เมื่อนั้น…
พระอุปคุต พุทธวงศ์ ทรงเดชะ
คลายตบะ กลับร่าง อร่ามใส
เป็นภิกษุ ผุดผ่อง มองจ้องไป
ท้าวมารใหญ่ ให้ตกใจ ใคร่ไกลลา
พระคุณเจ้า ย่างเท้า เข้าไปใกล้
พร้อมมาลัย ไหม้ช้ำ ดำคร่ำคร่า
พันอสุภ สุนัขเน่า เคล้ามาลา
เหม็นหนักหนา น่าขย้อน หนอนชอนไช
พอถึงคล้อง ล้อมซุก ทุคันธชาติ
แสนอุบาทว์ อุจาดคอ ผูกศอไว้
พร้อมประกาศ คาดโทษ อุโฆษไป
แม้นผู้ใด ไพร่พรหม ยมเทวัญ
ก็มิอาจ กระชากดึง ทึ้งออกได้
หมดทางคลาย สลายฤทธิ์ ประสิทธิ์มั่น
ปล่อยคาไว้ ให้ประจาน เนิ่นนานวัน
เพื่อฝึกกลั้น ระวังจิต ไม่คิดพาล
แล้วเอ่ยปาก ตวาดคำ ลั่นตะเพิด
มารเตลิด เปิดอ้าว ไม่กล่าวขาน
แสนอับอาย ขายหน้า สิ้นท่าพาล
เหาะลนลาน ซมซานไป ไร้ที่พิง
เมื่อนั้น มารผยอง อ้อนวอนไหว้
เทพมากมาย ช่วยคลายมนต์ ลุกลนวิ่ง
บากหน้าขอ ง้อกราบ ฟุบทาบดิน
ไร้ศักดิ์สิ้น ผินไหน ใครก็เมิน
จำฝืนทน ตรงหา ท้าวมหาราช
ผู้เก่งกาจ มากล้น คนสรรเสริญ
ให้ช่วยดึง ทึ้งบาศ อุจาดเหลือเกิน
สิ้นขวยเขิน สะเทิ้นอาย ขายหน้าทน
สี่เทวัญ ชั้นฟ้า หน้าละห้อย
อ้างฤทธิ์ด้อย ต่ำต้อยนัก ศักดิ์ไม่สม
ไร้สามารถ มิอาจคลาย สลายมนต์
ขอพระองค์ ตรงยัง ท่านอมรินทร์
มารผิดหวัง ร่ำลา เหินฟ้าจาก
น้ำตาอาบ ตากหน้ามา หามหินทร์
แต่พอพบ ประสบศักร กลับได้ยิน
ท้าวสุรินทร์ ก็สิ้นกล จนปัญญา
จึงขึ้นหา เจ้ายามา ราชาเทพ
ถูกปฏิเสธ เจ็บซ้ำ พลันหนีหน้า
แวะดุสิต ผิดหวังอีก หลีกอำลา
ถึงนิมมา ปรนิม สิ้นถิ่นพรหม
ทั่วเทวัญ ชั้นฟ้า เทวาสถิต
หาคลายฤทธิ์ ประสิทธิ์กล้า วาจาสงฆ์
มารท้อแท้ แพ้พ่าย เหนื่อยหน่ายปลง
จึงเหาะลง ตรงหา ครูบาพลัน
บัดนั้น พญามาร ผู้พาลผิด
ก้มหน้าชิด ติดเข่า เศร้าโศกศัลย์
สิ้นพยศ หมดลาย คลายดุดัน
เซื่องซึมนั่ง ยังหน้า มหามุนี
เฝ้าออดอ้อน วอนคำ พร่ำขอโทษ
ว่าอย่าโกรธ งดโทษทัณฑ์ ท่านฤาษี
ได้กุศล ผลบุญเพิ่ม เสริมบารมี
ขอจงคลี่ คลายบาศ ให้ขาดไป
อรหันต์ ฟังมาร พานหัวร่อ
บอกตนพอ ไม่ขอบุญ ใครทูนให้
มีแต่ท่าน ซิหน้าหมอง บุญพร่องไป
ลุกขึ้นได้ อย่าช้าไว ไสหัวเดิน
แล้วกระชาก ลากดึง กึ่งบังคับ
มารผงะ ศีรษะหงาย กายงกเงิ่น
พระคุณเจ้า ก้าวยาว สาวเท้าเดิน
ราพณ์สิ้นเขิน เดินคอตก สงบไป
ถึงเขาชัน องค์ท่าน ฉับพลันขยาย
เครื่องพันกาย คลายประคต พันทบใส่
รัดเอวมาร บันดาลอ้อม ล้อมรอบไป
โอบไศล ตรึงไว้ ให้ทรมาน
แล้วสำทับ กำชับซ้ำ ย้ำกรอกหู
ท่านจงอยู่ คู่ผา อย่ายุ่มย่าม
สงบนิ่ง หยุดดิ้นรน จนครบกาล
ครั้นงานผ่าน ตามกำหนด ถึงปลดคลาย
จบวาจา ครูบา ก็ลากลับ
เข้าห้องหลับ สงัดทุกข์ สุขเหลือหลาย
ฝ่ายท้าวมาร อกลาญยอก นั่งทอดกาย
ตรอมหมองไหม้ ให้คำนึง ถึงวิมาน
เมื่อนั้น วสวัตตี ให้มีจิต
หวนนึกคิด ทิพสมบัติ อัครฐาน
ชั้นปรนิม ถิ่นอาศัย วิไลงาม
ล้วนโอฬาร ตระการตา น่าภิรมย์
ไร้เหลือบยุง บุ้งริ้น กัดกินเนื้อ
บ่ร้อนเหลือ เหงื่อไคล ไหลหมักหมม
ผิวไม่ด้าน กร้านแตก เพราะแดดลม
อิ่มสุขสม ไม่ทนหิว ท้องกิ่วครวญ
ทุกทิวา ราตรี มีแต่สุข
ปราศเรื่องทุกข์ สนุกไป ในแดนสรวง
รสรูปเสียง จำเรียงเพราะ เสนาะทรวง
ต่างเย้ายวน ชวนเพลิน เจริญใจ
มาบัดนี้ นี่กระไร ไฉนเล่า
แขวนหมาเน่า นั่งเฝ้าผา น่าสงสัย
ต้องยืนร้อน นอนหนาว รวดร้าวใจ
ทำอย่างไร ใครช่วยปลด ประคตคลาย
บัดนั้น พญามาร ร้าวรานจิต
ย้อนนึกคิด ภาพติดตา พาใจหาย
ครั้งพุทธองค์ ทรงสอน ผองเวไนย
ไม่ใจร้าย ละม้ายศิษย์ ผิดลงทัณฑ์
เคยกำแหง แผลงฤทธิ์ คิดโอ้อวด
เคยผนวก พวกพาล รุกรานท่าน
เคยจาบจ้วง ล่วงวาจา น่าชิงชัง
เคยเกือบพลั้ง ผิดฆ่า บ้างมงาย
พระไม่เคย เอ่ยคำ ให้ช้ำจิต
ไม่ตำหนิ ติโกรธ โจษเสียหาย
ไม่สัมผัส จับต้อง ให้หมองกาย
ทรงอภัย ให้ทุกครั้ง ซ้ำเมตตา
แต่ครูบา บ้าฤทธิ์ ผิดสมณะ
ไม่ปล่อยปละ ละเว้น เห็นแก่หน้า
ทั้งกรรโชก โขกสับ จับตรึงตรา
ทั้งดุด่า ว่าซ้ำ ให้ช้ำใจ
มารกำสรวล ครวญคร่ำ พร่ำแต่กล่าว
ถึงเรื่องราว คราวหลัง รำพันไห้
จนปีเลื่อน เคลื่อนผ่าน กาลล่วงไป
ความแค้นใจ ก็มลาย หายหมดพลัน
ได้วันครบ กำหนดกาล ตามสัจจะ
องค์เถระ มีนัดมาร พลางผลุนผลัน
ออกสำนัก ลัดพง ตรงไปยัง
ผาคุมขัง กำบังแอบ แนบตามอง
เห็นมารกล้า หน้าเศร้า ดูเหงาจิต
นั่งครุ่นคิด พินิจทัณฑ์ กรรมสนอง
เฝ้าคำนึง ถึงบุญใหญ่ เคยใฝ่ปอง
เป็นหนสอง พร้อมเอ่ยคำ ร่ำรำพัน
ผิเบื้องหน้า บุญข้ามี ราศีส่ง
ขอเหมือนองค์ ทรงพิสุทธิ์ ผุดผ่องขันธ์
มีเมตตา นำพาสัตว์ สลัดกรรม
ไม่หุนหัน ดุดันโกรธ ลงโทษใคร
อรหันต์ ฟังความ มารปรารภ
เผยปรากฏ ปลดบาศ ขาดหลุดหาย
แล้วออดอ้อน วอนง้อ ขออภัย
ที่ทำไป หวังให้ไท้ ไร้จิตพาล
เพื่อประโยชน์ จึงโปรดองค์ ทรงดำริ
ปราบทิฐิ ลิดจิตหน่าย คลายสงสาร
จนเอ่ยปาก ปรารถนา หานิพพาน
ใช่รอนราญ หยามองค์ ทรงตรองดู
บัดนี้ทรง ตรงเที่ยง ไม่เบี่ยงผัน
จิตมีธรรม ค้ำใจ ไม่อดสู
ถือสำเร็จ เสร็จความ ตามคำครู
ที่ทรงรู้ คู่กรรม อุปถัมภ์มา
นับแต่นี้ เห็นที ต้องลี้จาก
จำใจพราก ยากพบ ประสบหา
ก่อนจากกัน ขอมารท่าน นั้นเมตตา
คลายกังขา คามี ที่ในใจ
ขอพระองค์ ทรงสำแดง แปลงรูปร่าง
ทั่วสรรพางค์ งามเด่น เป็นไฉน
ดุจวิสุทธิ์ พุทธวงศ์ องค์จอมไตร
ให้ราษฎร์ไท้ ได้เห็น เป็นบุญตา
เนื่องมีท่าน เท่านั้น ที่ทันกราบ
องค์จอมปราชญ์ ผู้ประกาศ ศาสนา
ให้สมใจ หมายมาด อาตมา
ก่อนจากลา ลับไป ใจอาวรณ์
ท้าวมารา ยินวาจา ครูบากล่าว
น้ำตาพราว ร้าวรวดใน ใจทอดถอน
นึกอดีต บีบฤทัย ให้อาวรณ์
อกสะท้อน ตรองภาพ ศาสดา
เมื่อนั้น พญามาร ผู้ผ่านผิด
สิ้นทิฐิ ตรองตริคำ พลันตอบว่า
ผิเกล้าแสร้ง แปลงกาย คล้ายศาสดา
ขอครูบา อย่ากราบ ให้บาปกรรม
อรหันต์ ฟังมาร พลางตอบรับ
แล้วรีบกลับ นคเรศ เข้าเขตขัณฑ์
ป่าวประกาศ ไท้ราษฎร์รู้ มาดูกัน
ชนพร้อมพรั่ง โจษจันก้อง ร้องดีใจ
มหาชน ล้นหลาม ตามเนืองหนุน
มาชุมนุม ณ ทุ่งหญ้า ชายป่าใหญ่
ทั้งกษัตริย์ สมณชี มีมากมาย
เสนาไพร่ ใกล้ไกล หลั่งไหลมา
ได้เวลา จอมฟ้า เทวาใหญ่
พลันแปลงกาย ย้ายองค์ จากพงป่า
ด้วยรูปโฉม พระโคดม ทรงลีลา
เปล่งมหา ปุริสลักษณ์ ประทับใจ
พระฉัพพรรณ รังสี มีโอภาส
งามพิลาส วาบจิต พิสมัย
โศภิตตระการ ยามมอง ผ่องอำไพ
เกินหาไหน ใดเทียบ เปรียบมุนินทร์
เบื้องซ้ายขวา โมคคัลลา สารีบุตร
ถัดภิกษุ ผุดผ่อง เรืองรองศีล
เหลืองอร่าม ย่างตาม ช่างงามจริง
ดูใหญ่ยิ่ง มิ่งชน องค์ศาสดา
อุปคุต ภิกษุเจ้า เหล่าบริษัท
พอประจักษ์ พักตร์เด่น เห็นเต็มหน้า
โลมชาติ ผงาดตั้ง ทั้งกายา
น้อมบูชา วันทากราบ บาทยุคล
บัดนั้น…
วสวัตตี มีใจ ให้พลุ่งพล่าน
รีบคืนร่าง บันดาลหาย คลายสับสน
กลับเป็นมาร พลางเอ่ยปาก อย่ากราบตน
เดี๋ยวบาปล้น พ้นสามารถ ยากแก้คลาย
พระคุณเจ้า กล่าวไข กระไรบาป
ผู้คนกราบ เอิบอาบจิต พิศสมหมาย
กลับเป็นบุญ หนุนท่าน นั้นมากมาย
ขออย่าได้ งมงายเขลา จงเข้าใจ
ท่านทนทุกข์ ขลุกอยู่ คู่ผานี้
กี่เดือนปี กี่ระทม กี่ตรมไหม้
ค่ำคืนหนาว เช้าร้อน ทอดถอนใจ
เหลือบริ้นไร ไต่ตอม ต้องยอมทน
หิวแสนหิว ไส้กิ่ว หน้านิ่วอด
ทุกข์รันทด อกใจ ไม่สุขสม
กลับเคี่ยวกรำ ทำให้ คลายตัวตน
จิตผ่านพ้น ปลงอาฆาต สิ้นบาปกรรม
บัดนี้ถึง ซึ่งครา อำลาจาก
ขออราธนาบุญ ผดุงท่าน
จงสิ้นทุกข์ สุขสราญ ชื่นบานธรรม
สมดั่งลั่น คำถึง ซึ่งพุทธภูมิ
จอมสวรรค์ ชั้นมาร พานก้มกราบ
แทบสองบาท ปราชญ์มุนี อารีหนุน
แล้วเหาะฟ้า ลาไป ใจอาดูร
กลับเบื้องสูง มุ่งยัง… ชั้นปรนิม
₀ O ₀
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
21 พฤศจิกายน 2024, 05:29:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช(ภาคจบ) ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย (อ่าน 2460 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: