เสียงระฆัง วังเวง เปล่งเสียงแว่ว
เพล้งเพล้งแผ่ว จากแนวใด ที่ไหนหนอ
วิหกท่อง ร้องขันคู กู่เสียงคลอ
หอมละออ ช่อมาลี คลี่ดอกบาน
จิตวิญญาณ ซ่านลอยวน อยู่หนไหน
ที่ล่องไป ให้จงกลับ นับผสาน
เป็นหนึ่งพับ กับเรือนร่าง ดั่งต้องการ
หยุดซมซาน จงขานรับ จับชีพจร
แสงแห่งธรรม นำสาดส่อง ทั่วท้องหล้า
ต่างจรมา พาน้อมฟัง คำสั่งสอน
กิเลสต่าง กลางฤทัย เริ่มคลายคลอน
พนมกร วอนบูชา ภควันต์
เสียงธรรมะ ธ ทรงซ่าน ประสานก้อง
ดั่งเสียงร้อง คล้องบรรเลง เพลงสวรรค์
ขับกล่อมมวล ชวนพ้นทุกข์ พบสุขพลัน
ให้ยึดมั่น ฉันท์ศรัทธา ค่าความดี
ดั่งดวงตา พารู้เห็น เป็นแก่นสาร
เจ้าสังขาร มารกิเลส เพศบัดสี
นำให้เห็น เช่นเกิด-ตาย หลายวิธี
สอนชีวี ให้หายโศก วิโยคใจ
อันความดี ให้มีไว้ ในดวงจิต
จวบชีวิต จะลาลับ ดับสลาย
เสือกกระสน ร้นร้อน ก่อนมลาย
ระลึกไว้ คุณพระธรรม นำวิญญาณ
หูทั้งสอง พึงปองรับ สดับด่วน
สิ่งทุกมวล ล้วนอนิจจัง ตามสังขาร
มันไม่ตรง คงกระพัน ยั่งยืนนาน
ต้องแตกดับ ตามกาล ที่ซ่านซา
จะต้องการ งานสิ่งใด อะไรเล่า
เมื่อมาเปล่า ก็ไปเปล่า นั่นแหละหนา
อันความดี ตามคำสอน พระพุทธา
ประดับไว้ ในโลกา ค่าอนันต์
นั่นจึ่งสอน อ้อนให้คิด จิตตรองตรึก
หมั่นสำนึก ฝึกใจตน พ้นอาสัญ
เปล่ามาแล้ว แจวเปล่ากลับ ดับชีวัน
ให้ติดพัน อันความดี ช่วยชี้ทาง