Re: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 03:40:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 955 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:56:PM »

จอมราชัน  ฟังประชา  พาอึดอัด
เอ่ยดำรัส  ตรัสแจ้ง  แถลงไข
บอกทดสอบ  ครอบคลุมถ้วน  มวลนางใน
แต่ไฉน  ไร้ทายาท  ยากกล่าวคำ

เหล่าพสก  ตระหนกฟัง  ทรงธรรมตรัส
ให้ข้องขัด  คับใจ ไยสิ้นหวัง
ยากจักเชื่อ  หน่อเชื้อพงศ์  วงศ์เทวัญ
จะมาสั้น  สะบั้นไป  กระไรฤา

จึงรวมพล  ระดมแจง  แสดงเหตุ
แห่งอาเพศ  ธเรศมี  ที่ใดหรือ
จึงไร้ซึ่ง  หนึ่งนาง  กระนั้นฤา
ให้ทายาท  สืบวงศ์ชื่อ  เลื่องลือไกล

หลังปรึกษา  หารือนาน  พานสรุป
เหล่านงนุช  ยุพยง  องค์ฤาสาย
ล้วนทุศีล  สิ้นถ้วน  มวลนางใน
เป็นเหตุให้  ไร้สามารถ  ยากตั้งครรภ์

เนื่องทายาท  มากบุญ  สกุลรุนชาติ
จุติจาก  ฟากฟ้า  เทวาสวรรค์
ห่อนฝังจิต  สนิทแนบ  แทรกในครรภ์
หญิงไม่มั่น  คงธรรม  ยากนำพา

จึงน้อมทูล  ภูมิบดี  วิธีใหม่
หากจอมไท้  ใคร่สมดัง  ปรารถนา
ได้ทายาท  สืบพงศ์  วงศ์ราชา
โปรดบัญชา  พระชายา  สีลวดี

ด้วยโฉมฉิน  ศีลลออ  บริสุทธิ์
งามประดุจ  อินทุเพ็ญ  เปล่งราศี
เกินหญิงใด  ในหล้า  บรรดามี
เป็นแม่ศรี  มิ่งแดน  แคว้นพวกเรา

หากองค์อร  ยอมทำ  ต้องสำเร็จ
ได้แก้วเพชร  เม็ดงาม  อร่ามเสลา
เป็นทายาท  ราชบัลลังก์  มัลละเรา
ขอผ่านเผ้า  เจ้ามหิ  ตริตรองดู

เมื่อนั้น…โอกกากราช  ฟังคำ  พลันอึดอัด
ผินหน้าผละ  ไม่ปะใคร  ใจอดสู
ให้ลำบาก  ยากบอก  ยอดพธู
มิ่งเมียชู้  คู่ขวัญ  ทำอย่างไร

แต่เพื่อชาติ ราษฎร์ประชา  ต้องมาก่อน
ความเดือดร้อน  ผองชาวเมือง  เรื่องยิ่งใหญ่
ต้องขจัด  ปัดเป่า  ทุกข์เศร้าไป
องค์จอมไท้  ฝืนใจตัด  หักใจทน

จึงบัญชา  เสนา  มหาอำมาตย์
สั่งข้าราช  ประกาศแจ้ง  ทั่วแห่งหน
ศาลากลาง  ร้านค้า  แน่นหนาคน
ตรอกถนน  หนทางแพร่ง แจ้งทั่วกัน

นับเวลา  เจ็ดวัน  จากวันนี้
พระเทวี  สีลวดี  นารีขวัญ
จะเสด็จ  ดำเนินออก  ยังนอกวัง
เพื่อฝากฝัง  สัมพันธ์ชู้  คู่ฤทัย

เลือกชายชาติ  อาชาไนย  ให้ทายาท
สืบต่อราชย์  ชาติพงศ์  วงศ์อดิศัย
ให้ยืนยง  คงอยู่  คู่ไผท
เป็นหน่อเนื้อ  เชื้อไข  ไชยราชา

ชายใดหวัง  สัมพันธ์รัก  สมัครสมาน
กับจอมนาง  ผู้งามสรรพ  ยากจักหา
หญิงใดเปรียบ  เทียบทัน  กัลยา
ให้จงมา  รอลาน  ทวารวัง

สิ้นประกาศ  ราชโองการ  ภูบาลแจ้ง
ทุกแยกแพร่ง  แหล่งชุมชน  คนมากฝัน
ทั้งหนุ่มอ่อน  ค่อนเฒ่า  เฝ้าโจษจัน
ต่างมุ่งหวัง  กัญญา  ต้องตาตน

จึงเมื่อถึง  ซึ่งกาล  ตามกำหนด
เหล่ามานพ  สมทบกัน  คับคั่งถนน
ยืนยัดเยียด เบียดเสียดออ  รออนงค์
จากทุกหน  ทุกแห่ง  แย่งกันมา



ณ เวลา  เดียวกัน  เบื้องชั้นหาว
มรุเจ้า ท้าวสุรินทร์  ตาวติงสา
อยู่อยู่เกิด  ร้อนใจ  ให้สงกา
จึงกำหนด  จดจิตหา  ปัญหาใด

ฉับพลันทราบ  พิลาสถี  ผู้มีศักดิ์
นารีรัตน์  พระจักรี  ศรีสมัย
โอกกากราช  ราษฎร์ทวยเทิด  เกริกเกียรติไกล
จักเลือกชู้  คู่ฤทัย  ให้บุตรา

เพื่อสืบชาติ  ราชบัลลังก์  จำสละ
ศีลข้อวัตร  ยอมตัดใจ  ไม่รักษา
หวังราษฎร์ไท้  ได้ดัง  จินตนา
องค์ชายา  อุราตรม  ทนจาบัลย์

มเหสักขเทวัญ  ครั้นทราบเหตุ
ให้นึกเวทนานาง  พลางผลุนผลัน
นั่งไม่ติด  ครุ่นคิดการ  ช่วยนางพลัน
ให้สมหวัง  ดังใจ  ไม่ทุกข์ตรม

จึงตริตรอง  มองหา  เทวาแถน
ในเมืองแมน  แดนสรวง ล่วงเวหน
ผู้ใดจึง  คู่ควร  นวลอนงค์
เป็นทายาท  ชาติพงศ์  วงศ์ไพบูลย์

บัดนั้น  ท้าววัชเรนทร์  เห็นนิมิต
ภาพอดิเทพ  ครรไล  ไปเบื้องสูง
ทิ้งดาวดึงส์  ขึ้นฟ้า  ตุสิตาภูมิ
เนื่องบุญหนุน  ผดุงส่ง  องค์เทวา

ท้าวสุเรนทร์  เกรงไม่ทัน  พลันเร่งรุด
พร้อมเทพบุตร  ผุดผ่อง  คล่องแกล้วกล้า
ยังสำนัก  โพธิสัตว์  เลื่องศักดา
เพื่อสกัด  ดักหน้า  อมราไคล

ถึงวิมาน  มัฆวาน  สั่งการตรัส
ไม่เอ่ยทัก  รับสั่งพลัน  กันสงสัย
ให้อมร  พร้อมจรัล  ยังกรุงไกร
จุติฟ้า  ลาไป  ในภูวดล

ณ แว่นแคว้น  แดนดิน  ถิ่นมนุษย์
เกิดเป็นบุตร  สุทธิกานต์  ตามประสงค์
โอกกากราช  ราชา  ผู้อ่าองค์
เทวีพ้น  มลทิน  ศีลสมบูรณ์

โพธิสัตว์  สดับคำ  มิทันแย้ง
ศักรพลันแจ้ง  แถนเคียงใกล้  ให้ตามหนุน
ลงไปเกิด  กำเนิดข้าง  พุทธางกูร
คอยเกื้อหนุน  จุนเจือ  เมื่อจำเป็น

จบความมี  วัชรี  ก็ตีจาก
ทิ้งเวหาส  เหาะจากฟ้า  หาไม่เห็น
สองเทวัญ  ยังงันงง  องค์วัชเรนทร์
มาหลีกเร้น  เผ่นลับ  คับข้องใจ



ฝ่ายองค์อินทร์  ทิ้งหาว  ลงด้าวดิ่ง
ถึงแผ่นดิน  ผินมา  พาสงสัย
กลายรูปลักษณ์  พักตร์แก่เฒ่า  เคราสั่นไกว
ผมเผ้าขาว  ราวเปลือกไข่  ให้พิกล

เดินยักแย่  ยักยัน  มาวังไท้
เยื้องย่างกราย  หายใจขัด  อึดอัดสับสน
ถึงหน้าลาน  ทวารวัง  พลันก้มลง
โก่งก้นโค้ง  ผายลมคั่ง  ลั่นทั่วลาน

เหล่าบุรุษ  กระจุกออ  พอยินเสียง
ปู้ดป้าดเปรี้ยง  เสียงท้องลั่น  พลันแตกซ่าน
บ้างสำลัก  กระอักไอ  รากไหลยาน
บ้างถูกหาม  ออกลานพ้น  เป็นลมไป

หลากฉกรรจ์  หันมอง  จ้องผู้เฒ่า
ดุว่ากล่าว  แก่คราวปู่  ดูไม่ไหว
ยังอุตส่าห์  พาสังขาร  มาทำไม
เหตุไฉน  ไม่อยู่เหย้า  คอยเฝ้าเรือน

บ้างดรุณ  หนุนตาม  ประจานซ้ำ
พูดหยามหยัน  ซ้ำเหลือบมอง  จ้องเชือดเฉือน
จวนกลายฟอน  นอนไฟ  ไยเลอะเลือน
แม้ย่างเยื้อง  กระย่องกระแย่ง  แรงไม่มี

องค์เทวะ  สหัสนัยน์  ในร่างเฒ่า
แสร้งตาวาว  เคราสั่นฟัง  คำเสียดสี
พูดติดขัด  ตะกุกตะกัก  กลับทันที
เจ้า..พวก..นี้  นี่..ยัง.เยาว์  เขลา..เหลือ..ทน

ขิง..จะ.เด็ด  เผ็ด..จริง  เพราะ..ยิ่งแก่
หมอ.จะ..แน่  เพราะ..แก่.วัย  ไม่..ฉงน
ไม้..จะ..แกร่ง  แก่น..แก่.นาน  จึง..ทาน.ทน
ชาย..เหมาะ..สม  หญิง.งาม..พักตร์  นับที่วัย

เหล่าบุรุษ  สุดกลั้น  ขันทั่วหน้า
ฟังวาจา  ชราอ้าง  ช่างเหลวไหล
เปรียบเทียบเขลา  เอาข้างสี  ดีกว่าใคร
บุรุษไหน  ไม่เหมาะเท่า  ขรัวเจ้าเอง

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ตุลาคม 2024, 07:07:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s