Re: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 ตุลาคม 2024, 01:29:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 385 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 04:00:PM »

พอคล้อยหลัง  ช่างทอง  องค์จอมสัตว์
ทรงปลีกผละ  ตำหนักพลัน  เร่งสรรหา
วัสดุ  อุปกรณ์  หลอมทองมา
หล่ออัมพา  พะงางาม  อร่ามยล

คิ้วขนง  วงพักตร์  ประทับจิต
ดั่งเนรมิต  พิศตระการ  งามสวยสม
ราวอัปสร  จรฟ้า  ให้หล้ายล
ทั่วสกล  อนงค์ใด  ไม่แม้นเทียม

ร่างลออ  อรชร  กรอ้อนแอ้น
เฉิดแฉล้ม  ผุดผาด  บาทจดเศียร
ดั่งสตรี  มีวิญญาณ  ยามมองเมียง
หากเปล่งเสียง  สำเนียงได้  ไม่แปลกใจ

หลังสำเร็จ  เสร็จงาน  การหลอมหล่อ
นวลลออ  รูปนาง  งามสดใส
กุสราช  ราชโอรส  ให้สบใจ
นำผ้าผ่อน  ท่อนสไบ  ใส่อนงค์

แล้วยกรูปหล่อนาง  วางรถเข็น
ตั้งงามเด่น  เห็นสง่า  น่าใหลหลง
พานวลน้อง  ไปซ่อนยัง  ห้องบรรทม
รอดูผล  ช่างทอง  หลอมออกมา



หนึ่งเดือนผัน  ช่างทอง  จึงหลอมเสร็จ
หลังขัดเก็บ  เช็ดรอย  ค่อยมาหา
ยกรูปปั้น  ขึ้นตั้งเด่น  เข็นรถมา
ฉีกยิ้มร่า  หน้าบาน  ปานจานเชิง

ไส้รถไป  ไม่วายมอง  ลำพองจิต
ครุ่นดำริ  พิศนาง  พานฮึกเหิม
ฝีมือเรา  ใครเล่ากล้า  ท้าเผชิญ
คงเคอะเขิน  เมินหน้า  ไม่กล้ายล

ถึงตำหนัก  ไม่พักหอบ  บอกทหาร
รีบรายงาน  รูปหล่อนาง  ตามประสงค์
ได้แล้วเสร็จ  สำเร็จงาม  ตามจำนง
ขอเสด็จ  ในกรม  ทรงพิจารณา

นายทวาร  ฟังความ  รายงานเฝ้า
กราบทูลเกล้า  เล่าถวาย  ในเนื้อหา
บอกช่างทอง  หลอมนวลนาง  กาญจนา
ได้แล้วเสร็จ  ขอเสด็จมา  ทอดตาชม



เมื่อนั้น  มหาสัตว์  สดับความ
คำรายงาน  ตามยามไป  ใจสุขสม
พ้นทวาร  เห็นนางทอง  หลอมชอบกล
ไม่งามสม  อารมณ์ฝัน  พลันขัดใจ

คิ้วไม่สม  วงพักตร์  ดูลักลั่น
ซ้ำไรฟัน  ยังเขยิบ  ไม่เฉิดฉาย
กรไม่ช้อย  ถันย้อยยาน  หูกางไป
ดูอย่างไร  ไม่ฝังจิต  ติดตราตรึง

จึงหันพักตร์  ตรัสพลัน  ยังช่างโอ่
อวดคุยโต  โวสามารถ  ปราศใครถึง
เท่าออเจ้า  ตลอดด้าว  ดาวดึงส์
จงลุกขึ้น  อย่าตึงตัง  ฟังคำเรา

ขอท่านจง  ตรงใน  ที่ไสยาสน์
บรรทมอาสน์  ขนาบคู่  อยู่ข้างเสา
ประทับตั้ง  นั่งลออ  รูปหล่อเรา
เข็นแม่เจ้า  เยาวพา  มาบัดดล

ช่างทองฟัง  ถลันไว  เข้าในห้อง
เห็นนางทอง  ยองใย  ให้ฉงน
งามอะคร้าว  ราวกับเสก  ด้วยเวทมนต์
ให้สับสน  ลนลาน  คลานออกมา

หน้าตาซีด  รีบบังคม  ทรงงดผิด
โปรดอย่าติ  เกล้าพิศพักตร์  พระสุนิสา
เนื่องไม่ทราบ  พิลาสท้าว  เยาวพา
อยู่ห้องใน  ที่ไสยา  พากล้ำกราย

มหาสัตว์  สดับความ  พลางแย้มโอษฐ์
ไม่เคืองโกรธ  โทษช่าง  นั่งเหงื่อไหล
บอกสตรี  ที่ท่านพบ  พานตกใจ
คือรูปหล่อ  อรไท  หาใช่คน

เราทดลอง  หลอมหล่อ  ไม่พออวด
หรือประกวด  เทียบชั้น  ยังมิสม
ขอท่านนำ  นางมา  ทอดตาชม
ว่างามสม  อนงค์ท่าน  นั้นอย่างไร

ช่างโอ่ฟัง  ให้เก้กัง  ยืนนั่งลุก
เหงื่อซึมผุด  สุดลำบาก  ยากไฉน
เข้าห้องนาง  ตามลำพัง  พลาดพลั้งไป
คงเหลือไหล่  แต่ไร้หัว  ใจรัวพลัน

จึงไห้หวน  ครวญคร่ำ  ร่ำพิลาป
น้ำตาอาบ  ก้มกราบลง  ทรงผ่อนผัน
เกล้ากลัวพลั้ง  นั่งคุก  อุกฉกรรจ์
ด้วยต้องนาง  งามพลัน  ชีพบรรลัย

องค์ดนัย  ในภูบาล  รำคาญพร่ำ
จึงสั่งพลัน  เร่งรีบนำ  นางโฉมฉาย
สุวรรณน้อง  รูปหลอมถี  ที่ห้องใน
มาเร็วไว  ขืนร่ำไร  ได้ตายจริง

ช่างได้ยิน  สิ้นโศกา  ตาเหลือกแจ้น
พุ่งตัวแล่น  ยังแท่นทรง  องค์โฉมฉิน
ถึงนางทอง  มองพธู  ดูเหมือนจริง
ตัดเกรงกริ่ง  สิ้นพลัน  มือคลำนาง

พอสัมผัส  จับกุม  สะดุ้งโหยง
กรโผอน  นงนาฏ  ไม่วาบหวาม
ผิวเย็นแกร่ง  แข็งดั่งหิน  สิ้นวิญญาณ
หมดกลัวลาน  เบิกบานใจ  ไสรถมา

ถึงเบื้องพักตร์  จัดเรียง  เคียงรถเข็น
หนึ่งสวยเด่น  เห็นอร่าม  งามนักหนา
หนึ่งหมองศรี  ดูไม่มี  ชีวิตชีวา
สิ้นกังขา  มหาสัตว์  จึงตรัสไป



เมื่อนั้น  กุสติณราช  มากความคิด
ทรงตรองตริ  ดำริการ  นางโฉมฉาย
ใช้ต่อรอง  มารดร  ยอมถอดใจ
เลิกเร่งรัด  บังคับใจ  ให้แต่งงาน

จึงสั่งพลัน  ยังทหาร  นำคานแคร่
ยกนางแห่  ผ้าแพรกั้น  กันคนถาม
ส่งตำหนัก  พระชนนี  มีข้อความ
ฝากทหาร  ประทานแด่  พระแม่เมือง

หากธาษตรี  มีนาง  งดงามเท่า
รูปหล่อเจ้า  อรไท  หรือคล้ายเหมือน
เราจักยอม  อ่อนน้อม  พร้อมครองเรือน
ผิบ่เหมือน  เดือนปีลับ  ไม่กลับใจ



เมื่อนั้น…พระมาตุรงค์  ชนนี  เทวีเจ้า
ฟังความเล่า  เนตรวาวคม  ชมโฉมฉาย
จิตประหวั่น  พรั่นคร้าม  สะท้านใจ
โอ้กระไร  ไยรูปปั้น  ช่างเหมือนคน

พักตร์งามตรึง  ซึ้งอุรา  พาจับจิต
ดั่งนฤมิต  ฤทธิ์เทวัญ  บันดาลสม
ปทุมสอง  งอนสล้าง  ฐานกว้างกลม
บั้นพระองค์  พระชงฆ์เพรียว  เรียวบาดใจ

สะโอดสะอง  ระหงเห็น  เด่นสง่า
ใครพบพา  อุราสั่น  ต่างหวั่นไหว
สรรพางค์  สะอางหมด  งามจดใจ
นารีไหน  ใครจักเปรียบ  จักทียบทัน

หรือลูกรัก  ฟูมฟักเลี้ยง  เพียรปกป้อง
ไม่คิดข้อง  ติดกาม  ความสุขสันต์
ไม่คิดมี  ทายาท  สืบชาติพันธุ์
ไม่มุ่งหวัง  บัลลังก์ราชย์  ยากเข้าใจ

จึงสรรค์สร้าง  นางนิมิต  ประดิษฐ์ขึ้น
ช่างสวยซึ้ง  ตรึงตา  กว่าหญิงไหน
หวังให้แม่  แพ้จน  หนทางไป
คิดตัดใจ  ไม่ขุ่นหมอง  ยอมเลิกรา

ไม่มีวัน  นั้นดอก  บอกลูกได้
แม่ไม่พ่าย  หน่ายท้อ  พ่อดอกหนา
จักต้องมี  สตรีเลิศ  ลักขณา
งามสวยกว่า  นารีเจ้า  จงเฝ้ารอ



หลังสดับ  ดำรัสความ  พานแม่เจ้า
ย่างวนก้าว  เร่าร้อนใจ  ในห้องหอ
เดินพลางคิด  พิศรูปปั้น  ช่างลออ
หญิงใดหนอ  จักพอเปรียบ  งามเทียบทัน

เดินหมุนเปลี่ยน  เวียนกลับ  หนักจิตแท้
ล่วงบ่ายแก่  แก้ไม่ตก  ใคร่หมดหวัง
จนย่ำพลบ  อาทิตย์ตก  อกระกำ
จึงทรุดนั่ง  ตั่งบรรทม  พักข่มตา

คราบัดนั้น  ยังมิทัน  หลังทาบฟูก
เจ้านางผุด  ฉุกใจ  ไขปัญหา
ให้ดีใจ  อ่อนไท้ผึง  ถึงทวารา
ตรัสเรียกข้า  บริบาล  นางกำนัล


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 ตุลาคม 2024, 08:24:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s