ดูเดียวดายดึงดัน ทุกวันผ่าน
นั่งนอนนานนับเนื่อง ด้วยเรื่องหลัก
คนเคยคู่เคียงครอง ร่ำร้องนัก
จำใจจักจริงจัง ไม่ลังเล
เห็นห่วงหาโหยไห้ พิไรร่ำ
นิ่งนานนำนุ่มนาง เกินห่างเห
สงสารสาวสมสอง ต้องพังเพ
รักรวนเรรุ่มร้อน บังอรครวญ
เจียมใจจิตจดจ้อง ประคองค่า
ในเนื้อนานางนำ พร่ำสงวน
คงคู่ครองเคียงคำ นำสำนวน
อันอบอวลอิ่มอาบ ทุกคราบครา
คิดคงค้างคืนคอย อย่างหงอยเศร้า
ฝันฝากเฝ้าฝักใฝ่ ให้โหยหา
หวั่นหวาดไหวหวิวหวาด ขาดกานดา
น้ำนองหน้านี้แน่ หากแพ้พาล
เมื่อมองเมินไม่มอง ให้ร้องบอก
กลิ้งกลับกลอกเกลื่อนกล้ำ จากคำขาน
อย่าหยิกหยอกอย่างอยาก กากน้ำตาล
ทุกข์ทนทานท้าทาย สลายใจ
จงจริงจังจริงจิต สนิทแน่น
ความคลอนแคลนเคลื่อนคำ ทำหวั่นไหว
อวลอบอุ่นโอบเอื้อ เมื่อมีใจ
นิ่งนานในเนื้อนา ชั่วฟ้าดิน
"บ้านริมโขง"
๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
กลกาพย์กานท์กลอนกลั่นนิรันดร
โดดเดียวดายดวงเด่นเล่นกลเทียบ
ป่านโปรยเปรียบป้ายปาดศาสตร์แห่งศิลป์
พร้อมเพียบพจน์พราวแพรวแก้วกวิน
ใจจันทร์จวงจดจินต์รินเคียงคำ
คล้ายเคลื่อนคล้อยคอยใครไหนคือเจ้า
ฝ่าฝืนเฝ้าฝันใฝ่ใคร่งามขำ
อยากอยู่อย่างยอดยิ่งพริ้งเพริศนำ
เรียกร้องรักร้อยร่ำฉ่ำกลางทรวง
ก่อกลอนกานท์เกลื่อนกลาดวาดหวานหยด
เรียงเรื่องราวร่ายรสจรดฟ้าสรวง
อิงอกอุ่นแอบอาบทาบแดดดวง
แช่มช้อยชมเช้าช่วงรวงข้าวนา
แสงสาดสีส่องแสดออกแผดเผา
ดวงดอกเดาดาวดินถวิลหา
บินโบกโบยบางเบาเจ้าพี่ยา
เมียงมองมามั่นหมายคล้ายอยู่นาน
ท้าทายเทียบทองทำฉ่ำภาษา
พจน์เพียงพาพัดพลิ้วปลิ้วขับขาน
วังเวงแวววับวาวพราวตำนาน
กลกาพย์กานท์กลอนกลั่นนิรันดร
หทัยกาญจน์
๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔
กลบทเบญจวรรณห้าสี