(มิจฉาทิฐิ)
เกิดมาใหญ่ ไร้ทุกข์ สุขเหนือคาด
แต่ประมาท หาบเขลา เศร้านักหนา
ปล่อยให้โลภ โกรธหลง วงศ์กามา
เข้าฉุดคร่า พร่าผลาญ รุกรานใจ
มีความคิด วิปริต ผิดอาเพศ
เห็นวิเศษ เหตุกามา น่าหลงใหล
ล้ำเลิศรส จักคบธรรม ไปทำไม
สัตว์มากหลาย โง่เหลือใจ เฝ้าใฝ่ธรรม
ไยด่วนละ พระนิพพาน ไม่พานหาย
สัตว์ทุกราย ถึงสุดท้าย ไม่กลายผัน
ต้องได้เข้า แดนเหงาสงบ หมดโทษทัณฑ์
รีบเร็วล้ำ ไปทำไม เศร้าใจจริง
สุขผัสสะ ประจักษ์มี ที่ในหล้า
ไม่นำพา นี่สิบ้า น่าติฉิน
รูปเคล้าเสียง จำเรียงเพราะ เสนาะจริง
ไยถวิล สิ้นคิด ติดในธรรม
ใครว่าทุกข์ มีแต่สุข ทุกกิเลส
หากได้เสพ สุขสม อารมณ์ฝัน
ตาหูลิ้น สิ้นทั่วกาย ใจได้ดัง
เหมือนดั่งหวัง ไม่พ้นฝั่ง ช่างประไร
จึงคนไหน มีใจ ใคร่หลุดออก
เครื่องพูนพอก สำรอกมาร หาญผลักไส
มารจะเข้า เฝ้าขวาง ผลาญเรื่อยไป
ชักจูงให้ เฉไฉออก นอกกรอบธรรม
ครั้งเมื่อพระ สิทธัตถะ ผละเวียงเกศ
ปลีกวิเวก ยังเขตไกล ในไพรสัณฑ์
หวังถากถาง ทางพ้นทุกข์ หยุดวงกรรม
ทรงบากบั่น กระทำถึง ซึ่งความเพียร
ด่านสุดท้าย ร้ายล้น ยากพ้นผ่าน
ด้วยเหล่ามาร ตามผจญ ยกพลเกลี้ยง
เข้าขัดขวาง ทางปฏิบัติ ขัดความเพียร
ต่างแผดเสียง สำเนียงก้อง จ้องฆ่าฟัน
พญามาร พาลใหญ่ ใจกำเริบ
จิตบังเกิด โกรธา บ้าโมหันธ์
เห็นจอมไตร ใจกล้า น่าชิงชัง
มุ่งห้ำหั่น ราวี ย่ำบีฑา
ก่อนวิสา ขเพ็ญ เห็นปรากฏ
มารปรารภ กลบไพร ใจร้อนร่า
ถ้าทรงธรรม ยังทำนั่ง ไม่นำพา
จักเข่นฆ่า พร่าให้ดิ้น สิ้นชีวี
หมู่ทหาร เสนามาร พาลน้อยใหญ่
สุขสมใจ ใคร่พุ่งไกล ไปขยี้
ส่งเสียงร้อง ก้องสนั่น ลั่นปฐพี
พร้อมเคลื่อนที่ จรลี เข้าบีฑา
เหล่าทวยเทพ เทวา ที่อารักษ์
ครั้นสดับ สรรพสำเนียง เสียงโห่ฆ่า
กัมปนาท ตวาดร้อง ก้องพนา
ต่างหนีหน้า ลาเร้น เช่นพวกกลัว
ท้าวสุยาม เทวราช องอาจยิ่ง
เทพทั่วถิ่น ต่างนบสิ้น มิ่งเหนือหัว
ทั่วยามา หามีใคร ไม่เกรงกลัว
เพียงแค่ชั่ว พริบตาลับ หายวับไป
สันดุสิต โพธิราช ผู้ปราชญ์ล้ำ
ชื่อลือลั่น ด้วยภูมิธรรม นั้นมากหลาย
ถือเป็นบุตร พุทธวงศ์ องค์จอมไตร
พลันทิ้งได้ โอ้ไฉน ไม่ไยดี
ปัญจสิข จิตพรั่น ไม่หวั่นเยาะ
กลัวโดนเคราะห์ เหาะเมฆา ลี้หน้าหนี
ทิ้งองค์อินทร์ มิ่งขวัญ พรั่นฤดี
ธ จึงรี่ หลีกเร้น เช่นคนธรรพ์
ฝ่ายกาฬ นาคราช พังพาบติด
เลื้อยแนบชิด สนิทหล้า มุดหน้าหัน
แทรกปฐพี ดิ่งเร็วรี่ ลี้ลงพลัน
บรรทมแนบ แอบในถ้ำ ครั่นคร้ามใจ
ท้าวสหัม บดีพรหม ผู้ทรงฤทธิ์
ไม่อยากคิด ผิดใจมาร พานผลักไส
อ้างว่าฤทธิ์ ติดตัวน้อย ด้อยเกินไป
สู้ไม่ได้ ต้องจำใจ ไกลกลับวัง
เพลานั้น ท่านมุนี ศรีจอมปราชญ์
ไร้มิตรญาติ ขาดเพื่อนชิด ไม่คิดฝัน
พระเหลือแต่ ตัวเองแท้ แม้ลำพัง
แต่ยังมั่น ประทังสู้ อยู่ผู้เดียว
จึงน้อมทาน นานบำเพ็ญ เป็นเบื้องบาท
สองกรอาบ เอิบศีล สิ้นเฉลียว
ภาวนา แรงกล้าประจักษ์ เสาหลักเดียว
ที่ยึดเกี่ยว เหนี่ยวจิต ไม่คิดเกรง
ทรงปัญญา ดุจศัสตรา เป็นอาวุธ
เมตตาหยุด ทุกข์ภัย ไม่ข่มเหง
บารมี สามสิบทัศ ยักษ์เทพเกรง
รวมลงเด่น เห็นสว่าง ท่ามกลางใจ
บัดนั้น พญามาร พลุ่งพล่านจิต
เพ่งพินิจ พิศมุนี อินทรีย์ใส
ธ ยิ่งเพ่ง ยิ่งคิด หงุดหงิดใจ
เหตุไฉน หนอทำไม ไยไม่กลัว
จึงพิโรธ โกรธแสน แค้นประดัง
เนตรแดงก่ำ สั่งคำราม ข้ามเหนือหัว
ถึงเหล่ามาร พาลทั้งหลาย รายรอบตัว
ย่ำให้ทั่ว อย่ามัวช้า ฆ่าเมธี
เหล่าทหาร ขุนพลมาร สันดานหยาบ
แสนเอิบอาบ ปากตะโกน กระโจนรี่
ยินคำสั่ง พลันเคลื่อนทัพ รับทันที
หวังขยี้ พระภูมี ศรีศากยา
บางตนแผลง ปลอมแปลง สำแดงเดช
เปลี่ยนเป็นเพศ เดรัจฉาน คืบคลานหา
บ้างเป็นเสือ บ้างเป็นสิงห์ วิ่งตามมา
บ้างเป็นช้าง บ้างเป็นม้า เข้าราวี
อสุภ จตุบาท สัญชาติสัตว์
สารพัด สลับกาย ร่างคล้ายผี
ครึ่งล่างสัตว์ ครึ่งบนร้าย พรายตานี
สัตว์ครึ่งผี มีมากล้น ปะปนมาร
ทวิบาท ชาติแร้งกา ดูบ้าบิ่น
รุมฉีกกิน ล้วนแล้วสิ่ง กลิ่นเหม็นสาง
สารรูป ภูตร้าย ใจชั่วทราม
กรีดเสียงขาน ผสานร้อง ก้องพฤกษ์ไพร
มวลหมู่มาร มากมาย หลากหลายสัตว์
เปรตผียักษ์ กลาดเกลื่อน เคลื่อนพลไหล
มุ่งสู่ยัง บัลลังก์โพธิ์ เฮโลไป
อึกทึก กึกไกล ทั่วไพรวัน
เพลานั้น องค์เลิศลักษณ์ ทรงพักจิต
ไร้เรื่องคิด ไม่ติดใด ใจสุขสันต์
เห็นหมู่มาร พาลฉกาจ หลากร้อยพัน
ล้อมหน้าหลัง เรียงราย ใต้ร่มโพธิ์
พระทรงมอง ตรองคิด พิศพาลต่ำ
ทรงน้อมธรรม แผ่บัง บั่นโทโส
ค่อยลิดรอน ทอนจิตร้าย ฝ่ายพาโล
ดับโมโห โกรธาหาย มลายพลัน
เมื่อนั้น วสวัตตี ให้มีจิต
อาฆาตคิด ประชิดรี่ ไม่รีหัน
รีบไสช้าง คิริเมขล์ เข้าประจัน
หวังห้ำหั่น ฟาดฟัน ให้บรรลัย
อวดกำแหง สำแดงฤทธิ์ มหิทธิเดช
ยังอาเพศ เสกลมฝน อึงอลไหว
เสียงสนั่น ลั่นฟ้า มาแต่ไกล
เมฆดำใหญ่ ไหลคลุมครอบ รายรอบพลัน
ท้องนภา พร่ามิด ดังปิดโลก
ลมกรรโชก โบกกระหน่ำ ครั่นคร้ามขวัญ
สายวิชชุ ปะทุแตก แทรกเมฆดำ
ฟ้าเลื่อนลั่น ประดังผ่า น่าเสียวใจ
ไม้หลากพันธุ์ รอบบัลลังก์ ลั่นเกลื่อนกลาด
หักล้มฟาด ปฐพี เอียงรี่ไหว
พายุพา ถลาลิ่ว ปลิวฟ้าไป
พุ่งชนใส่ ไหล่เขาเกิด ระเบิดพลัน
มวลเศษหิน บิ่นกระดอน จากง่อนผา
กระเด็นมา มืดนภา น่าเสียขวัญ
พุ่งเข้าสู่ พระภูมี รี่เร็วพลัน
พิลึกลั่น พลันย่อยป่น หล่นใกล้องค์
ห่าฝนใหญ่ แปลกเหลือใจ ใคร่คร้ามเข็ด
เคยเห็นเล็ก เม็ดกลับใหญ่ ไม่คล้ายฝน
หยดเท่าโอ่ง หล่นนองไหล ให้ชอบกล
ทับยอดสน ดงไม้ รายราบพลัน
ก่อเป็นสาย น้ำใหญ่ ไหลใกล้อาสน์
หวังพิฆาต พรากมุนี ศรีสวรรค์
ประหลาดแปลก แผ่นดินแยก แตกออกพลัน
น้ำเชี่ยวผัน ประดังหาย ใต้ปฐพี
บัดนั้น พญามาร เดือดดาลจิต
บันดาลฤทธิ์ คิดกล้ำกราย ไม่คลายหนี
เป็นเปลวไฟ ไหม้จากฟ้า เข้าราวี
เป็นอิฐหิน พุ่งรี่ เข้าบีฑา
ห่าอาวุธ ผุดนภา ซัดฆ่าเข่น
ค้อนดั้งเขน พร่างพรู ธนูถลา
พระขรรค์แข่ง หอกแทง พุ่งแรงมา
มีดขวานพร้า ประดาใส่ หวังให้ตาย
เพลานั้น อัศจรรย์ พลันบังเกิด
ทานบุญเลิศ ประเสริฐฌาณ เข้าลาญหาย
ห่าอาวุธ ที่รุกมา พากลับกลาย
เป็นดอกไม้ รายร่วงรอบ ขอบบัลลังก์
หมู่พหล พลมาร ที่ตามติด
เห็นซึ่งฤทธิ์ ประสิทธิ์มี ภูมีสวรรค์
ต่างตะลึง พึงเพริด เกิดงงงัน
จึงหยุดยั้ง ลงพลัน ในทันใด
จอมสวรรค์ ชั้นมาร ให้คร้ามจิต
จึงตรองตริ พลิกแนวทาง พลางปราศรัย
เลิกกำแหง สำแดงเดช เฉกเฉไกล
แสร้งเสไส ไถลเวียน เปลี่ยนวิธี
แล้วจึงเอ่ย ภิเปรยไข แต่ใจหวาด
โพธิอาสน์ ผุดผาดเด่น เห็นอยู่นี้
ช่างงามสวย ด้วยบุญญา บารมี
ของเราที่ พลีทาน บันดาลมา
เหตุไฉน ท่านเป็นใคร ไยไม่แจ้ง
เข้ายื้อแย่ง แกล้งพัก นานหนักหนา
ซ้ำทำนิ่ง ดั่งสิ้นทุกข์ สุขอุรา
หาอายหน้า ทั่วพารา พาเศร้าใจ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
21 พฤศจิกายน 2024, 08:48:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย (อ่าน 2457 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: