"เปลือยเปล่า?"
๐
๐ ปล่อยเปลือยเปล่าจิตไหลไปกับเมฆ
ลู่ลมเฉกสกุณาเวิ้งฟ้าฝัน
แตะพรายรักเกลื่อนคว้างกลางตาวัน
กอบเก็บมันกอดก่ายสู่สายลม
๐ ยินเสียงยั่วราวไหมของไอรุ้ง
แว่วมาปรุงอุ่นผ่าวเข้ามาห่ม
มาเย้าใจเปิดฝันอันภิรมย์
เติมผสมลมล่องอยู่นองเนือง
๐ ไปสู่ขอบเขตขัณฑ์ตะวันฟ้า
ไปวอนว่าหยุดส่องวาวทองเหลือง
ปล่อยเงาดินรางรางให้จางเรือง
ปล่อยแสงเชื่องหิ่งห้อยลอยแสงนาน
๐ จะเชิญชวนจันทรามาลีลาศ
ท่ามอากาศโปรยเปล่งบทเพลงหวาน
ชมหิ่งห้อยสำแดงแสงตระการ
ลู่ลมผ่านโค้งฟ้าเย้ยตาดาว
๐ มาสิเธอทอดกายไปกับฉัน
ลิ้มรสฝันบางใสในห้วงหาว
กุมมือเธอทะยานวิมานพราว
ให้ลมหนาวอิจฉาฟ้าสะเทือน
๐ แล้วปรุงฝันกวีที่รังสรรค์
ให้เฉิดฉันเริงร่ายหาใครเหมือน
ฝากประทับรอยยิ้มไว้พิมพ์เตือน
ว่าเพ็ญเคลื่อนพร้อมฝันของวันนี้
๐ จะกอดก่ายกุมกันเที่ยวชั้นสรวง
ชมจันทร์ล่วงหลอมฝันยันสิ้นสี
จะจูบเธอบางเบาเคล้าราตรี
เบาอย่างที่ลมแผ่วไล้แนวปราง
๐ จะวักแสงนวลเพ็ญเย็นสุกสาด
ชโลมนาฏเยี่ยงทองต้องฟ้าสาง
จูงมือเธอเหยียบย่ำฉ่ำน้ำค้าง
ที่พราวพร่างเตรียมรับกับสองเรา
๐ จะไปไหม..
ไปด้วยใจบริสุทธิ์หลุดความเหงา
ไปสัมผัสเสียงใจเต้นไหวเบา
ไปเพื่อเคล้ามวลวัตรอัศจรรย์
๐ ณ ในที่เกินใครได้สัมผัส
มีเพียงพลิ้วลมพัดประภัสสรรค์
เอื้อเพียงเราได้มองจ้องตากัน
ล้วงใจฉันให้ลึกตรึกภายใน?"
ระนาดเอก