~ดาวอับแสง~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 04:24:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ~ดาวอับแสง~  (อ่าน 7387 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
08 ธันวาคม 2010, 11:02:AM
masapaer
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 601


ร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณคือรางวัลอันยิ่งใหญ่


เว็บไซต์
« เมื่อ: 08 ธันวาคม 2010, 11:02:AM »
ชุมชนชุมชน





~ดาวอับแสง~

 สาวน้อยค่อยๆอาย

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"




ข้อความนี้ มี 16 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

08 ธันวาคม 2010, 02:43:PM
จ้อง เจรียงคำ
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 405
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 636



« ตอบ #1 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2010, 02:43:PM »
ชุมชนชุมชน


ณ ริมบึงบ้านไพรห่างไกลมาก
การลาจากกี่วารนานเสมอ
ซากเศษใบไม้กลบ..ที่พบเจอ
ไม่เท่าเสี้ยวซากเหม่อ..ที่เพ้อทรวง

หนึ่งราตรีที่แหงนมองแผ่นฟ้า
กี่การโรยโหยหา..ถลาร่วง
แม้นหัวจิตคิดถึง..จากหนึ่งดวง
แต่หลายห้วงแหลกลาญล้านคำนึง

เธอแสวงแสงสีนีออนไหน
ปล่อยแสงดาวบ้านไพรให้คิดถึง
หรือห้วงฟ้าราตรีที่ริมบึง
ไม่อาจตรึงตราจิตสักนิดน้อย

ที่ริมบึงจึงย้อนไปก่อนนั้น
ดาวแข่งเพียงแสงจันทร์แสงหิ่งห้อย
วันนี้ถูกแสงเกลื่อนกลบเลื่อนลอย
จากดาวพร้อยเมืองฟ้า..ยามราตรี

ดาวบ้านไพรไกลแล้วเมื่อแนวป่า
ไกลนักหนาหนุ่มดงหลงแสงสี
ถึงประกายสุดแรงเท่าแสงมี
แค่ดาวที่อับแสง..แฝงใจเธอ

ณ ริมบึงหนึ่งคนใจป่นยับ
ดาวบ้านไพรใกล้ดับนับหยดเอ่อ
แข่งกับประกายดาวคราวชะเง้อ
ปล่อยดาวเก้อกี่ร่วงดวงน้ำตา?



อาร์ตี้  งอนแล้วด้วย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
08 ธันวาคม 2010, 04:10:PM
knight_95
LV4 นักเลงประจำหมู่บ้าน
****

คะแนนกลอนของผู้นี้ 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55



« ตอบ #2 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2010, 04:10:PM »
ชุมชนชุมชน

เดือนหงาย
ดาวเลือนห่างไปไร้แสง
เด่นแต่ดวงแขไขไม่ร้อนแรง
แม้แต่แสงดาวก็หายคลายลับ

เมฆหม่นก่นฟ้าดาราราย
ฟ้าเคยสาดฉายก็หายดับ
เดือนเดียวเกี่ยวฟ้าก็พาพับ
เก็บกลับคืนบ้านย่านถิ่นเดิม

คืนหนาว
เศร้าใจรอนร้าวไม่ฮึกเหิม
น้ำตาก็พาเหงาเศร้าเพิ่มเติม
ใจดวงเดิมก็หมองหม่นทุกข์ท้นทวี

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ห่วงใย ห่วงใบไม้อ่อน
ห่วงหนอน กัดใบแหว่งวิ่น
ห่วงใย ใบเก่าร่วงดิน
ห่วงใย ไปสิ้นห่วงใย
08 ธันวาคม 2010, 05:04:PM
พระจันทร์สีน้ำเงิน
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 66



« ตอบ #3 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2010, 05:04:PM »
ชุมชนชุมชน





~ดาวอับแสง~

 สาวน้อยค่อยๆอาย

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"











น้ำตาดาว

ในขณะแสงเมืองเมลืองค่า
ดับ เดิ่ง ดวงดาริกาอยู่เสมอ
แลรวงนีออนหลอนบำเรอ
ผิ..ได้เจอสักดอกน้ำตาดาว

กระพริบ กระพริบอยู่ริบหรี่
เทียวละทีแรงช่วงแค่ห้วงหาว
นวัตรกรรมธรรมชาติวาดวาบวาว
แต่..ชั่วครู่ ชั่วคราว และ ชั่วคืน

เดียวดายรายรอบแค่กรอบฟ้า
แม้..บางอาจหยาดหล้าอย่างฝ่าฝืน
เปล่งผกายสุดแรงแข่งไฟฟืน
โน้มจูบพื้นพสุธาด้วยอาลัย

อยากดับปวงแสงเมืองเมลืองค่า
เพื่อทอดแสงดาริกาโชติไสว
หวังขณะเมืองมอดปลอดดวงไฟ
ผิ..รับสิทธิ์ยลใจใครบางคน

เถิด..ชั่วคืน ชั่วคราว และชั่วครู่
สางตรู่แย้มเยือนจะเลือนหน
ก่อนจำพรากคืนสรวงสู่ห้วงบน
เถอะ..สักซับหยาดหล่นน้ำตาดาว




สวัสดีค่ะ คุณ มะสะแปร์ ร่วมแจมด้วยคนค่ะ
ข้อความนี้ มี 11 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า
09 ธันวาคม 2010, 01:12:AM
เพรางาย
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 553
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,312


ทุกคำถามจะนำมาซึ่งคำตอบ


« ตอบ #4 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2010, 01:12:AM »
ชุมชนชุมชน

ฟ้าสว่างห่างหายลายดาวร่วง
ยื่นประท้วงตะวันสั่นลมหนาว
ขอยืดช่วงราตรีนี้อีกคราว
อย่ากลบแสงวามวาวจนร้าวใจ

เสียงรถราขวักไขว่ไล่เพลงทุ่ง
ตึกรามกั้นขอบคุ้งลำธารใส
ห่างบ้านเรือนบ้านป่ามาแสนไกล
อย่าเร่งไล่เพื่อนดาวบนราวฟ้า
ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

คนที่กำลังไล่ตามความฝัน  ท่ามกลางความผกผันของเวลา
09 ธันวาคม 2010, 09:36:AM
masapaer
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 457
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 601


ร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณคือรางวัลอันยิ่งใหญ่


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2010, 09:36:AM »
ชุมชนชุมชน

 




~ดาวอับแสง~

 สาวน้อยค่อยๆอาย

แสงสวรรค์สรรค์สร้างสว่างหรือ
แสงไฟสื่อสีสันร้อยพันสาย
ดอกนีออนซ้อนเหลื่อมกระเพื่อมพราย
กลบดาวรายเกลื่อนฟ้าแสงลาจาง

หลากสีสันแต่งแต้มแซมเมืองใหญ่
ตระการใจใครคนยลเมืองกว้าง
แสงดาราหม่นหลัวมัวเลือนราง
แนบซอกใจมีบ้างหรืออย่างไร

แสงสีนวลชวนมองไยหมองหม่น
เช่นบางคนหม่นมานนั้นไฉน
กี่เพลาดาวเมืองเรืองแสงไกล
จะดับไฟมืดลงตรงราตรี

ให้แสงนวลน้อยหนึ่งพึงกระพริบ
หวังกระซิบแสงแลแม้ริบหรี่
เพียงโอกาสวาดฝันอันน้อยมี
สู่ใจเธอคนดีนี้เพียงคราว

ณ  เบื้องบนดาดฟ้าราตรีล่อง
เธอจะมองท้องถนนหรือบนหาว
มองที่ใดไฟส่องหรือมองดาว
ที่แสงจางรอคราวดาวอับแรง

คงจะมีเพียงฝันอันน้อยหนึ่ง
ไฟเมืองถึงซึ่งคราวดับเงาแสง
หวังเพียงเธอมองดาวคราวฟ้าแปลง
รอแสดงแสงนวลยวนใจเธอ..

...แค่นาที..

"มะสะแป..ค่ะ"











น้ำตาดาว

ในขณะแสงเมืองเมลืองค่า
ดับ เดิ่ง ดวงดาริกาอยู่เสมอ
แลรวงนีออนหลอนบำเรอ
ผิ..ได้เจอสักดอกน้ำตาดาว

กระพริบ กระพริบอยู่ริบหรี่
เทียวละทีแรงช่วงแค่ห้วงหาว
นวัตรกรรมธรรมชาติวาดวาบวาว
แต่..ชั่วครู่ ชั่วคราว และ ชั่วคืน

เดียวดายรายรอบแค่กรอบฟ้า
แม้..บางอาจหยาดหล้าอย่างฝ่าฝืน
เปล่งผกายสุดแรงแข่งไฟฟืน
โน้มจูบพื้นพสุธาด้วยอาลัย

อยากดับปวงแสงเมืองเมลืองค่า
เพื่อทอดแสงดาริกาโชติไสว
หวังขณะเมืองมอดปลอดดวงไฟ
ผิ..รับสิทธิ์ยลใจใครบางคน

เถิด..ชั่วคืน ชั่วคราว และชั่วครู่
สางตรู่แย้มเยือนจะเลือนหน
ก่อนจำพรากคืนสรวงสู่ห้วงบน
เถอะ..สักซับหยาดหล่นน้ำตาดาว




สวัสดีค่ะ คุณ มะสะแปร์ ร่วมแจมด้วยคนค่ะ  (พระจันทร์สีน้ำเงินค่ะ)
 
 
~เพียงข้ามคืน~


แสงอันน้อยค่อยอ่อนซ่อนความหม่น
กึ่งระคนค้นถึงซึ่งห้วงหาว
ถิ่นประกายรายล้อมรัตน์พร้อมพราว
ส่องสกาวเจ้าถิ่นปิ่นอำไพ

งามเพียงคืนเดือนดับยออับแสง
เด่นเพียงคืนสิ้นแรงแสงแขไข
สวยเพียงคืนพ้นวันอันอุ่นไอ
ผ่องเพียงในราตรีที่มืดดำ

หายเลือนรางจางลาคราฟ้าใส
เหมาะอำไพมีค่าเพียงป่าถ้ำ
รอจังหวะประกายเริงร่ายรำ
เมื่อเวลากลางค่ำย่ำราตรี

นวัตกรรมธรรมชาติอันดาษดื่น
แต่มิตื่นฝืนวัฒน์รัฐกรุงศรี
ประติมากรรมวัตถุสู่ธานี
นิรมิตแสงคลี่ที่งามตา

ล่อลวงนัยน์หวนทิศพิศสีแสง
ตระการแจ้งจำรัสอันจัดจ้า
สิ้นเสียแล้วแวววันขวัญดารา
คนเขาคว้าชมชื่นดื่นดวงไฟ

คงจะเห็นดาวดวงช่วงสว่าง
บัดสิ้นร้างแสงสีนี้ใช่ไหม
ดาวจะผลิบานเด่นเพ็ญวิไล
เมื่อดาวใหญ่ไฟดับอับกลางเมือง

แสงดาวฤา จะเท่าสปอร์ตไลท์..อิอิ

ทักทายพระจันทร์สีน้ำเงิน  คุณอาร์ตี้  คุณ knight_95  และคุณเพรางายค่ะ  ยินดีทุกบทกลอนค่ะ พระจันทร์  ตบมือให้
ข้อความนี้ มี 8 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

09 ธันวาคม 2010, 02:02:PM
พรายม่าน
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 548
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 556


Praiman CharlesTep CharlesTep
เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2010, 02:02:PM »
ชุมชนชุมชน

 

คล้ายเรื่องเก่าเล่าผ่านมานานแล้ว
ดาวประกายฉายแววจากแนวป่า
ทิ้งห้วยหนองท้องคุ้งทิ้งทุ่งนา
ไปเจิดจ้าจัดแสงเพื่อแข่งเดือน

   ไม่ต้องอ้างข้างแรมแอบแต้มฟ้า
กระพริบพร่าลาดวงแล้วร่วงเกลื่อน
อยากฉายเฉิดเชิดหน้าเมื่อมาเยือน
ให้ฟ้าเตือนเพื่อนชี้ว่านี่ดาว

   ไม่เคยรู้คู่แข่งคือแสงไหน
แสงจากไต้ไม่สว่างถึงกลางหาว
แค่ริบหรี่คลี่แนวเป็นแถวยาว
หลบแสงดาวพราวพรูอยู่เรืองเรือง

   แต่แสงสีที่สาดเกินคาดคิด
ดูคล้ายปิดด้วยพรมสีส้มเหลือง
จากโลกันต์ถลันพุ่งมามุงเมือง
นรกเฟื่องเปรื่องหล้าเกินฟ้าทาน

   กลบแสงดาวพราวพยับให้อับแสง
เกินจะแข่งแสงพรายที่ฉายฉาน
จะหลบลับกลับไพรก็ไกลกาล
มันเนิ่นนานพาลพะวงเพราะหลงไฟ

   ต้องสู้ฝืนกลืนกล้ำคล้ำแสงหม่น
จะร่วงหล่นพ้นสีที่วันไหน
คงเกินแรงแข่งช้ำเกินทำใจ
เกินร่ำไห้ไกลหาน้ำตาดาว

พรายม่าน
สันทราย
๙ . ๑๒ . ๕๓
ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

09 ธันวาคม 2010, 02:38:PM
ฉันเอง
LV0 ทารก2 (Pls..update E-mail)
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 685


เป็นตัวเองดีกว่า..วุ้ย


« ตอบ #7 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2010, 02:38:PM »
ชุมชนชุมชน

แสงหม่น


ฤา..สิ้นแล้ว  แสงหม่น  คนอย่างฉัน

มิอาจเทียบ  แสงตะวัน  ที่ผันผ่าน

มิอาจสู้   เสียงเสนาะ   ไพเราะนาน

มิอาจทาน  กลอนกานท์  ชั้นเมฆินทร์


เหลือแต่ความ   จริงใจ   ที่มีให้

มิไหลไป   กับอบาย   กระแสสินธุ์

รักคงอยู่   ตราบชั่วฟ้า  สุดแผ่นดิน

มิผกผิน   ไปไหนไกล   จากใจเธอ


ความทรงจำ   จะคงอยู่    มิรู้หาย

ความเดียวดาย   คงตามติด  ชิดเสมอ

ความคิดถึง  ส่งผ่านฟ้า  ไปให้เธอ

ความรวดร้าว  เผาผ่าวเจอ  ด้วยตัวเอง


สุดเกินท้อ   นานเกินรอ   ก็เพราะรัก

เหนื่อยหน่ายหนัก  หลงรักเขา  เฝ้าข่มเหง

แสงเราน้อย  คอยมืดดับ   กลับไม่เกรง

ใจนักเลง  คงต้องสู้  จนมอดไป


ขอแจมมั่งครับ


ฉันเอง..


ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

ขอแต่งโลกสวย  ด้วยคำกลอน
หน้า: [1]
  ชุมชน  |  ส่งหัวข้อนี้  |  พิมพ์  
 

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s