~"เก็บบัว?"~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 12:32:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: 1 2 [3]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~"เก็บบัว?"~  (อ่าน 20022 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
25 สิงหาคม 2009, 12:59:AM
ระนาดเอก
webmaster
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 780
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,732


~พลิ้วไหว..ดั่งสายน้ำ~


profile.php?id=100024533527747
เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2009, 12:59:AM »
ชุมชนชุมชน

แล้วบัว ณ กลางบึงจึงหวั่นไหว
เมื่อภมรบินใกล้จะเข้าหา
มาเวียนวนว่อนสู่หมู่ผกา
จึงรู้ว่างดงามยามต้องกัน

มาเทียวส่งหอมหวนให้ชวนหลง
ถึงหลับไหลก็คงเก็บไปฝัน
ว่าภมรอ้อนออดตลอดวัน
แล้วบัวนั้นจักรอดอ้อมกอดฤา

อ้อมกอดแห่งรักหอมที่ล้อมร่าย
ทุกวนเวียนเช้าสายได้ส่งสื่อ
แห่งวลีสีหวานนั้นผ่านมือ
จึงเผลอหมายยึดถือไว้ครอบครอง

๐ หากร่ายเวทแปลงร่างดุจอย่างผึ้ง
บินเคล้าคลึงบัวบานปานสนอง
ที่ชูดอกเด่นบึงซึ่งชวนมอง
หลากแมลงล้วนจ้องปองบัวงาม

๐ ยิ่งกลีบบานไหวยั่วคล้ายรัวกวัก
สื่อทายทักโอบอ้อมหอมแห่งท่าม
กระจายกลิ่นเกสรอ่อนอ่อนลาม
นำกลิ่นหวามโปรยปรายสู่สายลม

๐ บัวไสวมีฤทธิ์น่าพิศนัก
กี่นานจักได้เห็นเด่นเกินข่ม
แม้ใบบังนับร้อยหนามพร้อยคม
ผึ้งก็จมหลงฤทธิ์ลืมพิษภัย..

 ยิ้มแก้มแดง

ช่างอ่อนสวยนวยนาดจนหยาดเยิ้ม
แห่งแรกเริ่มฤทธิ์หวานให้ผ่านไหว
ภมรตอมบินร่อนจึงหย่อนใจ
ว่าได้แล้วหรือไรในความปวง

ความปวงแห่งหอมหวนที่อวลฉม
น่าภิรมย์หวานซึ้งเจ้าผึ้งหลวง
อย่าให้สิ่งที่เห็นนั้นเป็นลวง
จะลุล่วงแห่งซึ่งอันผึ้ง-บัว

จะใกล้กันตราบนานไม่ผ่านหาย
ทุกวนเวียนเช้า-สาย-บ่ายสลัว
กี่ผองฤทธิ์พิษภัยก็ไม่กลัว
จะเป็นบัวเหนือตมเพื่อดมดอม

เพื่อให้เจ้าภมรได้ว่อนผ่าน
แล้วเคียงกันเนิ่นนานอย่างหวานหอม
กี่แยกจากพรากไกลก็ไม่ยอม
แล้วจักพร้อมเสกสรรทุกบรรดา

บรรดาแห่งสุขล้นที่ปรนเปรอ
จะเสนอจนใครใฝ่อิจฉา
ปู-ปลาว่ายเวียนผ่านแต่นานมา
ยังร้องว่างามนักรักของเรา

๐ เจ้าบัวเด่นดอกนี้วจีเพราะ
รูปก็เหมาะดอกเย้ยเผยไม่เฉา
ก้านก็อ่อนหนามนิดสะกิดเกลา
ข่วนแค่เย้าระคายให้ชวนพิศ

๐ เหล่าบัวบึงสร่างพร่างบึงใหญ่
เจียระไนเข้าเปรียบเทียบไม่ติด
บัวเจ้าเอ๋ยราศีที่ชวนชิด
เหมือนมีจิตละม้ายคล้ายใจคน

๐ กลัวเจ้าล่อภมรอ่อนยอมใจ
แล้วผลักไสสลัดพลัดหมองหม่น
ให้อายเหล่าปูปลาล้ากมล
จารึกผลผึ้งช้ำน้ำคำบัว

๐ ยามพบเหล่าผึ้งหนุ่มก็ชุ่มชื่น
ประดุจยื่นสายใยมอบใสหัว
ให้ผึ้งหลวงทะนงหลงระรัว
เคล้าเนียนัวชมปลื้มจนลืมรัง

๐ พอเบื่อหน่ายคารมเคยชมชอบ
โยนช้ำบอบขยี้ยื่นทีหลัง
ให้รับทัณฑ์เศร้าซมล้มประดัง
สู่ภวังค์หลงเสน่ห์อเวจี

๐ คงสิ้นแรงอ่อนล้าสิ้นท่ากลับ
เป็นผึ้งอับโชคชะตาล่มราศี
คราวหลงบัวคำหวานซ่านฤดี
กลัวผึ้งนี้ติดหล่มพรมน้ำตา..

 ยิ้มแก้มแดง 
ข้อความนี้ มี 9 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

27 สิงหาคม 2009, 01:49:PM
ดวงไฟ
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 137
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 578


Nonglek


« ตอบ #41 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2009, 01:49:PM »
ชุมชนชุมชน

แล้วบัว ณ กลางบึงจึงหวั่นไหว
เมื่อภมรบินใกล้จะเข้าหา
มาเวียนวนว่อนสู่หมู่ผกา
จึงรู้ว่างดงามยามต้องกัน

มาเทียวส่งหอมหวนให้ชวนหลง
ถึงหลับไหลก็คงเก็บไปฝัน
ว่าภมรอ้อนออดตลอดวัน
แล้วบัวนั้นจักรอดอ้อมกอดฤา

อ้อมกอดแห่งรักหอมที่ล้อมร่าย
ทุกวนเวียนเช้าสายได้ส่งสื่อ
แห่งวลีสีหวานนั้นผ่านมือ
จึงเผลอหมายยึดถือไว้ครอบครอง

๐ หากร่ายเวทแปลงร่างดุจอย่างผึ้ง
บินเคล้าคลึงบัวบานปานสนอง
ที่ชูดอกเด่นบึงซึ่งชวนมอง
หลากแมลงล้วนจ้องปองบัวงาม

๐ ยิ่งกลีบบานไหวยั่วคล้ายรัวกวัก
สื่อทายทักโอบอ้อมหอมแห่งท่าม
กระจายกลิ่นเกสรอ่อนอ่อนลาม
นำกลิ่นหวามโปรยปรายสู่สายลม

๐ บัวไสวมีฤทธิ์น่าพิศนัก
กี่นานจักได้เห็นเด่นเกินข่ม
แม้ใบบังนับร้อยหนามพร้อยคม
ผึ้งก็จมหลงฤทธิ์ลืมพิษภัย..

 ยิ้มแก้มแดง

ช่างอ่อนสวยนวยนาดจนหยาดเยิ้ม
แห่งแรกเริ่มฤทธิ์หวานให้ผ่านไหว
ภมรตอมบินร่อนจึงหย่อนใจ
ว่าได้แล้วหรือไรในความปวง

ความปวงแห่งหอมหวนที่อวลฉม
น่าภิรมย์หวานซึ้งเจ้าผึ้งหลวง
อย่าให้สิ่งที่เห็นนั้นเป็นลวง
จะลุล่วงแห่งซึ่งอันผึ้ง-บัว

จะใกล้กันตราบนานไม่ผ่านหาย
ทุกวนเวียนเช้า-สาย-บ่ายสลัว
กี่ผองฤทธิ์พิษภัยก็ไม่กลัว
จะเป็นบัวเหนือตมเพื่อดมดอม

เพื่อให้เจ้าภมรได้ว่อนผ่าน
แล้วเคียงกันเนิ่นนานอย่างหวานหอม
กี่แยกจากพรากไกลก็ไม่ยอม
แล้วจักพร้อมเสกสรรทุกบรรดา

บรรดาแห่งสุขล้นที่ปรนเปรอ
จะเสนอจนใครใฝ่อิจฉา
ปู-ปลาว่ายเวียนผ่านแต่นานมา
ยังร้องว่างามนักรักของเรา

๐ เจ้าบัวเด่นดอกนี้วจีเพราะ
รูปก็เหมาะดอกเย้ยเผยไม่เฉา
ก้านก็อ่อนหนามนิดสะกิดเกลา
ข่วนแค่เย้าระคายให้ชวนพิศ

๐ เหล่าบัวบึงสร่างพร่างบึงใหญ่
เจียระไนเข้าเปรียบเทียบไม่ติด
บัวเจ้าเอ๋ยราศีที่ชวนชิด
เหมือนมีจิตละม้ายคล้ายใจคน

๐ กลัวเจ้าล่อภมรอ่อนยอมใจ
แล้วผลักไสสลัดพลัดหมองหม่น
ให้อายเหล่าปูปลาล้ากมล
จารึกผลผึ้งช้ำน้ำคำบัว

๐ ยามพบเหล่าผึ้งหนุ่มก็ชุ่มชื่น
ประดุจยื่นสายใยมอบใสหัว
ให้ผึ้งหลวงทะนงหลงระรัว
เคล้าเนียนัวชมปลื้มจนลืมรัง

๐ พอเบื่อหน่ายคารมเคยชมชอบ
โยนช้ำบอบขยี้ยื่นทีหลัง
ให้รับทัณฑ์เศร้าซมล้มประดัง
สู่ภวังค์หลงเสน่ห์อเวจี

๐ คงสิ้นแรงอ่อนล้าสิ้นท่ากลับ
เป็นผึ้งอับโชคชะตาล่มราศี
คราวหลงบัวคำหวานซ่านฤดี
กลัวผึ้งนี้ติดหล่มพรมน้ำตา..

 ยิ้มแก้มแดง 


นึกน้อยใจยิ่งนักเหมือนหักหาญ
ใยระแวงต่อคำหวานที่น้องว่า
แต่ละคำน้องเอ่ยเผยออกมา
ใช่มีค่า เพียงล่องผ่าน ปานสายลม

สู้อุตส่าห์เก็บออมความหอมหวน
กี่แมลงร่อนทวนคำอวลฉม
ยังมิหวั่นไหวติงกับสิ่งชม
แต่หลงคำคารมของผึ้งบิน

จึงเผยใจในทีที่ปรากฏ
เปรียบคำหวานหยาดหยดรดแท่งหิน
แต่บัดนี้กร่อนกัดถนัดยิน
จึงไม่ชินหากขาดพลาดกันไป

ไม่มีผึ้ง คงแย่ แน่บัวเอ๋ย
ที่คุ้นเคยเทียวส่งความหลงใหล
หากวันหนึ่งแล้วเขามาเอาไป
บัวจะอยู่เยี่ยงใดกันหนอบัว

อันชาติชายกับสตรีเยี่ยงนี้หนอ
ละครั้งคราวหยอกล้อให้พอหัว
แล้วไหวหวั่นก็ลั่นก้องร้องระรัว
นึกหวาดกลัวขึ้นมากลางราตรี

กลัวความหวานลางเลือนเสมือนหาย
กลัวความหมายที่เคยเผยสักขี
เป็นเพียงแค่คำพร่ำฉ่ำชีวี
แล้วแต่นี้จักมิเหลือแม้เยื่อใย

สัญญาไหมผึ้งน้อยที่คอยร่อน
จะไม่คิดจากจรจนอ่อนไหว
ให้บัวบานต้องเฉาเหี่ยวสักเสี้ยวใจ
เป็นบัวแห้งกลางบึงใหญ่ยามไกลลา
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เหลือก็แต่เงื่อน "ผูกพัน"
17 เมษายน 2010, 12:32:AM
ระนาดเอก
webmaster
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 780
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,732


~พลิ้วไหว..ดั่งสายน้ำ~


profile.php?id=100024533527747
เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 12:32:AM »
ชุมชนชุมชน



แล้วบัว ณ กลางบึงจึงหวั่นไหว
เมื่อภมรบินใกล้จะเข้าหา
มาเวียนวนว่อนสู่หมู่ผกา
จึงรู้ว่างดงามยามต้องกัน

มาเทียวส่งหอมหวนให้ชวนหลง
ถึงหลับไหลก็คงเก็บไปฝัน
ว่าภมรอ้อนออดตลอดวัน
แล้วบัวนั้นจักรอดอ้อมกอดฤา

อ้อมกอดแห่งรักหอมที่ล้อมร่าย
ทุกวนเวียนเช้าสายได้ส่งสื่อ
แห่งวลีสีหวานนั้นผ่านมือ
จึงเผลอหมายยึดถือไว้ครอบครอง..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ หากร่ายเวทแปลงร่างดุจอย่างผึ้ง
บินเคล้าคลึงบัวบานปานสนอง
ที่ชูดอกเด่นบึงซึ่งชวนมอง
หลากแมลงล้วนจ้องปองบัวงาม

๐ ยิ่งกลีบบานไหวยั่วคล้ายรัวกวัก
สื่อทายทักโอบอ้อมหอมแห่งท่าม
กระจายกลิ่นเกสรอ่อนอ่อนลาม
นำกลิ่นหวามโปรยปรายสู่สายลม

๐ บัวไสวมีฤทธิ์น่าพิศนัก
กี่นานจักได้เห็นเด่นเกินข่ม
แม้ใบบังนับร้อยหนามพร้อยคม
ผึ้งก็จมหลงฤทธิ์ลืมพิษภัย..(ระนาดเอก)

 ยิ้มแก้มแดง

ช่างอ่อนสวยนวยนาดจนหยาดเยิ้ม
แห่งแรกเริ่มฤทธิ์หวานให้ผ่านไหว
ภมรตอมบินร่อนจึงหย่อนใจ
ว่าได้แล้วหรือไรในความปวง

ความปวงแห่งหอมหวนที่อวลฉม
น่าภิรมย์หวานซึ้งเจ้าผึ้งหลวง
อย่าให้สิ่งที่เห็นนั้นเป็นลวง
จะลุล่วงแห่งซึ่งอันผึ้ง-บัว

จะใกล้กันตราบนานไม่ผ่านหาย
ทุกวนเวียนเช้า-สาย-บ่ายสลัว
กี่ผองฤทธิ์พิษภัยก็ไม่กลัว
จะเป็นบัวเหนือตมเพื่อดมดอม

เพื่อให้เจ้าภมรได้ว่อนผ่าน
แล้วเคียงกันเนิ่นนานอย่างหวานหอม
กี่แยกจากพรากไกลก็ไม่ยอม
แล้วจักพร้อมเสกสรรทุกบรรดา

บรรดาแห่งสุขล้นที่ปรนเปรอ
จะเสนอจนใครใฝ่อิจฉา
ปู-ปลาว่ายเวียนผ่านแต่นานมา
ยังร้องว่างามนักรักของเรา..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ เจ้าบัวเด่นดอกนี้วจีเพราะ
รูปก็เหมาะดอกเย้ยเผยไม่เฉา
ก้านก็อ่อนหนามนิดสะกิดเกลา
ข่วนแค่เย้าระคายให้ชวนพิศ

๐ เหล่าบัวบึงสร่างพร่างบึงใหญ่
เจียระไนเข้าเปรียบเทียบไม่ติด
บัวเจ้าเอ๋ยราศีที่ชวนชิด
เหมือนมีจิตละม้ายคล้ายใจคน

๐ กลัวเจ้าล่อภมรอ่อนยอมใจ
แล้วผลักไสสลัดพลัดหมองหม่น
ให้อายเหล่าปูปลาล้ากมล
จารึกผลผึ้งช้ำน้ำคำบัว

๐ ยามพบเหล่าผึ้งหนุ่มก็ชุ่มชื่น
ประดุจยื่นสายใยมอบใส่หัว
ให้ผึ้งหลวงทะนงหลงระรัว
เคล้าเนียนัวชมปลื้มจนลืมรัง

๐ พอเบื่อหน่ายคารมเคยชมชอบ
โยนช้ำบอบขยี้ยื่นทีหลัง
ให้รับทัณฑ์เศร้าซมล้มประดัง
สู่ภวังค์หลงเสน่ห์อเวจี

๐ คงสิ้นแรงอ่อนล้าสิ้นท่ากลับ
เป็นผึ้งอับโชคชะตาล่มราศี
คราวหลงบัวคำหวานซ่านฤดี
กลัวผึ้งนี้ติดหล่มพรมน้ำตา..(ระนาดเอก)

ยิ้มแก้มแดง 


นึกน้อยใจยิ่งนักเหมือนหักหาญ
ใยระแวงต่อคำหวานที่น้องว่า
แต่ละคำน้องเอ่ยเผยออกมา
ใช่มีค่า เพียงล่องผ่าน ปานสายลม

สู้อุตส่าห์เก็บออมความหอมหวน
กี่แมลงร่อนทวนคำอวลฉม
ยังมิหวั่นไหวติงกับสิ่งชม
แต่หลงคำคารมของผึ้งบิน

จึงเผยใจในทีที่ปรากฏ
เปรียบคำหวานหยาดหยดรดแท่งหิน
แต่บัดนี้กร่อนกัดถนัดยิน
จึงไม่ชินหากขาดพลาดกันไป

ไม่มีผึ้ง คงแย่ แน่บัวเอ๋ย
ที่คุ้นเคยเทียวส่งความหลงใหล
หากวันหนึ่งแล้วเขามาเอาไป
บัวจะอยู่เยี่ยงใดกันหนอบัว

อันชาติชายกับสตรีเยี่ยงนี้หนอ
ละครั้งคราวหยอกล้อให้พอหัว
แล้วไหวหวั่นก็ลั่นก้องร้องระรัว
นึกหวาดกลัวขึ้นมากลางราตรี

กลัวความหวานลางเลือนเสมือนหาย
กลัวความหมายที่เคยเผยสักขี
เป็นเพียงแค่คำพร่ำฉ่ำชีวี
แล้วแต่นี้จักมิเหลือแม้เยื่อใย

สัญญาไหมผึ้งน้อยที่คอยร่อน
จะไม่คิดจากจรจนอ่อนไหว
ให้บัวบานต้องเฉาเหี่ยวสักเสี้ยวใจ
เป็นบัวแห้งกลางบึงใหญ่ยามไกลลา..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ เป็นผึ้งน้อยบินเร่งอย่างเคว้งคว้าง
วนเวียนร่างเหนื่อยช้ำตามยถา
บึงกว้างใหญ่แดดร้อนสะท้อนมา
ความหวังซาตามแรงแห่งกำลัง

๐ เจ้าบัวเด่นเห็นอยู่บานสู้ฝน
ท้าแสงจนกลีบเจ้าวาวเปล่งปลั่ง
เอนก้านล้อลมร่ายเฉิดฉายจัง
ชวนใครรั้งด้วยจิตเพื่อชิดชม

๐ ไม่มีบัวดอกนั้นจากวันนี้
บึงราศีเริ่มขาดมาตรติดหล่ม
เหลียวทางใดรอบทิศจิตระบม
ผึ้งถูกปมบัวงามตามหลอนใจ

๐ พายุโบกโยกจัดซัดแกล้งย้ำ
ภมรช้ำยิ่งอ่อนอาวรณ์ไหว
ท่ามวารีบัวหลากฝากแต่ใบ
มิเหลือใยทำผึ้ง..ถึงคร่ำครวญ..(ระนาดเอก)

ยิ้มแก้มแดง

ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

17 เมษายน 2010, 03:34:PM
BuaJantra
LV6 เทพบุตรกลอนประจำอำเภอ
******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 117



« ตอบ #43 เมื่อ: 17 เมษายน 2010, 03:34:PM »
ชุมชนชุมชน


"เก็บบัว?"



๐ เจ้าเห็นบัวชูช่อล้อยั่วเย้า
ก็ชวนเอาอุตส่าห์ฉุดคร่าพี่
ผลักไสหลังลงบึงกึ่งทุบตี
เร่งปากชี้ดอกนั้นชูชันงาม

๐ พี่ลุยโคลนจากตื้นสู่พื้นลึก
บ้างหยุดกึกโดนเกี่ยวเที่ยวบุ่มบ่าม
แหวกกอบัวด้นบุกแบบคุกคาม
ร่องรอยหนามขีดข่วนล้วนรอบตัว

๐ เจ้าชี้เอาดอกนั้นพลันดอกโน้น
เฝ้าตะโกนเสียงลั่นขันยิ้มหัว
ดีใจออกนอกหน้าปากระรัว
ชมแต่บัวล้วนสีที่ถูกใจ

๐ พี่จึงเปื้อนจึงเปรอะเลอะอยู่บ่อย
ตัวเต็มรอยหนามบัวทั่วตัวได้
ฝากแนวแผลเจ้าล้อหัวร่อไป
ส่งเสียงใสชวนหัวจนทั่วบึง

๐ เหมือนพี่เป็นดั่งบ่าวให้เจ้าใช้
แม้ไม่ใช่ทำกร้าวเจ้าขังขึง
จึงยอมเจ้าทุกครั้งไม่ดังดึง
กลัวเจ้าบึ้งหน้าเง้าเอาแต่งอน

๐ พี่เด็กวัดยอมเล่าเจ้าเด็กบ้าน
ทุกเช้าผ่านบิณฑบาตแสงสาดอ่อน
เจ้าตักบาตรทุกวันขวัญบวร
ลอบยิ้มตอนถวายบัวยั่วพี่ยา?"

ยิ้มแก้มแดง



............

พี่เก็บบัวให้น้องถวายพระ
ปลื้มฤทัยมิละสิเน่หา
ช่างขวนไขว่ขยันเพื่อกานดา
เป็นบุญพาพร้อมรักทุกธาตรี

พี่อย่าเปรียบตัวเปรยบ่าวใช้เลย
หยุดรำพึงรำเพยเอ่ยเยี่ยงนี้
น้องนั้นซึ้งพี่เก็บบัวด้วยความดี
เมตตาที่พี่ทำน้องไม่ลืม
เต้นบัลเลย์ เธอนั่นแหละจ้ะ ส่งจูบจ้ะ



ข้อความนี้ มี 4 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
27 มิถุนายน 2010, 04:16:AM
ดวงไฟ
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 137
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 578


Nonglek


« ตอบ #44 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2010, 04:16:AM »
ชุมชนชุมชน



แล้วบัว ณ กลางบึงจึงหวั่นไหว
เมื่อภมรบินใกล้จะเข้าหา
มาเวียนวนว่อนสู่หมู่ผกา
จึงรู้ว่างดงามยามต้องกัน

มาเทียวส่งหอมหวนให้ชวนหลง
ถึงหลับไหลก็คงเก็บไปฝัน
ว่าภมรอ้อนออดตลอดวัน
แล้วบัวนั้นจักรอดอ้อมกอดฤา

อ้อมกอดแห่งรักหอมที่ล้อมร่าย
ทุกวนเวียนเช้าสายได้ส่งสื่อ
แห่งวลีสีหวานนั้นผ่านมือ
จึงเผลอหมายยึดถือไว้ครอบครอง..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ หากร่ายเวทแปลงร่างดุจอย่างผึ้ง
บินเคล้าคลึงบัวบานปานสนอง
ที่ชูดอกเด่นบึงซึ่งชวนมอง
หลากแมลงล้วนจ้องปองบัวงาม

๐ ยิ่งกลีบบานไหวยั่วคล้ายรัวกวัก
สื่อทายทักโอบอ้อมหอมแห่งท่าม
กระจายกลิ่นเกสรอ่อนอ่อนลาม
นำกลิ่นหวามโปรยปรายสู่สายลม

๐ บัวไสวมีฤทธิ์น่าพิศนัก
กี่นานจักได้เห็นเด่นเกินข่ม
แม้ใบบังนับร้อยหนามพร้อยคม
ผึ้งก็จมหลงฤทธิ์ลืมพิษภัย..(ระนาดเอก)

 ยิ้มแก้มแดง

ช่างอ่อนสวยนวยนาดจนหยาดเยิ้ม
แห่งแรกเริ่มฤทธิ์หวานให้ผ่านไหว
ภมรตอมบินร่อนจึงหย่อนใจ
ว่าได้แล้วหรือไรในความปวง

ความปวงแห่งหอมหวนที่อวลฉม
น่าภิรมย์หวานซึ้งเจ้าผึ้งหลวง
อย่าให้สิ่งที่เห็นนั้นเป็นลวง
จะลุล่วงแห่งซึ่งอันผึ้ง-บัว

จะใกล้กันตราบนานไม่ผ่านหาย
ทุกวนเวียนเช้า-สาย-บ่ายสลัว
กี่ผองฤทธิ์พิษภัยก็ไม่กลัว
จะเป็นบัวเหนือตมเพื่อดมดอม

เพื่อให้เจ้าภมรได้ว่อนผ่าน
แล้วเคียงกันเนิ่นนานอย่างหวานหอม
กี่แยกจากพรากไกลก็ไม่ยอม
แล้วจักพร้อมเสกสรรทุกบรรดา

บรรดาแห่งสุขล้นที่ปรนเปรอ
จะเสนอจนใครใฝ่อิจฉา
ปู-ปลาว่ายเวียนผ่านแต่นานมา
ยังร้องว่างามนักรักของเรา..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ เจ้าบัวเด่นดอกนี้วจีเพราะ
รูปก็เหมาะดอกเย้ยเผยไม่เฉา
ก้านก็อ่อนหนามนิดสะกิดเกลา
ข่วนแค่เย้าระคายให้ชวนพิศ

๐ เหล่าบัวบึงสร่างพร่างบึงใหญ่
เจียระไนเข้าเปรียบเทียบไม่ติด
บัวเจ้าเอ๋ยราศีที่ชวนชิด
เหมือนมีจิตละม้ายคล้ายใจคน

๐ กลัวเจ้าล่อภมรอ่อนยอมใจ
แล้วผลักไสสลัดพลัดหมองหม่น
ให้อายเหล่าปูปลาล้ากมล
จารึกผลผึ้งช้ำน้ำคำบัว

๐ ยามพบเหล่าผึ้งหนุ่มก็ชุ่มชื่น
ประดุจยื่นสายใยมอบใส่หัว
ให้ผึ้งหลวงทะนงหลงระรัว
เคล้าเนียนัวชมปลื้มจนลืมรัง

๐ พอเบื่อหน่ายคารมเคยชมชอบ
โยนช้ำบอบขยี้ยื่นทีหลัง
ให้รับทัณฑ์เศร้าซมล้มประดัง
สู่ภวังค์หลงเสน่ห์อเวจี

๐ คงสิ้นแรงอ่อนล้าสิ้นท่ากลับ
เป็นผึ้งอับโชคชะตาล่มราศี
คราวหลงบัวคำหวานซ่านฤดี
กลัวผึ้งนี้ติดหล่มพรมน้ำตา..(ระนาดเอก)

ยิ้มแก้มแดง 


นึกน้อยใจยิ่งนักเหมือนหักหาญ
ใยระแวงต่อคำหวานที่น้องว่า
แต่ละคำน้องเอ่ยเผยออกมา
ใช่มีค่า เพียงล่องผ่าน ปานสายลม

สู้อุตส่าห์เก็บออมความหอมหวน
กี่แมลงร่อนทวนคำอวลฉม
ยังมิหวั่นไหวติงกับสิ่งชม
แต่หลงคำคารมของผึ้งบิน

จึงเผยใจในทีที่ปรากฏ
เปรียบคำหวานหยาดหยดรดแท่งหิน
แต่บัดนี้กร่อนกัดถนัดยิน
จึงไม่ชินหากขาดพลาดกันไป

ไม่มีผึ้ง คงแย่ แน่บัวเอ๋ย
ที่คุ้นเคยเทียวส่งความหลงใหล
หากวันหนึ่งแล้วเขามาเอาไป
บัวจะอยู่เยี่ยงใดกันหนอบัว

อันชาติชายกับสตรีเยี่ยงนี้หนอ
ละครั้งคราวหยอกล้อให้พอหัว
แล้วไหวหวั่นก็ลั่นก้องร้องระรัว
นึกหวาดกลัวขึ้นมากลางราตรี

กลัวความหวานลางเลือนเสมือนหาย
กลัวความหมายที่เคยเผยสักขี
เป็นเพียงแค่คำพร่ำฉ่ำชีวี
แล้วแต่นี้จักมิเหลือแม้เยื่อใย

สัญญาไหมผึ้งน้อยที่คอยร่อน
จะไม่คิดจากจรจนอ่อนไหว
ให้บัวบานต้องเฉาเหี่ยวสักเสี้ยวใจ
เป็นบัวแห้งกลางบึงใหญ่ยามไกลลา..(ดวงไฟ)

สาวน้อยค่อยๆอาย

๐ เป็นผึ้งน้อยบินเร่งอย่างเคว้งคว้าง
วนเวียนร่างเหนื่อยช้ำตามยถา
บึงกว้างใหญ่แดดร้อนสะท้อนมา
ความหวังซาตามแรงแห่งกำลัง

๐ เจ้าบัวเด่นเห็นอยู่บานสู้ฝน
ท้าแสงจนกลีบเจ้าวาวเปล่งปลั่ง
เอนก้านล้อลมร่ายเฉิดฉายจัง
ชวนใครรั้งด้วยจิตเพื่อชิดชม

๐ ไม่มีบัวดอกนั้นจากวันนี้
บึงราศีเริ่มขาดมาตรติดหล่ม
เหลียวทางใดรอบทิศจิตระบม
ผึ้งถูกปมบัวงามตามหลอนใจ

๐ พายุโบกโยกจัดซัดแกล้งย้ำ
ภมรช้ำยิ่งอ่อนอาวรณ์ไหว
ท่ามวารีบัวหลากฝากแต่ใบ
มิเหลือใยทำผึ้ง..ถึงคร่ำครวญ..(ระนาดเอก)

ยิ้มแก้มแดง



ด้วยจากลาห่างหายเสียหลายนาน
ก็ยังคงเบ่งบานและหอมหวน
ใช่จะทิ้งผึ้งน้อยลอยเย้ายวน
อย่าเพิ่งด่วนพลัดพรากถึงจากลา

กลับมาเป็นปทุมทองเป็นของพี่
ในทุกท่วงนาทียังห่วงหา
แม้ไม่พบไม่ใกล้อยู่ไกลตา
รู้เถอะว่ายังคิดถึงเจ้าผึ้งบิน
ข้อความนี้ มี 3 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เหลือก็แต่เงื่อน "ผูกพัน"
28 มิถุนายน 2010, 02:50:AM
ดวงไฟ
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 137
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 578


Nonglek


« ตอบ #45 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2010, 02:50:AM »
ชุมชนชุมชน

ด้วยจากลาห่างหายเสียหลายนาน
ก็ยังคงเบ่งบานและหอมหวน
ใช่จะทิ้งผึ้งน้อยลอยเย้ายวน
อย่าเพิ่งด่วนพลัดพรากถึงจากลา

กลับมาเป็นปทุมทองเป็นของพี่
ในทุกท่วงนาทียังห่วงหา
แม้ไม่พบไม่ใกล้อยู่ไกลตา
รู้เถอะว่ายังคิดถึงเจ้าผึ้งบิน........
(ดวงไฟ)

ยังรอคอย ลอยคอ ชูช่อไสว
แอบบังใบ ในกลาง หว่างชลสินธ์
หมายเคลียคลอ รอเคล้า เจ้าภุมริน
มิพักสิ้น กลิ่นอาย กลางสายธาร

เป็นโกสุม ปทุมมาลย์ ที่บานพร้อม
ให้ภิรมย์ ดมดอม ความหอมหวาน
เพียงภมร ร่อนทั่ว ล้อบัวบาน
ใจก็จะ สะท้าน เกินต้านแล้ว.....



ปทุมมาลย์บานพร้อมจึงล้อมด้วย
หมู่ภมรว่อนสวยระรวยแถว
โน่นก็เกี่ยว นั่นกอดตลอดแนว
จึงฉายแววรวมเป็นหนึ่งหว่างผึ้ง-บัว
ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เหลือก็แต่เงื่อน "ผูกพัน"
28 มิถุนายน 2010, 05:07:AM
ดวงไฟ
Special Class LV4
นักกลอนรอบรู้กวี

****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 137
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 578


Nonglek


« ตอบ #46 เมื่อ: 28 มิถุนายน 2010, 05:07:AM »
ชุมชนชุมชน

เมื่อบัวน้อย ลอยช่อ รอรับแสง
หมู่แมลง แฝงเข้า คลอเคล้าทั่ว
กลีบเกสร ซ่อนเร้น ก็เต้นรัว
พร้อมเผยตัว ยั่วเย้า เหล่าภมร


จึงจำนนแล้วเอยให้เชยชม
จำนนต่อคารมอันออดอ้อน
ทั้งถ้อยพร่ำร่ำหาวาจากลอน
ว่าหวานอ่อนวอนขับกล่อมหลับตา

ที่ชูชันช่องามในยามนี้
จึ่งน้าวโน้มโลมชีวีให้โหยหา
เจ้าภมรที่อ้อนออดตลอดมา
ประหนึ่งว่าขาดเจ้าคงเฉาตาย
ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เหลือก็แต่เงื่อน "ผูกพัน"
หน้า: 1 2 [3]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s