ชิงช้า...ถูกผูกเอาไว้
ที่ต้นไม้ใหญ่ใบเขียวครึ้ม
สายลมแผ่วเบา พัดผ่านแทรกซึม
บนฟ้ามีเมฆฝนครึ้ม พัดปลิวผ่านมา
ฉันนั่งคนเดียว...ลำพัง
อยากมีใครสักคนเป็นเพื่อนนั่งอยู่บนชิงช้า
อยากให้ที่ตรงนี้มีเพียงฉันและเขาคนนั้น
ปล่อยลมหายใจแผ่วเบา...คุยกันช้าๆๆ
ได้มองรอยยิ้ม...ได้สบสายตา
ให้หัวใจได้พูดจา....ตามประสาความผูกพัน
แต่หากในความเป็นจริงคือสิ่งที่เจ็บปวด
ใจที่ร้าวรวดจมเจ็บอยู่กับความปวดร้าวที่บอบช้ำ
ที่ตรงนี้ชิงช้าเก่า...ความทรงจำแห่งความเหงาเฝ้าจดจำ
น้ำใสๆยังคงเคลื่อนตัวอย่างแผ่วเบาจากปลายตา
ไหลลงช้าๆ...ราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าหากน้ำตาฉันเปรียบได้กับอาวุธ....
ฉันคงมีสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดอยู่ในหัวใจ
แต่ความเป็นจริง...ฉันมีแค่มือเปล่า
ไว้คอยเช็ดน้ำตาร้อนผ่าว บนแก้มที่อ่อนไหว
อยากให้รู้...ฉันตัวคนเดียวไม่อาจจะมีหนทางสู้ใดๆ
ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าไม่มีใคร...ความเหงาก็เข้าคลุมหัวใจโดยไม่มีหนทางใดจะหลุดพ้นมัน
(ความรักของฉันไม่ยิ่งใหย่เท่าฟ้า เพราะมันกว้างไกลและไร้ตัวตน แต่ความรักของฉันเป็นเพียงเม็ดทรายเล็กๆเพียงหนึ่งกำมือ แต่เธออาจนับมันไม่หมด)