ขอพื้นที่ตรงนี้ให้บทกวีซีไรต์ที่ชื่นชอบ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 ธันวาคม 2024, 02:54:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอพื้นที่ตรงนี้ให้บทกวีซีไรต์ที่ชื่นชอบ  (อ่าน 5062 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
27 กันยายน 2013, 08:30:PM
choy
Special Class LV3.9
นักกลอนรอบรู้กวี

***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 314



« เมื่อ: 27 กันยายน 2013, 08:30:PM »
ชุมชนชุมชน

นักเขียน : นักสร้างศิลปะ

ยกตัวเป็นใหญ่ตั้ง            อัตตา
กวัดแกว่งปลายปากกา            กราดเกรี้ยว
ต่างคนต่างริษยา            แบ่งแยก
ใครคว่ำก็ถูกเคี้ยว            ขบอ้าอดสู

“กูเว้ยกูผู้สร้าง               ทางศิลป์
มึ-งเสือกมาติฉิน               ชั่วแท้
กูเขียนเรื่องกูกิน               ทิพย์อิ่ม
กูนี่เฮ้ยเปรียบแม้               มนุษย์ผู้พลีผล”

เสียงก่นเสียงด่าก้อง            กรรทบ
ของนักเขียนบัดซบ            สะบัดลิ้น
อวดเก่งดั่งหนึ่งกบ            กลิ้งกลอก
กะลาครอบคิดว่าสิ้น            สุดหล้าฟ้าเขียว

โดดเดี่ยวแลอวดดื้อ            ถือดี
หลงเกียรติหลงบารมี            เก่าสร้าง
เห็นคนรุ่นใหม่หนี            หน้าหลบ
คุยทับลับหลังอ้าง            อวดโอ้อนาถา

สำนึกแห่งนักเขียน         มิใช่เทียนที่สาดทอ
เห็นลมก็รีรอ            จะหรี่ลับลงฉับพลัน
สำนึกแห่งนักเขียน         นั้นคือเทียนอันเที่ยงธรรม์
ลมกล้าสลาตัน            ก็จะสาดรังสีใส
ที่ซึ่งบ่เห็นแสง            จะเร้นแฝงด้วยแรงไฟ
เปลื้องทุกข์ให้เป็นไท         ตลอดทั่วทุกด้าวแดน
ถึงปากกระบอกปืน         คอยเข็นขืนอย่าคลอนแคลน
สำนึกจึงแนบแน่น         และหลอมให้เป็นเหล็กหิน
สังคมอันโสโครก            ยังโบยโบกคะนองบิน
ใฝ่ทิพย์มาถือกิน            เจ้าจักได้อันใดมา
สังคมซึ่งโสโครก            ด้วยทุกข์โศกบ่สร่างซา
ตกเต็มด้วยน้ำคา         มิเว้นวายเหมือนวังวน
สำนึกในนักเขียน         หากนั่งเทียนบ่ทุกข์ทน
มองหามิเห็นหน            ประดุจบัวอยู่ก้นบึง
อักษรที่สรรค์สร้าง         ก็ไม่ต่างอาวุธตรึง
เป็นแอกอันหนักอึ้ง         บนคอคนผู้ลำเค็ญ
คือพิษในเนื้อแผล         ขยายแผ่อย่างเลือดเย็น
คือน้ำอันเน่าเหม็น         ตรลบคลุ้งด้วยคาวคำ
ปากกาที่กล้าแกร่ง         ต้องทิ่มแทงอธรรมทำ
ปากกาที่ก้มจำ-            นนต่อโจรย่อมคือโจร
สำนึกของนักเขียน         ต้องเป็นเทียนที่ฉานโชน
บ่อ่อนบ่เอนโอน            ต่อน้ำเงินจนงูบงึม
หนทางเมื่อก้าวทอด         แม้เป็นทางที่ทึบทึม
มัวโศกมัวเศร้าซึม         ก็พ่ายสิ้นสังคมโทรม
ในฟ้าล้วนเมฆฝน         ครึ้มคำรนอยู่ครืนโครม
ลมหนาวกระหน่ำโหม         ทุกหนแห่งด้วยแรงฮือ
ศิลปินสร้างศิลปะ         โดยภาระอันใดฤา
มันสมองกับสองมือ         เจ้าพลีให้ผู้ใดกัน

‘เรา’ คือแสงแทงทะลุทะลวงเมฆ
เพื่อนำเสกใส่งานการสร้างสรรค์
ผนึกแรงถนอมรักเร่งผลักดัน
ด้วยทีทรรศ์นักประพันธ์อันพึงมี
ศิลปินต้องสร้างศิลปะ
ด้วยภาระด้วยศรัทธาด้วยหน้าที่
เข้าโถมถาฝ่าอธรรมที่ย่ำยี
ทำลายภาพอัปรีย์บนสังคม
ค้านคำหลู่ดูถูกทุกรูปแบบ
สนิทแนบในงานผสานผสม
‘ผลัดกันเขียนเวียนกันอ่านวานกันชม’
คือถ้อยคำโสมมและสามานย์
ภาระของนักเขียนที่ถูกต้อง
ต้องเข้าร่วมเรียกร้องร่วมขับขาน
ต้องถ่อมตนอุทิศตัวเป็นงัวงาน
ด้วยวิญญาณยืนหยัดต้านศัตรู
จงกำจัดอัตตาที่บ้าคลั่ง
สร้างทุกสิ่งด้วยพลังการรวมหมู่
ในแวดวงวรรณกรรมค่าดำรู
มิควรเกิดวรรณะกูวรรณะมึ-ง
ถึงแสนปากกระบอกปืนยื่นเงื้อง่า
ต้องพ่ายแพ้ปลายปากการวมเป็นหนึ่ง
ถึงแสนตรวนโซ่ตามมาล่ามตรึง
ก็ล่ามไปไม่ถึงหัวใจ ‘เรา’
จึงนักเขียนควรมีเสรีภาพ
อย่าก้มกราบกรานกราดเป็นทาสเขา
เสรีทัศน์ทอดถวายแทบปลายเท้า
นั่นมันยุคไดโนเสาร์ยุคเต่านา
เมื่อรักเป็นศิลปินสร้างศิลปะ
ต้องมองเห็นชัยชนะอยู่เบื้องหน้า
ความสัตย์ซื่อถือประกบกับปากกา
จึงควรค่านักเขียนของมวลชน

คมทวน คันธนู, นาฏกรรมบนลานกว้าง, กวีนิพนธ์ซีไรต์ประจำปี 2526, พิมพ์ครั้งที่ 13, กรุงเทพฯ, สิริมงคลคำ, 2553, หน้า 66- 70

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, ไพร พนาวัลย์, สะเลเต, พ.พิมพา, รพีกาญจน์, เพรางาย, เพลิงคำ, รัตนาวดี, อริญชย์, ♥ กานต์ฑิตา ♥, เนิน จำราย

ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s