ?
ยืนนิ่งบ่ติงคือ      จะใครได้อันใดมา?
เขาหาว่าโง่เง่า      แต่เพื่อนเฮานี่แหละหนา
รักเจ้าบ่จาง ฮา      แลเหตุใดมาดูแคลน
เขาซื่อสิว่าเซ่อ      ผู้ใดเน้อจะดีแสน
ฉลาดทานเทียมผู้แทน   ก็เห็นท่าที่กล้าโกง
กดขี่บีฑาเฮา      ใครนะเจ้า? จงเปิดโปง
เที่ยววิ่งอยู่โทงโทง      เที่ยวมาแทะให้ทรมาน
รื้อคิดยิ่งรื้อแค้น      ละม้ายแม้นห่าสังหาร
เสียตนสิทนทาน      ก็บ่ได้สะดวกดาย
ในฟ้าบ่มีน้ำ      ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย      คือเลือดหลั่ง! ลงโลมดิน
สองมือเฮามีแฮง      เสียงเฮาแย้งมีคนยิน
สงสารอิศานสิ้น      อย่าซุด, สู้ด้วยสองแขน!
พายุยิ่งพัดอื้อ      ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน      สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
“นายผี” อัศนี พลจันทร

เปิบข้าว
เปิบข้าวทุกคราวคำ   จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกูที่สูกิน      จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส      ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน   และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง      ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว   ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด   ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น      จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง      .และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น      ที่สูซดกำซาบฟัน
จิตร ภูมิศักดิ์

บทเพลงแห่งปีศาจ
เสียงโหยเสียงไห้มี่      คือเสียงผีที่วู่โหวย
สมโภชอึงโอดโอย      ล้อลมหนาวระร้าวรุก
นครจะได้ยาก      และบางจากจะได้ทุกข์
ปากพนังจะสนุก      ตะลุมพุกจะเป็นวัง
ลมบ้าทรหวล      ชะเลครวญสะพัดควั่ง
เพลงพล่านบันดาลดัง   ประเลงฟ้าและฝากดิน
พื่น้องผองเพื่อนเอ๋ย   แลสิเหวยด้าวทักษิณ
ละโหยละไห้ยิน      ประหึ่งเปรตทุเรศไทย
ในฟ้าชระอับฝน      ในดินดลชลาลัย
เสียงดหยและเสียงไห้   คือกาพย์กลอนมากล่อมชน
ความตายคือเพื่อนผี   ระเริงรี่ระริกหน
น้ำตาเต็มหล้าล้น      ตวงล้างทักษิณายัน
เสียงกู่แห่งปีศาจ      ประชุมญาติพี่น้องผัน
ทระหึงทระหวงกัน      ซร้องประคัลภ์ประโคมรุก
นครจะได้ยาก      และบางจากจะได้ทุกข์
ปากพนังจะสนุก      ตะลุมพุกจะเป็นวัง
เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์

อาจเนื่องเพราะคณะของกาพย์ยานี มีท่วงทำนองที่กระแทกกระทั้นอารมณ์ได้ดี และเมื่อประกอบกับอัจริยะของกวีที่เลือกใช้การสัมผัสอักษรและเสียง จึงทำให้กาพย์ยานีในบทบาทของกวีเพื่อชีวิตมีความไพเราะบนความเข้มข้นนักหนาปานนั้น
แต่จะได้ผลเช่นเดียวกันหรือไม่ หากนำมารจนาในบริบทแห่งความหอมหวานของความรัก?
อาจมีกวีหลายท่านเคยกระทำไว้ แต่ด้วยความรับรู้อันน้อยนิดของผมจึงยังนึกไม่ออกในขณะนี้

พรายม่าน
สันทราย
๒๘.๐๓.๕๔

ข้อความนี้ มี 19 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

28 มีนาคม 2011, 06:47:PM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 28 มีนาคม 2011, 06:47:PM »
ชุมชนชุมชน


ขออนุญาตลองนะครับ ผิดพลาดระคายเคืองประการใด ขออภัยไว้ล่วงหน้า

อิทธิแห่งรัก

คือสีฉัพพรรณสาด      ชีวีวาดกระหวัดไหว
อาบอุ่นละมุนไอ      กระยาเอื้อกระหยิ่มเอม
คือร้อยสำเนียงรับ           สอดคำซับค่าเกษม
เปี่ยมปลื้มอันปรีด์เปรม   ผดุงดาวประดับเดือน
คือล้ำมธุรส      แม้หวานหมดมิมีเหมือน
ชื่นย้ำทุกยามเยือน      ระรื่นแท้เร่าฤทัย
ยิ่งล้นอมฤต      ฉ่ำประสิทธิ์นทีใส
จ่างแจ้งกระจะใจ      ดุจเดินด้าวดาวดึงส์
เกินหอมที่ดอมดาษ   ปาริชาติมิอาจถึง
พรมพร่ำบนรำพึง      บุปผาใดบ่เพียงแด
คือเทพกระยาทิพย์   เส่ากระซิบส่งกระแส
ปลดปรวนอันเปลี่ยนแปร   ปราศวิมลปรนวิมาน
เกินกรับลำนำก้อง      ยิ่งเสียงฆ้องระฆังขาน
กรายแว่วแผ่วกังวาล   กล่อมโลกกร้านมาล่วงกัลป์
คือรักประโคมหล้า      ระบายฟ้าระเบงฝัน
พรหมน้าวมากำนัล   มนุษย์น้อมมนัสนาม ฯ


พรายม่าน
สันทราย
๒๘.๐๓.๕๔
ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

28 มีนาคม 2011, 07:10:PM
อักษรารำพัน
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 84
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 120



« ตอบ #2 เมื่อ: 28 มีนาคม 2011, 07:10:PM »
ชุมชนชุมชน

๐ ค่ำคืน..ยืนเปลี่ยวเหงา........สุดแสนเศร้า..เจ้าจากไกล
ระกำ..ช้ำทรวงใน..................พี่โหยไห้..ถวิลหา

๐ รักเอย..เคยคลอเคล้า.........บัดนี้เจ้า..แรมร้างลา
ทนฝืน..กลืนน้ำตา.................ในอุรา..ร้าวระบม

๐ อกอุ่น..เคยหนุนนอน..........กลับร้าวรอน..ทุกข์ระทม
รักหวาน..พาลพลันขม...........ไร้ชู้ชม..ตรมฤทัย

๐ ความหลัง..คราครั้งก่อน......เฝ้าหลอกหลอน..สุดอ่อนใจ
ชอกช้ำ..เกินคำไข................อกหมองไหม้..ไร้เธอเคียงฯลฯ


๐ ค่ำคืน..ยืนเปลี่ยวเหงา........สุดแสนเศร้า..เจ้าจากไกล
ระกำ..ช้ำทรวงใน..................พี่โหยไห้..ถวิลหา


๐ คืนค่ำพร่ำเหม่อเพ้อ.............เดียวดาย
เหงาเปลี่ยวเหลียวรอบกาย......คู่ไร้
ชีวีพี่เจียนวาย........................ขืนข่ม
ใจร่ำช้ำหวลไห้.......................ร่ำร้องโหยหา


๐ รักเอย..เคยคลอเคล้า..........บัดนี้เจ้า..แรมร้างลา
ทนฝืน..กลืนน้ำตา..................ในอุรา..ร้าวระบม


๐ ในอุราสุดเศร้า....................ตรอมตรม
อกขื่นฝืนระทม.......................เจ็บช้ำ
เคยครองคู่อภิรมย์..................สุขร่วม กันมา
แผลเก่าเฝ้าตอกย้ำ................สุดรั้งเธอคืน


๐ อกอุ่น..เคยหนุนนอน..........กลับร้าวรอน..ทุกข์ระทม
รักหวาน..พาลพลันขม...........ไร้ชู้ชม..ตรมฤทัย


๐ รักหวานชื่นผ่านพ้น.............โรยลา
อกอุ่นหนุนนิทรา....................ก่อนนั้น
กุศลร่วมทำมา.......................คงไม่ พอเพียง
ครองคู่อยู่แสนสั้น..................หม่นเศร้าร้าวหทัย


๐ ความหลัง..คราครั้งก่อน......เฝ้าหลอกหลอน..สุดอ่อนใจ
ชอกช้ำ..เกินคำไข................อกหมองไหม้..ไร้เธอเคียง


๐ อาลัยถึงเมื่อครั้ง................ยังหวาน
เคียงคู่อยู่สราญ....................ค่ำเช้า
ความหลังเมื่อก่อนกาล..........หลอนหลอก
ขมขื่นสะอื้นเศร้า..................เมื่อไร้เธอเคียง....
ข้อความนี้ มี 20 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 มีนาคม 2011, 12:56:AM
อักษรารำพัน
Special Class LV3
นักกลอนผู้มากผลงาน

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 84
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 120



« ตอบ #3 เมื่อ: 29 มีนาคม 2011, 12:56:AM »
ชุมชนชุมชน


ขออนุญาตลองนะครับ ผิดพลาดระคายเคืองประการใด ขออภัยไว้ล่วงหน้า

อิทธิแห่งรัก

คือสีฉัพพรรณสาด      ชีวีวาดกระหวัดไหว
อาบอุ่นละมุนไอ      กระยาเอื้อกระหยิ่มเอม
คือร้อยสำเนียงรับ           สอดคำซับค่าเกษม
เปี่ยมปลื้มอันปรีด์เปรม   ผดุงดาวประดับเดือน
คือล้ำมธุรส      แม้หวานหมดมิมีเหมือน
ชื่นย้ำทุกยามเยือน      ระรื่นแท้เร่าฤทัย
ยิ่งล้นอมฤต      ฉ่ำประสิทธิ์นทีใส
จ่างแจ้งกระจะใจ      ดุจเดินด้าวดาวดึงส์
เกินหอมที่ดอมดาษ   ปาริชาติมิอาจถึง
พรมพร่ำบนรำพึง      บุปผาใดบ่เพียงแด
คือเทพกระยาทิพย์   เส่ากระซิบส่งกระแส
ปลดปรวนอันเปลี่ยนแปร   ปราศวิมลปรนวิมาน
เกินกรับลำนำก้อง      ยิ่งเสียงฆ้องระฆังขาน
กรายแว่วแผ่วกังวาล   กล่อมโลกกร้านมาล่วงกัลป์
คือรักประโคมหล้า      ระบายฟ้าระเบงฝัน
พรหมน้าวมากำนัล   มนุษย์น้อมมนัสนาม ฯ


พรายม่าน
สันทราย
๒๘.๐๓.๕๔

๏ ละเมอ..เพ้อรำพัน.....จิตกระสัน..อันวาบหวาม
งามแท้..แม่-นงราม......ช่างหวานซึ้ง..ปานผึ้งรวง๚ะ


๏ สิเน่ห์..น้องยิ่งน้าว.....เรียมร้อนผ่าว..ทุกคราวท่วง
แทรกชิด..สนิททรวง....ระเริงร่ำ..ทุกค่ำไช๚ะ

๏รำพึง..เพียงมิขาด.....พิษสวาท..กระหวัดไหว
มนต์ดำ..หรือมนต์ใด....ที่ครอบเด่น..ดุจเร้นดึง๚ะ


๏คืนลา..ใช่ทันรุ่ง........ละเมอพรุ่ง..เพ้อรำพึง
ผูกจิต..พ้องตราตรึง.....คะนึงนาถ..ไม่คลาดคลา๚ะ

๏ไหวไหว..อยู่วับวับ.....เนื่องจะนับ..ใจหน่วงหา
ลมเอ๋ย..รำเพยพา........ฝากคำร้อย..ถ้อยลำนำ๚ะ


๏สดับรับ..เถอะแม่.......วลีแบ..บ่งบอกคำ
หมายแล้ว..ใช่บ่ายคำ....สถิตย์มั่น..ปานศิลา๚ะ

๏ดาวใจ..ที่ในทรวง.....เหนือดาวดวง..ห้วงเวหา
พันอื่น..หมื่นดารา......แห่งห้วงฟ้า..มิมาเทียม๚ะ


๏ดอกฟ้า..เลอค่านัก....เพราะต่ำศักดิ์..ตระหนักเจียม
รักล้น..กมลเปี่ยม......สูงสุดเยี่ยม..เรียมเผยอ๚ะ

๏ละออง..ฝนโปรยปราย..ใจวับหาย..เพราะห่วงเธอ
หลงพร่ำ..คำละเมอ.....จนพลั้งเผลอ..เอ่ยรักไป๚ะ


๏สุดแสน..จะคิดถึง.....เพียงคนหนึ่ง..จึงหวั่นไหว
โอ้อก..สะท้านไกว.....นี่นะหรือ..คือความรัก๚ะ

๏รักงาม..มอบข้ามฟ้า....จากอุรา..มาสลัก
ด้วยซึ้ง..ตราตรึงนัก.....มั่นใจภักดิ์..ถักทอฝัน๚ะ


๏มั่นคง..ด้วยหลงใหล...แม้ฤทัย..อาจไหวหวั่น
หมายย้ำ..ความสัมพันธ์..ทุกคืนวัน..ฝันร่วมเรียง๚ะ

๏แว่วแว่ว..แล้วหายวับ...สิ้นทั้งศัพท์..และสำเนียง
อกเอ๋ย..คนเคยเคียง....กลับหลีกลี้..หนีห่างไกล๚ะ


๏ที่นอน..หมอนห้องหอ..ยังแอบพ้อ..รออุ่นไอ
นี่คน..มีหัวใจ........ย่อมต้องเหงา..เฝ้าแต่รอ๚ะ

๏เศร้าช้ำ..ระกำหมอง...เพราะใฝ่ปอง..จำร้องขอ
หวังเจ้า..เคล้าเคลียคลอ..สุดทดท้อ..พนอครวญ๚ะ


๏ร้าวรอน..สะท้อนหนัก..อกถูกหัก..สิ้นรักหวน
ฝันเอย..เคยรัญจวน....กลับผันผวน..ป่วนชีวิน๚ะ

๏แว่วคำ..สดับถ้อย....ที่เรียงร้อย..เป็นสร้อยศิลป์
งามคำ..ที่หลั่งริน.....จากจินต์ส่ง..ตรงถึงเธอ๚ะ


๏รับคำ..เถอะเธอจ๋า...รอเวลา..มาเสนอ
รักหนา..พาละเมอ....เพ้อครวญคร่ำ..รอยจำนรรจ์๚ะ

๏สะท้าน..เกินต้านแล้ว..เหลือเพียงแนว..แววเศร้าศัลย์
น้ำตา..ความจาบัลย์....หลั่งยืนยัน..สิ้นฝันตน๚ะ

๏ไม่สุข..ก็ทุกข์หมอง...รักสนอง..ในสองผล
ไหวอ่อน..หรือร้อนรน...ใครเล่าพ้น..แห่งกลรัก๚ะ...
ข้อความนี้ มี 15 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
29 มีนาคม 2011, 01:23:AM
Lจ้าVojกaoนบทนี้*
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 270
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 757



« ตอบ #4 เมื่อ: 29 มีนาคม 2011, 01:23:AM »
ชุมชนชุมชน




แอบรักแอบเพ้อฝัน    นางหนึ่งนั้นในใจเรา
ก็แอบไปรักเขา        จึงได้เฝ้าคะนึงหา
เธอนั้นช่างสวยเด่น   แม้แรกเห็นเพียงแววตา
แอบรักเธอหนักหนา   สระอาเป็นชื่อเธอ
อยากบอกว่าหลงรัก   ใจพี่ชักจะพร่ำเพ้อ
หมายใจจะได้เจอ      เฝ้าละเมอทุกวันไป
ใจพี่น้องจงรู้             ไม่ว่าอยู่ ณ แห่งไหน
รักเธอมากกว่าใคร   สี่ห้องใจให้เธอครอง
หลงรักน้องซะแล้ว    โอ้ น้องแก้วพี่ร่ำร้อง
หัวใจที่ใฝ่ปอง        มอบแด่น้องตลอดกาล
ต่อให้โลกสลาย       ไม่กลับกลายใจผสาน
รักน้องนานแสนนาน   รักฉ่ำหวานทั้งดวงแด
ทุกคืนเก็บไปฝัน      เพียงน้องนั้นที่แยแส
สาวใดไม่เหลียวแล   ขอมีแค่น้องคนเดียว..

ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ ส่งจูบจ้ะ

          บ่อเช้งเกี้ยมแขะ
         ๒๙  มีนาคม  ๒๕๕๔


ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

29 มีนาคม 2011, 11:05:AM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 29 มีนาคม 2011, 11:05:AM »
ชุมชนชุมชน


ขอบพระคุณท่านกามนิตที่มาช่วย
แหม! ผมลืมเจ้าฟ้ากุ้งไปได้ยังไงนะ

ท่านกามนิตยังช่วยสะกิดอีกด้วยว่า บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณทำนองสรภัญญะนั้น แท้จริงเป็น "อินทรวิเชียรฉันท์" แม้บังคับ ครุ-ลหุ ในบางวรรคจะดูเปร่งๆไป เข้าใจตามนั้นนะครับ

ขอบคุณท่านกามนิตอีกครั้ง
พรายม่าน
สันทราย
๒๙.๐๓.๕๔
ชอบบท แม่กด ในกาพย์พระไชยสุริยา ของท่านสุนทรภู่ ครับ
ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s