เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 06:48:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ  (อ่าน 14978 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
24 กรกฎาคม 2011, 03:52:PM
ช่วงนี้ไม่ว่าง
Special Class LV5
นักกลอนแห่งเมืองหลวง

*****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 358
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 792



« เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2011, 03:52:PM »
ชุมชนชุมชน



ถาม  เป็นความจริงหรือไม่...ที่ว่าภูติผีปิศาจนั้นกลัวกลางวัน และเกลียดแสงสว่าง

ตอบ   ไม่เป็นความจริงเลย  พวกภูติผีไม่ได้กลัวกลางวันหรือเกลียดแสงสว่าง  และพวกภูติผีวิญญาณต่างๆก็สามารถจะไปที่ไหนๆก็ได้ในเวลากลางวัน
ส่วนเหตุผลที่คนมักจะถูกผีหลอกในเวลากลางคืนและตอนที่อยู่คนเดียวนั้น  เนื่องจากปกติของคนมักจะกลัวความมืดและกลัวการอยู่คนเดียว
เมื่อความกลัวหรือความหวาดระแวงเกิดขึ้นอำนาจจิตก็จะอ่อนตัว(อย่างที่เรียกกันว่าจิตตก)อีกอย่างหนึ่งในเวลากลางคืนที่บรรยากาศมืดมองสิ่งรอบข้าง
ไม่ชัดเจน  โอกาสที่จะเกิดตาลายหรือเห็นภาพหลอนมีมากกว่ากลางวัน
      ส่วนเวลากลางวัน  บรรยากาศสว่างแจ้งกระจ่างชัด มองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจน  คนเรามักจะมีกำลังใจคึกคักกระปรี้กระเปร่า ไม่ค่อยมีความหวาดระแวง
ทำให้จิตใจเข้มแข็ง  อำนาจจิตก็พลอยแข็งแกร่งไปด้วย  ทำให้ภูติผีปีศาจไม่อาจจะทำอะไรคนได้ในเวลากลางวันหรือเวลาที่คนอยู่ด้วยกันมากๆ
(ภูติผีปิศาจจะเล่นงานคนได้คือ เวลาคนที่เผลอสติ  หวาดกลัว  จิตตก หรือดวงตก)จะสังเกตได้ง่ายๆว่า  ก่อนที่ภูติผีปิศาจจะเล่นงานใครนั้นจะต้องทำให้ผู้นั้น
เกิดอาการกลัวเสียก่อน  หรือมิฉะนั้นก็จะเล่นงานที่เผลอ,ตอนที่อยู่คนเดียวและกลัว  บางทีก็ทำเสียงหรือกลิ่นให้ผู้นั้นได้รับรู้  ส่งเสียงให้ได้ยินบ้าง(เพื่อให้กลัว)
หรือบางทีก็อาศัยช่วงจังหวะที่ผู้นั้นขับรถในที่เปลี่ยว แกล้งหลอนให้เห็นเป็นคนวิ่งตัดหน้ารถจนคนขับตกใจหักพวงมาลัยหลบตกข้างทางหรือชนต้นไม้
บางทีก็พรางตาไม่ให้เห็นรถคันที่วิ่งสวนมา หรือไม่ให้เห็นทางโค้งเป็นต้น
     แต่โดยสรูปแล้วก็คือ ภูติผีปิศาจไม่อาจจะเล่นงานคนตรงๆได้  นอกจากอาศัยการรบกวนให้ตกใจ หรือทำให้เกิดอุบัติตายไปเอง
คนเราไม่อาจจะบีบคอผีได้ฉันใด  ผีเองก็ไม่อาจจะบีบคอคนได้ฉันนั้น  เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถจะสัมผัสร่างกายกันและกันได้
ที่ทำได้ก็เพียงก่อกวนหรือหลอกหลอนให้ตกใจกลัวจนหัวใจวายตายหรือเกิดอุบัติเหตุตายไปเท่านั้น  ส่วนที่ทำให้เจ็บป่วยนั้นมักจะเป็นการทำ
ภายหลังจากที่คนผู้นั้นล้มป่วยจนร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว  ที่เรียกว่าผีซ้ำด้ามพลอย  เพราะคนที่ป่วยอยู่นานๆกำลังใจก็จะอ่อนแอลงไปด้วย
   วิธีป้องกันผู้ป่วยหนัก ถ้าไม่ต้องการให้ถูกผีซ้ำด้ามพลอย(ผีเจ้ากรรมนายเวร หรืออาจเป็นผีคนไข้ที่ตายในโรงพยาบาลที่อาจวนเวียนอยู่)
ก็คือ  ต้องให้ผู้มีอำนาจจิตและสมาธิสูงๆมาสวดมนต์แผ่อำนาจจิตให้เป็นประจำ จนกว่าหมอจะรักจนอาการฟื้นดีขึ้น(บางทีอาจนิมนต์พระ
แต่ใช่ว่า พระทุกองค์จะมีอำนาจจิตสมาธิ  ที่มีนั้นเป็นส่วนน้อย  ส่วนมากไม่ค่อยมี  ยิ่งถ้าไม่ใช่ญาติโยมกันหรือไม่ใช่ผู้บำเพ็ญธรรมจริงๆ
การสวดอาจจะเป็นการสวดแบบขอไปที ไม่ตั้งใจสวดและไม่ได้ใช้สมาธิในการสวด) การใช้น้ำมนต์ที่ผ่านพิธีปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ดังๆ
หรืออาราธนาพระเครื่องหลายๆองค์ที่เชื่อถือได้มาไว้กับตัวผู้ป่วยจะช่วยได้บ้าง(การทำดังนี้ไม่เกี่ยวกับการรักษาโรค  แต่เป็นความเชื่อ
ที่จะป้องการผู้ป่วยหนักที่ร่างกายอ่อนและจิตใจอ่อนแอ  ไม่ให้มีสิ่งลึกลับมารบกวนหรือคอยซ้ำเติม)
    ผู้ที่สวดมนต์ได้ดีที่สุดก็คือตัวญาติของคนไข้ที่จะมาเฝ้าดูแลผู้ป่วย อาจจะสวดง่ายๆด้วยบทพุทธคุณ  คาถาชินบัญชร  หรือที่สั้นและง่ายที่สุด
แต่ประสิทธิภาพดีก็คือ  คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า  ท่อง นะโม ๓จบ
                                อิติปิโส วิเสเสอิ   อิเสเส  พุทธะนาเมอิ
                                อิเมนา  พุทธะตังโสอิ  ิอโสตัง  พุทธะปิติอิ

คาถาบทนี้เป็นคาถาที่สั้น  และมีพุทธคุณครอจักรวาล  การสวดก็ต้องอาศัยความอดทน ต้องสวดตลอดเวลาที่ว่าง  อย่างน้อย  ครั้งละ ๓๐-๔๐ นาที
วันละ ๒-๓  ครั้ง(ยิ่งมากยิ่งดี)
         ส่วนอีกวิธี คือ การทำบุญใส่บาตร  แล้วอุทิศเจ้ากรรมนายเวร  และวิญญาณที่ป่วยและตาย ณโรงพยาบาลนั้นๆ  บอกให้รับส่วนบุญแล้ว
อย่ามาจองเวรหรือรบกวนคนป่วยที่เป็นญาติเรา  ให้ทำหลายๆครั้ง จนกว่าผู้ป่วยจะอาการดีขึ้น
            วิธีต่างๆดังกล่าวมานี้  เมื่อตั้งใจทำ  อาจช่วยให้คนไข้ที่อาการโคม่า  ไม่มีหวังจะรอด รอดตายได้ราวปาฏีหาริย์
(เป็นวิธี ป้องกันผู้ป่วย ให้พ้นจากการรบกวน หรือเข้าซ้ำเติมจากภูติผีปีศาจ  เปิดโอกาสให้หมอรักษาได้อย่างเต็มที่ ทำให้คนป่วย
มีหวังรอดมากกว่าตาย)  ใครที่มีญาติป่วยหนักขั้นโคม่า  จะลองนำวิธีนี้ไปใช้ก็ไม่เสียหายอะไร  และสามราถทำด้วยตัวเองได้  ไม่ต้องจ้าหมอผี
หรือใครมาทำให้
              บทสวด อันว่าด้วย การต่ออายุให้ผู้ป่วย
บทสวด  อันว่าด้วยการต่ออายุนั้น  มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์  อันมีชื่อว่า  โพชฌงคปริตต์   ความยาวหนึ่งหน้ากระดาษ
และบทหนึ่งว่า  สักกัตวา  พุทธะรัตตะนัง ฯลฯ  ใช้สวดคู่กัน  โดยสวดบทละ ๙ จบ  แล้วต่อท้ายด้วย  พาหุง  มหาการุณิโก(ถวายพรพระ)  อย่างละ ๑-๓จบ
ตอนท้าย  ให้กล่าวดังๆว่า  "บทสวดทั้งหมดนั้น  สวดเพื่ออุทิศ ญาติ....(ชื่อ) ที่นอนป่วยรักษาตัวอยู่ที่.....  ขอให้หายจากทุกข์จากโศกจากโรคจากภัย
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์  หายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ววัน " การสวดอาจทำที่โรงพยาบาล  หรือทำที่บ้าน(ทำที่บ้านเวลาสวดต้องนึกภาพเห็นหน้าคน
ป่วยไปด้วย)  ให้ทำดังนี้ ทุกวัน  วันละ ๓-๔  ครั้ง   ครั้งละ๓๐-๔๐ นาที  จนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการทุเลา
             อานิสงส์ที่จะได้รับ 
๑. ผู้ทำได้มีโอกาสฝึกสมาธิ  และได้บุญ
๒.เป็นการต่อชะตาชีวิต  และเพิ่มบุญบารมีให้กับผู้ป่วย
๓.ช่วยป้องกันผู้ป่วยจากสิ่งรบกวนที่อาจจะเกิดขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
๔.เทวดาร่วมอนุโมทนาในกุศลและปกปักคุ้มครองตัวผู้สวด
๕.ฝึกไว้ให้เป็นไม่ต้องพึ่งหมอผีหรือหมอไสยศาสตร์อีก  เงินทองไม่รั่วไหล  ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกหลอก
          ข้อห้าม
วิธีดังนี้  จงอย่าทำให้กับใครสุ่มสี่สุ่มห้า  เพราะจะเป็นโทษต่อผู้ทำ เนื่องจากเป็นการไปขัดขวางต่อกฏแห่งกรรม  อาจถูกพวกเจ้ากรรมนายเวร
ของบุคคลนั้นๆหันมาเล่นงานเอาได้  ตัวเองจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ให้เดือดร้อนในภายหลัง   ยกเว้น ทำให้ผู้มีคุณ  หรือคนที่เป็นญาติเท่านั้น
นอกจากบุคคลสองจำพวกข้างต้น(ผู้มีพระคุณหรือคนที่เป็นญาติกัน)ไม่ควรทำให้แก่ผู้ใด ยกเว้นเขาวิงวอนขอร้อง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : เพรางาย, รพีกาญจน์, บ้านริมโขง, พี.พูนสุข, ไพร พนาวัลย์

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s