*** วิสาขบูชา ***
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 09:39:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** วิสาขบูชา ***  (อ่าน 1684 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
10 พฤษภาคม 2014, 12:48:PM
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
Special Class LV1
นักกลอนผู้เร่ร่อน

*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 34
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26



« เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2014, 12:48:PM »
ชุมชนชุมชน



*** วิสาขบูชา ***

 
** ณ วันนั้น "สันตุสิต" เทวราช
 พระจอมปราชญ์สถิตอยู่ชั้นดุสิต
 ถูกอัญเชิญโดยปวงเทพเทวฤทธิ์
 ให้จุติไปสถิตยังโลกา

 ** ท้าวสุทโธทนะมหากษัตริย์
 ทรงครองกรุงกบิลพัสดุ์สุดหรรษา
 เอกอัครมเหสีมหามายา
 ทรงปรารถนาราชบุตรสุดดวงมาน

** คืนหนึ่งมหามายาทรงนิมิต
 คล้อยดวงจิตเห็นช้างมหาศาล
 มาหมอบกราบน้อมถวายดอกบัวบาน
 เป็นความหมายว่ากุมารเกิดในครรภ์

** ครั้นบรรจบครบถ้วนทศมาส
 ทรงเยื้องยาตรผ่านป่าพนาสัณฑ์
 ถึงบริเวณสวนลุมพินีวัน
 ทรงประสูติพระจอมขวัญยอดกุมาร

** ซึ่งตรงกับวันเพ็ญวิสาขะ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖)
ขนานนามสิทธัตถะขอกล่าวขาน
 บารมีมากล้นพ้นประมาณ
 จะสำเร็จโพธิญาณดังหวังไว้

** ครั้นพระชนมายุครบสิบหก
 พระบิดาทรงยกปราสาทให้
 ทรงอภิเษกสมรสโดยเร็วไว
 ยโสธรายาใจคู่บารมี

**กาลวันหนึ่งเสด็จไปชมสวน
 กลิ่นอบอวลดอกไม้หลากหลายสี
 ได้ประสบพบเห็นสิ่งดีดี
 พร้อมเทวทูตทั้งสี่จึงทราบความ

** ประกอบด้วยคนแก่ เจ็บ และตาย
 ต้องเวียนว่ายในวัฏฏะพาวาบหวาม
 อีกหนึ่งชายเป็นนักบวชสง่างาม
 บังเกิดความหม่นหมองคับข้องใจ

** จนกระทั่งพระชนม์ยี่สิบเก้า
 ทุกค่ำเช้าคิดหนีหน้าสู่ป่าใหญ่
 บำเพ็ญตนให้พ้นทุกข์สุขภายใน
 หลุดพ้นไปจากวัฏฏะมาผูกพัน

** ถึงวันที่โอรสทรงประสูติ
 พระทรงพูดมีบ่วงมาขวางกั้น
 ต้องตัดบ่วงให้ขาดอย่าช้าพลัน
 จึงออกบวชในวันลูกเกิดมา

** ใช้เวลาบำเพ็ญเพียรครบหกปี
 ในวันหนึ่งจึงมีความคิดว่า
 ต้องบำเพ็ญเพียรทางใจไม่รอรา
 จึงหันมาปฏิบัติเฝ้าจัดการ

** ครั้นวันเพ็ญวิสาขะเวียนมาถึง (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖)
พระองค์จึงทรงชนะอย่างอาจหาญ
 ทรงมองเห็นอริยสัจตัดบ่วงมาร
 ทรงเผาผลาญตัวกิเลสเหตุวุ่นวาย

** ทรงสำเร็จพระโพธิญาณอันยิ่งใหญ่
 จิตผ่องใสใจเป็นสุขทุกข์สูญหาย
 ไม่มีเกิด ไม่มีแก่ ไม่มีตาย
 ถึงที่หมายได้ไปสู่นิพพาน

** พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์
 ให้บรรลุปรมัตถ์เป็นแก่นสาร
 อันโลกนี้ล้วนมีทุกข์ทรมาน
 อนิจจังสังขารไม่แน่นอน

** ครั้นพระชนมายุแปดสิบปี
 จึงทรงมีดำริหยุดสั่งสอน
 ปลงสังขารว่าถึงกาลไม่อาทร
 ต้องนิพพานแน่นอนอีกสามเดือน

** พระองค์ทรงตรัสปัจฉิมโอวาท
 ความประมาทร้ายกว่าหาใดเหมือน
 เป็นหนทางของความตายไม่บิดเบือน
 อย่าแชเชือนตั้งสติคอยตริตรอง

** และวันนั้นคือวันเพ็ญวิสาขะ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖)
เสด็จปรินิพพานไม่เศร้าหมอง
 ใต้ต้นรังกุสินารามัลละครอง
 ทรงเที่ยวท่องโปรดสัตว์สี่สิบห้าปี

** น่าอัศจรรย์วันสำคัญที่เกี่ยวข้อง
 มาสัมพันธ์คล้องจองอย่างถ้วนถี่
 วันประสูติ ตรัสรู้ บรรดามี
 ปรินิพพานก็ดีมาตรงกัน

** ในวันเพ็ญวิสาขะบูรณะมี
 เป็นดิถีมีคุณค่าอย่างมหันต์
 เราชาวพุทธต่างมุ่งมาระลึกกัน
 ถึงพระคุณอนันต์ของพระองค์

** เรียกวันนี้ว่า "วิสาขบูชา"
ขอเชิญชาวพุทธมาอย่าลืมหลง
 ร่วมบำเพ็ญกุศลอย่างมั่นคง
 เพื่อระลึกถึงองค์พระสัมมา

** ร่วมทำบุญตักบาตรรักษาศีล
 เพื่อละสิ้นกิเลสและตัณหา
 สงบใจฟังธรรมภาวนา
 ทั้งโลกนี้โลกหน้าสถาพร

สมพงศ์ ชูสุวรรณ


ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s