กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
28 ตุลาคม 2024, 01:30:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กุสติณราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 385 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2024, 03:55:PM »

กุสติณราช

(เทวโลก)                       
ณ เมืองแมน  แดนสรวง  ล่วงเวหน
พระสุริยน  หม่นแสง  ไม่แดงใส
ดวงดารา  สุกตาวับ  งามจับใจ
รุ่งไสว  ไร้เมฆหมอก  ครอบบดบัง

เหนือสุเมรุ  เกินเกณฑ์นับ  วัดสูงได้
มีเมืองใหญ่  วิไลงาม  ปานเสกสรร
เหล่าทวยเทพ  เสพสุข  ทุกคืนวัน
นามลือลั่น  สรวงสวรรค์  ชั้นดาวดึงส์

กลางอัมพร  นครหาว  วาวปราสาท
งามพิลาส  ยากเกินคน  ด้นดั้นถึง
เวชยันต์  วังจอมไท้  แห่งไตรตรึงษ์
ช่างสวยซึ้ง  ตรึงตา  น่าเพลินมอง

สูงเสลา  พราวระยับ  นับร้อยโยชน์
รายธงโบก  โบยพลิ้ว  ริ้วสลอน
ประดับมณี  สีหลากแปลก  แทรกลายทอง
ไทวะผอง  ไม่รองไหน  ในดินแดน

ถัดวังไท้  ใกล้ติด  ทิศอีสาน
มีสวนงาม  ละลานตา  น่าสุขแสน
นามปุณฑริก  นิรชร  ค่อนเมืองแมน
เปรียบดุจแม้น  แดนสถาน  สำราญใจ

มวลพันธุ์ไม้  รายแยก  แตกกิ่งช่อ
ซุ้มพุ่มกอ  ลออบาน  งามสดใส
บ้างสูงกร่าง บ้างลามแผ่  แพร่ออกไป
ดูไสว  พร่างใบดอก  รอบอุทยาน

กลางสวนงาม  มีอาราม  นามเกริกก้อง
เทพทั้งผอง  พร้อมพรัก  สมัครสมาน
มาประชุม  ชุมนุมฟัง  ธรรมตามกาล
ยังสถาน  สุธรรมา  ศิวาลัย

ใต้ไม้ใหญ่  เหลือคณา  ปาริฉัตร
หนึ่งสุร  อัครแถน  ผิวแดงใส
ยืนทอดตา  ผกามาลย์  เบิกบานใจ
เนื่องจวนใกล้  ครรไลหาว  ดาวดึงส์

ด้วยบุญญา  ธิการทำ  น้อมนำส่ง
สัมฤทธิ์ผล  ดลจอมสัตว์  อุบัติถึง
ตุสิตา  เหนือฟ้าไกล  แดนไตรตรึงษ์
เป็นชั้นซึ่ง  โพธิสัตว์  พำนักกาย



(โลกมนุษย์)                     
ณ  แผ่นดิน  ถิ่นแดน  แคว้นมัลละ
มีกษัตริย์  ทรงศักดิ์เด่น  เช่นไศล
เลื่องระบือ  ลือนาม  แผ่กว้างไกล
นามจอมไท้  โอกกากราช  ราษฎร์ชื่นชม

พระทรงภพ  ทรงยกธรรม  นำประเทศ
ใต้เศวต  ฉัตรไท้  ไพร่สุขสม
กิจการ  ร้านค้า  แน่นหนาคน
ทุกแห่งหน  ชนสราญ  ชื่นบานใจ

ภูมิบดี  มีชายา  สง่าแสน
ทั่วเขตแดน  แคว้นสกล  ชนเลื่อมใส
สีลวดี นามเสนาะ  เพราะจับใจ
ตั้งเป็นใหญ่  กว่านางใด  ในดินแดน

องค์จอมไท้  ไว้พระทัย  ให้อำนาจ
ด้วยเปรื่องปราด  มากปัญญา  เก่งกล้าแสน
มอบนางใน  ให้ปกครอง  พอผ่อนแรง
เพื่อช่วยแบ่ง  เบาภาระ  พระจักรี



องค์ผ่านเผ้า  เฝ้าหวัง  บัลลังก์ราชย์
มีทายาท  สืบชาติพงศ์  ดำรงศรี
ราชสกุล  ครองกรุง  กุสาวดี
ผ่านหลายปี  ไร้ทีท่า  น่าแปลกใจ

เหล่าข้าราช  มากล้น  ชนทั่วหล้า
ต่างตั้งตา  ตั้งหน้ารอ  หน่อเชื้อไข
องค์ภูมินทร์  ปิ่นเกล้า  เจ้ากรุงไกร
เหตุไฉน  ไยเนิ่นนาน  พานกังวล

จึงชักชวน  รวมกัน  พลันมุ่งหน้า
สู่พารา  หาบพิตร  คิดประสงค์
แจ้งกษัตริย์  พิบัติใหญ่  ใกล้กรายองค์
หากไม่ทรง  มีทายาท  ชาติมลาย



นโรดม  ทรงสดับ  ถ้อยอรรถราษฎร์
ให้ลำบาก  ยากจิต  คิดมากหลาย
จึงเผยความ  ตามดำริ  อธิบาย
เหตุไฉน  ไร้ทายาท  ชาติล่มจม

เราใช้ธรรม  นำพา  รักษาประเทศ
ไยเป็นเหตุ  พิบัติภัย  ไพร่ขื่นขม
ทั่วแว่นแคว้น  แดนดิน  ถิ่นสกล
ราษฎร์สุขสม  คนไร้ทุกข์  สุขสำราญ

อาณาจักร  จรัสเรือง  เลื่องนามก้อง
ใต้ครรลอง ปรองดองรัก สมัครสมาน
ประเทศราช  มากพร้อม  น้อมบรรณาการ
ไยปวงท่าน  พรั่นวิตก  อกร้อนรน



เหล่าข้าไท้  ได้ฟัง  ราชันตรัส
จึงตอบกลับ  ดำรัสไท  ไม่ฉงน
เพลานี้  ทั่วธาษตรี  ที่มั่นคง
ด้วยพระองค์  ทรงสามารถ  ยากใครเทียม

แต่ความคิด  จิตมนุษย์  สุดหยั่งรู้
มีกายอยู่  ศัตรูหลบ  หดหายเศียร
สิ้นกายา  ศัตรูคล่อง  จ้องเบียดเบียน
ช่วงผลัดเปลี่ยน  เสี่ยงพินาศ  ชาติอัปรา

ขอพระองค์  ทรงดำริ  ตริตรองเถิด
ถึงประเสริฐ  เลิศใหญ่  เกินใดหา
ถึงเก่งกาจ  สามารถ  มากปรีชา
สุดท้ายหน้า  ดินกลบ  จบชีวัน

แต่ชาติคง  ดำรงอยู่  มิรู้ดับ
เปลี่ยนกษัตริย์  สัตราช  ชาติสุขสันต์
ได้กษัตริย์  ทรราช  ชาติจาบัลย์
ควรฤานั่น  ชั่งพระทัย  ทรงไตร่ตรอง



ธรณิศ  คิดทวน  ชวนอึดอัด
ฟังถ้อยอรรถ  ประจักษ์เห็น  เช่นทั้งผอง
แต่อับจน หนทางออก  กลอกตามอง
ข้าไท้จ้อง  มองทรงธรรม  พลันเข้าใจ

จึงทูลตอบ  บอกวิธี  ที่สามารถ
สืบทายาท  ชาติพงศ์  วงศ์อดิศัย
แต่ภูวนาถ  คงยาก  ลำบากใจ
หากจักใช้  แนวทาง  ตามประชา

จอมราชัน  ฟังคำ  ท่านอมาตย์
ให้เอิบอาบ  วาบใจ  เกินใดหา
ปัญหาหนัก  สลัดได้  คลายอุรา
แม้ต้องฝ่า  ทุกข์ใด  ไม่อินัง

จึงตรัสถึง  ซึ่งวิธี  มีไฉน
เป็นอย่างไร  ยากเพียงไหน  ไม่หนีหัน
ถึงข้ามเขา  ราวป่า  จักฝ่าฟัน
บ่คร้ามยั่น  พรั่นลาน  วานบอกมา



อมาตย์ฟัง  พลันแถลง  แจ้งธเรศ
ถึงมูลเหตุ  องค์เอกไท้  ไร้วงศา
เนื่องเป็นหมัน  ยากหวังให้  ได้บุตรา
จึงเนิ่นช้า  เหนื่อยล้าคอย  พลอยกังวล

หากผ่านเผ้า  เฝ้าหวัง  บัลลังก์ราชย์
มีทายาท  สืบชาติพันธุ์  ดังประสงค์
ต้องยอมหัก  ตัดพระทัย  หมองไหม้ทน
ปล่อยสนม  ทรงมากมี  ที่ในวัง

ให้ออกนอก  วังไป  ในหนึ่งอาทิตย์
เลือกคู่ชิด  สนิทกาย  ชายในฝัน
ร่วมสังวาส  เอิบอาบอิ่ม  ผินกลับวัง
หนึ่งเดือนผัน  ครรภ์สงัด  นางถัดไป

โสฬสพัน  อังคณา  บรรดาสนม
งามอ่าองค์  นงคราญ  นางทั้งหลาย
ต้องมีหนึ่ง  ซึ่งสามารถ  สืบชาติไท
ให้ทายาท  จอมไท้ได้  ในไววัน

นโรดม  ทรงฟัง  ทำตามบอก
ไม่กลับกลอก  ตอบแน่นหนัก  ตรัสขึงขัง
ให้ยุพา  บรรดามี  ที่ในวัง
ร่วมตุนาหงัน  ฉันท์ชู้สาว  คราวละคน

ปวงประชา  หน้าใส  ยินไท้ตรัส
สิ้นอึดอัด  ทุกข์คลาย  ใจสุขสม
ต่างเพรียงพร้อม  น้อมกราบ  บาทยุคล
หายหน้าพ้น  องค์ราชา  ลากลับไป



จำเนียรกาล  ผ่านพ้น  วนเวียนกลับ
ยังสงัด  ข่าวมงคล  ชนสงสัย
หลายปีเลื่อน  เคลื่อนจาก  ราษฎร์ทุกข์ใจ
ด้วยยังไร้  ข่าวทายาท  ยากเบิกบาน

จึงประชา  มาประชุม  ชุมนุมใหม่
หน้าวังไท้  ทนไม่ไหว  ใคร่ทวงถาม
ถึงทายาท  สืบชาติพงศ์  องค์ภูบาล
ไยยังว่าง  ให้ฉงน  พิกลใจ


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer

ข้อความนี้ มี 1 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ตุลาคม 2024, 06:49:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s