๐ สิ้นเม็ดฝนหล่นพรม ยัง ลมพัด
พฤกษ์สะบัดใบลู่อยู่ไหวไหว
เบื้องบนสูรย์พรายฟ้าอ่าอำไพ
โอนอุ่นไออาบทามวลมาลี-
๐ พลอดหยาดน้ำราวเพชรเรียงเม็ดพร่าง
พรายอยู่ค้างบางมาลย์ตระการสี
อีกหน่อยคงเผือดสิ้นสูญอินทรีย์
งามจะลี้ลับล่วงพ้นห้วงกาล
๐ ฤามีเพียงภาพเหลือไว้เจือจิต
ให้เพ่งพิศเพลินตาแล้วพล่าผลาญ
ฤามีเพียงให้จำเป็นตำนาน
รอจะรานแหลกลงไม่คงทน
๐ ผ่านมาแล้วลับล่วงดั่งลวง-หลอก
ค่อยหลุดลอกเลือนลายกลับกลายหม่น
แปรเปลี่ยนความงดงามแทรกทรามปน
ที่สุดแล้วรานป่นเมื่อชนปลาย
๐ หามีใดมั่นคงดำรงอยู่
ผันมาสู่ พรากพ้น ค่อยวนหาย
เห็นแต่เพียงภาพรางที่วางราย
คว้าด้วยหมายยึดครองก็ล่องลอย
๐ รื่นริ้วลมตลบลำอีกคำรบ
ฟ้ายามพลบหม่นเทาดูเหงาหงอย
พุดตาลไหวลมพลิ้วลู่ลิ่วพลอย-
ดอกชมพูค่อยค่อยทยอยโปรย-
๐ กลีบบอบบางคว้างวนพลิ้วหล่นดื่น
เกินจะขืนกาลทอน อ่อนละโหย
งามถึงคราพ้นช่วงย่อมร่วงโรย-
ยิ่งลมโชยริ้วผ่านยิ่งรานรอน
๐ ที่เคยชุ่มหยดน้ำจนฉ่ำช่อ
ขาวลออสดสล้างกลางแดดอ่อน-
ของยามเช้าเร้าเร่งเพลงภมร
บัดนี้ร่อนร่างหายเมื่อปลายวัน
๐ สงัด สงบ พลบค่ำฟ้าคล้ำหม่น
พรากอำพนอำพรางทุกอย่างผัน
แปรเปลียนปรับลับลาพร้อมสายัณต์
รอให้จันทร์ลอยดวงแต่งสรวงแทน
๐ ปลายวรรษาฟ้าสั่งประดังฝน
เดือนฤาพ้นเมฆมัวบังทั่วแถน
ดาวก็หลบดวงสิ้นในถิ่นแมน
เฉกเช่นแดนดานทรวงสูญดวงโคม
๐ แล้วเหมือนกาลผันวนมาชนรอบ
แม้ว่าขอบเขตสรวงร้างดวงโสม
แต่แสงหนึ่งกลับวูบลำลูบโลม
ขับไล่โทมนัสจนพลัดทาง
๐ อบอุ่นเริ่มโอบเอื้อด้วยเยื่อใย
แสงแห่งใจเรื่อรุ้งดุจรุ่งสาง
พร้อมพรั่งมวลมาลีคลี่กลีบบาง
สดสล้างกลางแดดที่แวดล้อม
๐ ลมรำพายบ่ายโบกกรรโชกสาย
กรุ่นกำจายมวลมาลย์ก็ซ่านหอม
เบื้องหน้าล้วนดอกดวงพวงพยอม
ไหวลู่น้อมกิ่งก้านละลานตา
๐ ไม่คิดว่าคืนวันที่ผันผ่าน
นับเนิ่นนานเกินทนจะค้นหา
ฤาเพราะความผูกพันในสัญญา
ร้อยมรรคาชีวิตมาชิดกัน
๐ แม้ว่าพลัดพรากพ้นยังวนย้อน
ลอบอาวรณ์อาลัยแต่ในฝัน-
เกรงเผยถ้อยวาทีจะมีอัน
สิ้นสุดความสัมพันธ์ของวันวาน
๐ ครั้นปรากฏกายขวางแล้วอย่างนี้
พร้อมไมตรีหนักแน่นเป็นแก่นสาร
จึงขอมอบชีวิตจวบปลิดปราณ
ฝากชีพคล้องท่องกาลผสานกรรม
วลีลักษณา
๑๖ มกราคม ๒๕๖๒
ที่มา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=01-2019&date=16&group=26&gblog=120