~~~~~~ กล่อมไพร ~~~~~~
๏ เพลินสายลม..พรมไล้..กลางไพรพฤกษ์
ในป่าลึก..ดึกดื่น..ท่ามคืนหงอย
ปล่อยความคิด..จิตท่อง..อย่างล่องลอย
ปลอบกมล..คนคอย..บนดอยไกล
๏ ให้ผ่านวัน..อันร้าว..ที่ราวป่า
คลายอุรา..ล้าอ่อน..เกินถอนไถ่
เฝ้าเหม่อครวญ..หวนหา..ด้วยอาลัย
สิ้นวิญญาณ์..ป่าไพร..ยามไร้นาง
๏ มองเห็นจันทร์..พันดาว..ในราวฟ้า
ให้อิจฉา..ดาราราย..อันพรายพร่าง
มีหมู่ดาว..พราวไสว..ในนภางค์
เฝ้าโอบเรียง..เคียงข้าง..มิร้างเลือน
๏ แต่อีกหนึ่ง..หัวใจ..แสนไหวหวั่น
อย่างเงียบงัน..ในอก..สุดยกเคลื่อน
ห่างไกลสุด..ฝั่งฟาก..เพียรฝากเดือน-
คอยย้ำเตือน..ภาพฝัน..แห่งวันวาน
๏ ให้สายลม..ห่มใจ..อันไหวอ่อน
ล้างอาวรณ์..ถอนหม่น..ให้พ้นผ่าน
ถอนสิ้นเศร้า..เหงาทรวง..พ้นดวงมาน
คีตกานต์..ขานขับ..ประทับทรวง
๏ ค่อยซึมซับ..หลับไหล..ในห้วงฝัน
ท่องวิมาน..ผ่านสวรรค์..ถึงชั้นสรวง
ลืมวิโยค..โศกศัลย์..อันทั้งปวง
ก่อนลุล่วง..ห้วงสนิท..แห่งนิทรา๚.......(อักษรารำพัน)
~~~*~~~ ลมหนาว ~~~*~~~
๏ ลมหนาวโลมห้วงหาวพาหนาวห้อม
เข้าโอบล้อมรอบทรวงผู้ห่วงหา
เย็นเยียบในดวงขวัญเมื่อฉันทา
ค่อยลับลาเลยล่วงกลางห้วงกาล
๏ ก่อนนั้นเคยหวานชื่นกลางคลื่นหนาว
มาถึงคราวจางลงสิ้นสงสาร
ความรักที่เบิกบทด้วยรสตาล
ก็ขมซ่านแทรกซอนจนอ่อนใจ
๏ สนพลิกพลิ้วเรียวใบลมไล้ลู่
ดั่งรับรู้อาวรณ์สุดทอนไหว
อกใจเอยพรากพ้นสู่หนใด
ด้วยอาลัยล่ามคล้องลงจองจำ๚....(วลีลักษณา)
~~~~~~~ ร้าวทรวง ~~~~~~~
๏ ลมหนาวล่วง..ห้วงใจ..ก็ไร้ฝัน
คราวเหมันต์..วันคืน..ช่างชื่นฉ่ำ
คิมหันต์มา..พาใจ..ให้ระกำ
ต้องเจ็บช้ำ..ซ้ำซ้อน..ยอกย้อนทรวง
๏ รักต้องพราก..จากไกล..พร้อมไอหนาว
เมื่อถึงคราว..หนาวคลาย..ก็หายล่วง
ต้องขื่นขม..จมปลัก..กับรักลวง
จมกับห้วง..บ่วงสวาท..อนาถแท้
๏ หวังหนาวโลม..โหมผ่าน..เช่นกาลเก่า
กลับถูกเศร้า..เข้างำ..จนย่ำแย่
หวังหนาวเจ้า..เข้าเยือน..ไยเชือนแช
กลับฝากแผล..แก่ใจ..จนใกล้ตาย๚.....(อักษรารำพัน)
~~~*~~~ เศษรักซากร้าง ~~~*~~~
๏ สายลมโบกโยกไกวใบไม้พลิ้ว
บ้างปลิดปลิวขั้วหล่นลับพ้นหาย
สิ้นสุดช่วงล่วงผ่านรานมลาย
ความหวานกลายเป็นขมให้ตรมตรอม
๏ ปลิดปลิวแล้วขั้วใจพรากไกลลับ
ไม่อาจกลับคืนให้ได้ถนอม
ต้องทนเศร้าโศกซมอย่างสมยอม
สิ้นหวังหลอมรักรวมร่วมชีวัน
๏ รอแต่ป่นปนดินอย่างสิ้นไร้
เช่นใบไม้หล่นคว้าง..บนทางฝัน
เหลือแต่เศษซากทรวงในบ่วงทัณฑ์
ที่นับวันแหลกสลายตามสายกาล๚.....(วลีลักษณา)
~~~~~~~ ความหวัง ~~~~~~~
๏ ถามหัวใจ..ในยาม..ช้ำลามแผ่
แม้เกิดแผล..แค่นิด..ก็ฤทธิ์ซ่าน
ยิ่งเมื่อช้ำ..ล้ำล่วง..สู่ดวงมาน
ถูกร้าวราน..ผลาญพร่า..ยิ่งอาดูร
๏ กี่คราวครั้ง..หวังไว้..ในถวิล
ก็พังภิณฑ์..สิ้นหาย..มลายสูญ
ได้แต่ช้ำ..ซ้ำเติม..และเพิ่มพูน
ร้าวฤดี..ทวีคูณ..สูญแรงใจ
๏ หวังความหวัง..ครั้งท้อ..จะพอเหลือ
มาจุนเจือ..เผื่อคน..ที่หม่นไหม้
จะมีแรง..แกร่งพอ..สู้ต่อไป
ก่อนสายใย..ใน"รัก"..จะหักลง๚.....(อักษรารำพัน)
~~~*~~~ บนทางฝัน ~~~*~~~
๏ ฝ่าสายกาลวิโยคอย่างโศกเศร้า
ความเปลี่ยวเปล่าเร้ารุมจนลุ่มหลง
เห็นพรายรุ้งเรื่อสายก็หมายคง
หวังดำรงเส้นสีแต้มชีวา
๏ เวียนเกิดดับนับครั้งที่พังพ่าย
ที่วนว่ายทุ่มแรงแสวงหา
คือสีสัน..สุข-เศร้า เคล้าน้ำตา
เมื่อเอื้อมคว้าก็คว้างออกห่างไกล
๏ เกือบสุดปลายทางฝันที่ฟันฝ่า
ก็เหมือนว่าโคมสรวงเป็นดวงใส
เปล่งแสงสาดส่องทั่วทั้งหัวใจ
คนยากไร้..พลิกฟื้นมาชื่นบาน๚....(วลีลักษณา)
~~~~~~ ระบำน้ำค้าง ~~~~~~
๏ ฟังสิคำ..น้ำค้าง..พร่างปลอบขวัญ
ก่อนฤดู..เหมันต์..จะผันผ่าน
ประโลมปลอบ..มอบเจ้า..เยาวมาลย์
ทั้งสองเรา..เศร้า-ราน..เนิ่นนานมา
๏ หากแล้งรัก..หนักอก..สะทกไหว
ยอมปลิดใบ..ในเล่ห์..สิเนหา
จงลืมช่วง..ชอกช้ำ..ของน้ำตา
แล้วเยียวยา..บาดแผล..ที่แผ่ดวง
๏ ฟังเพลงดึก..คึกครื้น..ในคืนค่ำ
ชมระบำ..น้ำค้าง..พร่างจากสรวง
รับสัมผัส..ลมดึก..ผนึกทรวง
ให้เพลงไพร..กล่อมห้วง..ดวงใจร้าว.....(อักษรารำพัน)
~~~*~~~ เวิ้งวรรษา ~~~*~~~
๏ เวิ้งวงสรวงช่วงแสงโลมแหล่งหล้า
เมื่อวรรษาทิ้งช่วงปล่อยห้วงหาว
ให้กระจ่างพร่างแสงแต้มแต่งราว
จะถึงคราวสิ้นหม่นพรากพ้นไป
๏ ลมเช้าโชยลำเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ภุมรินโล้ร่อนปีกว่อนไหว
ตามกลิ่นหอมรวยรินจากถิ่นไกล
ที่ย้อมใจเกินต้านแล้วผ่านเลย
๏ สุคนธชาติเจ้าเอยรำเพยกลิ่น
ระรวยรินโลมหล้ายามฟ้าเผย-
พรายแดดอุ่นออดอ้อนช่อซ้อนเชย-
กลีบที่เคยหลุบหลู่ก็รู้บาน๚.......(วลีลักษณา)
~~~~~~ วังวนแห่งรัก ~~~~~~
๏ หมู่แมลง..แฝงกาย..ที่ปลายกิ่ง
หมายพักพิง..อิง-ดอม..ความหอมหวาน
รอเวลา..มาลี..คลี่ตระการ
ก็บินพล่าน..ผ่านเล็ด..เข้าเด็ดดม
๏ เพราะมาลี..คลี่ขยาย..กำจายกลิ่น
หมายเร้ารุม..ภุมริน..ด้วยกลิ่นฉม
ต่างพะวง..หลงชื่น..ในรื่นรมย์
เมื่อชื่นชม..สมอยาก..ก็จากลา
๏ ต่างก็มอบ..ตอบแทน..สิ่งแหนหวง
ใช่กลลวง..บ่วงเล่ห์..สิเนหา
จึงต่างมอบ..ตอบกัน..อย่างฉันทา
เพื่อนำพา..รักผลิ..นิจนิรันดร์๛...(อักษรารำพัน)