วสวัตตีมาราธิราช(ภาคจบ) ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
21 พฤศจิกายน 2024, 05:37:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช(ภาคจบ) ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย  (อ่าน 2460 ครั้ง)
kapheetam
LV3 นักเลงกลอนประจำซอย
***

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20



« เมื่อ: 13 สิงหาคม 2024, 08:05:AM »

วสวัตตีมาราธิราช (ภาคจบ)

กาลวันคร่า พร่าผลาญ ลาญทุกสิ่ง
กลบกลืนกิน สิ้นแม้ซาก ยากแก้ไข
ล้วนเกิดดับ กลับเปลี่ยน หมุนเวียนไป
พ้นวิสัย ใครจักฉุด ให้หยุดลง
พุทธกาล ล่วงคล้อย สองร้อยเศษ
หลากประเทศ เขตมัชฌิม สิ้นสุขสม
เกิดข้าวยาก หมากแพง แก่งแย่งสะดม
ซ้ำฟ้าฝน พิกลแกล้ง แล้งเหลือใจ
ผลหมาก รากไม้ ก็ตายสิ้น
ทรุดทาบดิน อิงพาด ยากฟื้นหาย
ภัยสงคราม ตามกระหน่ำ ระส่ำไป
มองทางไหน ให้อนาถ โลกขาดธรรม
ไฟกิเลส เฉกพาล เข้าผลาญจิต
เปลี่ยนความคิด พลิกใจ ให้กลายผัน
ความเมตตา อารี ที่มีกัน
พลันสะบั้น บั่นไป ไม่ไยดี
ญาติพี่น้อง ผองเพื่อน ก็เบือนจาก
ทิ้งรกราก เพราะยากทน ซมซานหนี
พ่อจูงบุตร ฉุดกันไป ในพงพี
ปู่อุ้มหลาน ตามติดรี่ ลี้หลบพลัน
กองทหาร พาลผยอง คะนองศึก
อึกทึก ครึกโครม โจนถลัน
พุ่งซัดแหลน แทงหอก หลอกล่อฟัน
ดาบพลิกผัน ตะบันฆ่า ไม่ปรานี
ห่าธนู พรูไป ไฟลุกร่า
ตกหลังคา หญ้าฟาง ร้างบ้านหนี
เสียงแตรฆ้อง กลองสนั่น สั่นธรณี
เสียงเกือกม้า บีฑาปรี่ ผงคลีคลุม
ไฟไหม้เรือน เคลื่อนลาม ฉางยุ้งข้าว
แสนปวดร้าว เศร้าใจ ดั่งไฟสุม
เห็นฝาบ้าน สะท้านแตก แหลกเป็นจุณ
เหมือนกระสุน พุ่งกลาง หว่างดวงใจ
หมู่วัวควาย ตะกายโผน กระโจนดะ
ส่ายเปะปะ สะบัดขวิด โลหิตไหล
ข้ามคอกได้ หงายกลิ้ง วิ่งอ้าวไป
พริบตาหาย ลับกายไกล ไฟลามเลีย
พวยเมฆควัน ดำขยาย หลายท้องทุ่ง
ดั่งขยุ้ม มือมาร พานใจเสีย
ผัวระทม ทนทุกข์หนัก พลัดพรากเมีย
ลูกสูญเสีย พ่อไป ไร้แม่พิง
ศพทับถม จมดิน ดับสิ้นอนาถ
บ้างไร้หัว ตัวขาด ปากบิดผิน
บ้างทะลัก ไส้ไหล หมาในกิน
บ้างนอนลิ้น ปลิ้นปาก อาบเปลวไฟ
เหล่าแร้งกา เริงร่า กระสากลิ่น
เกลือกกลิ้งดิน กินศพ หมกซุกไซ้
เจ้าคอแดง แรงมาก ลากไส้ไกล
กาดำไล่ ใคร่แบ่ง แย่งแร้งกิน
ทั่วแผ่นดิน สิ้นสุข ทุกข์ครอบหมด
แสนรันทด อกใจ ให้ถวิล
อดีตวัน ผันผ่าน ช่างสุขจริง
ฤาจักทิ้ง ทอดไป ไม่คลายคืน

อนิจจัง วันเวียน หมุนเปลี่ยนผัน
ความระกำ ช้ำทุกข์ สุดจักฝืน
ในที่สุด ก็ผลุบหาย ไม่กรายคืน
ความสดชื่น ฟื้นมา ผาสุกใจ
ผลหมาก รากไม้ ที่ตายดับ
ก็ขยับ กลับเกิด บรรเจิดใส
ฝนจากหยุด พลันผุดตก กลบแล้งไป
มองทางไหน ให้ระรื่น ชื่นชีวัน
มวลหมู่ไม้ รายแยก แตกกิ่งช่อ
ซุ้มพุ่มกอ ละออเด่น เปล่งสีสัน
สยายปริ ผลิบาน ประสานกัน
งามเฉิดฉัน ประชันแข่ง แกว่งลมไกว
เหล่าภมร หนอนไหม ที่ตายสิ้น
ก็กลับบิน ผินว่อน ร่อนซุกไซ้
ดูดน้ำหวาน สำราญเปรม เอมอิ่มใจ
กรีดเสียงใส ระเริงไพร ไปทั่วกัน
ฝูงวิหค นกน้อย เคยคล้อยจาก
หนีลำบาก จำพรากถิ่น บินเหหัน
ต่างคืนหวน ชวนกลับ ทับรวงรัง
เพลินสุขสันต์ กันถ้วนหน้า หาหนอนกิน
ฝ่ายแร้งกา หน้าสลด เริ่มอดอยาก
ต้องเหงาปาก ยากแค้น แสนถวิล
เคยอิ่มหนำ พลันอด ไร้ศพกิน
คงแดดิ้น สิ้นใจ ในไววัน

ณ แว่นแคว้น แดนมคธ พสกศานต์
สิ้นสงคราม คามเขต ดุจเสกสรร
ธรรมเรืองโรจน์ โชติตระการ บานเบ่งครัน
ทุกข์โศกศัลย์ พลันดับ สงัดไป
องค์ธรรมา โศกราช ผู้อาจศึก
ทรงตรองตรึก สำนึกผิด คิดแก้ไข
ที่เคยพลั้ง ผิดฆ่า บ้างมงาย
ชนมากหลาย ต้องมลาย วายชีวัน
เคยก่อบาป หาบกรรม ประดังผิด
เคยครุ่นคิด แต่จักฆ่า ให้อาสัญ
ก็ระงับ ดับคลาย หายไปพลัน
จิตสุขล้ำ เพราะได้ธรรม ชี้นำใจ
จอมราชา ทรงศรัทธา อุตสาหะ
ให้สลัก หลักเจดีย์ ศรีไสว
เป็นบทธรรม นำสุข ปลุกปลอบใจ
จารึกไว้ ในศิลา ค่าควรเมือง
เพื่อผองชน คนหลัง ไม่พลั้งผิด
มีสติ ดำริธรรม นำฟูเฟื่อง
รวมแปดหมื่น สี่พันหลัก ปักรอบเมือง
เปรียบเสมือน เครื่องเตือนใจ ให้ระวัง

ครั้นสำเร็จ เสร็จดี มีประกาศ
ให้ทวยราษฎร์ ทุกภาคส่วน ร่วมสังสรรค์
ทั่วถิ่นแคว้น แดนอโศก สมโภชกัน
เช้ายันค่ำ วันแลคืน เริงรื่นใจ
กำหนดกาล งานพิธี มีต่อเนื่อง
เจ็ดปีเดือน เจ็ดวันครบ จึงจบได้
ร่วมเถลิง เริงสราญ ชื่นบานใจ
ให้ลือลั่น สนั่นไกล ไปทั่วแดน
ทรงบัญชา เสนา มหาอำมาตย์
มวลนักปราชญ์ ปราดเปรื่อง กระเดื่องแคว้น
เข้าปรึกษา หายาม ตามแสดง
ติดแถลง แจ้งประกาศ ให้ทราบกัน
แม้ยามนอน มหิธร ยังตรองกิจ
ปลาบปลื้มจิต ดำริงาน พลางสรวลสันต์
คิดไปมา พาตระหนก อกสั่นพลัน
ให้คร้ามครั่น หวั่นใจ เกรงภัยมาร

จึงเสด็จ อาราม ถามพระสงฆ์
เรื่องกังวล ลนใจ ให้เกรงขาม
จักเป็นดั่ง ดังนิมิต พิศเห็นมาร
ฤาฟุ้งซ่าน พล่านจิต คิดไปเอง
องค์สงฆ์ใหญ่ ใฝ่ธรรม ฟังดำรัส
พริ้มตาหลับ จับยาม บันดาลเห็น
พญามาร พาลกล้า น่ากลัวเกรง
ลอยมาเด่น เป็นลางร้าย กล้ำกรายงาน
จึงเอื้อนตอบ บอกเอ่ย เฉลยไข
ถึงมารภัย ใจกล้า น่าเกรงขาม
เข้ากวนแน่ วุ่นวายแท้ แต่เริ่มงาน
ยากพ้นผ่าน ต่างต้องเห็น เป็นแน่นอน
แล้วจึงเล่า เรื่องราว เท้าความหลัง
ครั้งเมื่อยัง องค์ท่านครู อยู่สั่งสอน
โปรดเวไนย ให้สลัด ตัดทุกข์รอน
ขนรื้อถอน ผองกิเลส ให้เฉดไกล
มีคราวหนึ่ง ซึ่งพระองค์ ทรงปรารภ
ถึงพยศ ซ่อนกบดาน มารวิสัย
ภายหน้าจัก กลับมา แก้ปราชัย
ที่แพ้ไว้ เพราะใจคิด ผิดจากธรรม
เนื่องจากเหตุ กิเลสหนุน คุกรุ่นจิต
เฝ้าตรองตริ ดำริพาล พล่านหุนหัน
ยิ่งนานเนา โกรธเข้าแทรก จนแตกธรรม
ล่วงถลำ หันออก นอกทางไป
แลครั้งนั้น ท่านว่ามี ศรีภิกษุ
นามอุปคุต บรรลุธรรม นำผลักไส
กำราบมาร พาลพ่าย ทั้งกายใจ
จนถึงได้ คลายผิด มุ่งชิดธรรม
องค์ภูมี ปรีดิ์เปรม เกษมสุข
ปลดเปลื้องทุกข์ หลุดหาย คลายโศกศัลย์
แต่สงสัย ในหลักแหล่ง แห่งอาจารย์
จึงตรัสถาม ถึงสงฆ์เลิศ ประเสริฐคุณ
ว่าครูบา ฤทธิ์กล้าพัก สำนักไหน
ทำอย่างไร ให้ท่านเชื่อ มาเกื้อหนุน
ขออาจารย์ ประทานตอบ บอกเอาบุญ
แม้นจักยุ่ง วุ่นหา จักฝ่าไป
องค์เถระ ศักดิ์สูง ประยูรสงฆ์
ก็อับจน พ้นสามารถ มิอาจไข
จึงบัญชา บรรดาศิษย์ ทั่วทิศไป
รีบรวมกลุ่ม ประชุมใหญ่ โดยไวพลัน

ลำดับนั้น ธรรมสภา มากหน้าสงฆ์
มีหลายองค์ ทรงถึง ซึ่งอรหันต์
ต่างเพ่งฌาณ ควานหา ให้พัลวัน
จนกระทั่ง พลันรู้ ท่านอยู่ใด
สังฆราช ครั้นทราบ ไม่ยากสั่ง
ให้สองท่าน ลือลั่นฤทธิ์ ลูกศิษย์ใหญ่
จัดจีวร จรพลัน ในทันใด
อย่าไถล เฉไฉออก นอกเส้นทาง
สองเถระ รับฟัง คำโอวาท
วันทากราบ ถอยจากไป ไม่ท้วงถาม
กลับห้องหับ จัดเสบียง เตรียมเดินทาง
บาตรบริขาร ย่ามขัน พลันยาตรา
กำหนดทิศ มุ่งคิดไป ไว้เป็นหลัก
ไม่เลี่ยงหัก ตัดตรง แม้นดงผา
อาคเนย์ ไม่เหออก นอกมรรคา
สองมหา ฝ่าเผชิญ ดำเนินไป

ผ่านตลาด แผงหาบร้าน ย่านการค้า
รายเสื้อผ้า  ปลาผัก  สัตว์น้อยใหญ่
หลากถ้วยโถ  โอชาม  วางคละไป
ผลไม้ ทะลายหมาก กลาดเกลื่อนดิน
เสียงพ่อค้า ร้องหา ลูกค้าเอะอะ
เสียงปี่กรับ ขับสำเนียง เพียงแลกสิน
เสียงเด็กร้อง คะนองโดด โลดโผนจริง
เสียงคนทิ้ง อายสิ้น วิ่งขอทาน
จนเลยล่วง ช่วงปลาย ท้ายถนน
เริ่มเห็นดง ไม้ใหญ่ แผ่ไพศาล
ให้ระรื่น ชื่นตา พาชื่นบาน
บ้านเริ่มห่าง กว้างไกล ไม่ใกล้กัน
พอเย็นย่ำ ค่ำพลบ จุดคบไต้
หยุดพักกาย ชายชัฎ พักธาตุขันธ์
เข้าสมาธิ ตริตรึก ฝึกฝนธรรม
เช้าผลุนผลัน ชวนกันปลุก บุกฝ่าไป


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

masapaer, Nok

ข้อความนี้ มี 2 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ตุลาคม 2024, 08:36:AM โดย kapheetam » บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s