วสวัตตีมาราธิราช
(สมาบท)
จบเศียรราบ กราบครู บูชาไหว้
ปวงเทพไท้ ใกล้ไกล ที่ในหล้า
ข้าขอร่าย บรรยายพจน์ รจนา
ถึงองค์มาร พาลกล้า ท้าฟ้าดิน
หากความร้อย ถ้อยเรียง สำเนียงพล่อย
วอนเทพพลอย คล้อยกรรม คำติฉิน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มิตรหลายหลาก หากได้ยิน
ขอนบสิ้น นอบน้อม พร้อมกายใจ
(ชมพิมาน)
ณ เมืองแมน แดนสวรรค์ อันบรรเจิด
ช่างงามเลิศ เพริศพราย ประกายแสง
เปล่งปลั่งเรือง เหลืองบริสุทธิ์ ทองสุกแดง
พลอยหลากแสง แกมประดับ สลับกัน
ปรางค์ปราสาท ดารดาษ เกลื่อนกลาดเพชร
เลื่อมลายเกล็ด กนกแพรว แววสีสัน
ไพฑูรย์นิล ไพลินมุก บุษราคัม
งามเฉิดฉัน ประชันจ้า พร่าประกาย
เชิงช่อฟ้า ใบระกา ประพาฬส่อง
แดงสะท้อน เรืองรองไกล ให้เฉิดฉาย
แทรกเขียวเห็น โกเมนวาม งามจับใจ
มองแล้วให้ ฝังจิต ติดอุรา
มุขหน้าบัน พรรณราย ลายรดน้ำ
ทับทิมวาม งามเด่น เป็นนักหนา
ฝังมรกต ประกบข้าง พร่างนัยน์ตา
เกินจักหา ใดเทียบ เปรียบรำพัน
หลังคาแก้ว แววนวล ชวนให้พิศ
ครอบมุงปิด ด้วยมุกดา ยิ่งพาฝัน
ปักธงทิว พลิ้วไหว ลวดลายประชัน
หลากสีสัน คันล้วนทอง ล้อมเพทาย
กระดึงน้อย ร้อยพัน รังสรรค์ติด
เรืองสัมฤทธิ์ พิศตระการ อร่ามฉาย
ห้อยระย้า ท้าลมต้าน ดูพร่างพราย
กริ๊งกร๊างใส ฟังเคลิ้มไกล ไปกับลม
แสงสีเสียง พร้อมเพรียง จำเรียงเหมาะ
ฟังไพเราะ เสนาะใจ ให้สุขสม
ดูวิจิตร ติดตรึงตรา คราได้ยล
ช่างงามล้น ชมชื่น เริงรื่นใจ
ปรนิม มิต วสวัตตี (ปะ-ระ-นิม-มิ-ตะ-วะ-สะ-วะ-ตี)
แดนชั้นที่ มีดารา เจิดจ้าไสว
สูงเกินล่วง สรวงสวรรค์ ชั้นใดใด
ผู้บุญใหญ่ ถึงเกิดได้ ไม่ง่ายยล
มีจอมฟ้า ราชา ฤทธิ์กล้านัก
นามประจักษ์ วสวัตตี ศรีเวหน
ก้องกระเดื่อง เลื่องภพ นภดล
เทพเกลื่อนกล่น ต่างน้อมก้ม องค์ราชันย์
(ปางปฐม)
ครั้งศาสดา พระนามว่า กัสสปะ
วงศ์พุทธ วัฏเปลี่ยน เวียนสุขสันต์
โลกวิบัติ กลับมลาย หายไปพลัน
ทั่วเขตขัณฑ์ ธรรมบานเบ่ง เปล่งประกาย
ศาสนา แผ่ไกล ไปทั่วหล้า
ผิราชา หรือไพร่ข้า ล้วนหน้าใส
จิตสงบ ดั่งหมดทุกข์ สุขฤทัย
ชนมากหลาย ต่างน้อมใจ ใฝ่ในธรรม
ฟากอัมพร นครหาว พร่างพราวสุข
ยักษ์นาคครุฑ สุดบาดาล ต่างสรวลสันต์
เหล่าอสูร ประยูรมาร บานหน้ากัน
พรหมสวรรค์ สันติสุข ไม่ทุกข์ใด
ณ แผ่นดิน กิงกิสสะ มหาราช
มีอำมาตย์ มากบารมี ศรีสมัย
จอมกษัตริย์ จักตรัสถาม ซึ่งการใด
โพธิให้ ตอบไว ไขได้พลัน
องค์ราชา คลั่งศรัทธา บ้าบุญหนัก
มุ่งหวังจัก ถากถาง ทางสวรรค์
โลภกุศล จนหลงผิด ติดบ่วงกรรม
เกินยับยั้ง จึงพลั้งร่วง ห้วงอบาย
มีคราหนึ่ง ความทราบถึง ซึ่งกษัตริย์
องค์กัสสปะ จักพักจิต คิดหลับใหล
เข้าสมาบัติ ดับทุกข์ สุขเหนือใคร
ใต้ไทรใหญ่ ห่างออกไป ไกลเวียงวัง
ตามกำหนด จบเพลา เจ็ดราตรี
จอมมุนี จึงผละที่ มีสุขสันต์
ออกโปรดเว ไนยสัตว์ สละกรรม
สร้างกุศล ผลบุญนำ ธรรมร่มเย็น
เพลานั้น ท่านว่าบุญ อดุลย์เลิศ
แสนประเสริฐ เกิดผลครัน ทันได้เห็น
อย่างเร็วได้ ในเจ็ดวัน พลันเกิดเป็น
อย่างช้าเห็น เช่นกัน ทันก่อนตาย
องค์วิภู รู้คุณ บุญยิ่งใหญ่
จึงสั่งไป ใกล้จดไกล ห้ามใครหมาย
หวังปาฏิหาริย์ ทานสัมฤทธิ์ คิดอุบาย
เฉียดกรายใกล้ พระจอมไตร ในเจ็ดวัน
ผู้ใดฝืน ขืนไป ลอบใส่บาตร
ต้องถูกพราก ชีวา ให้อาสัญ
โทษประหาร ผลาญตาย วายชีวัน
ทั่วชนชั้น ต่างพรั่น ทัณฑ์อาญา
โพธิทราบ คาดความ ตามดำรัส
แต่ยากหัก ตัดใจ อาลัยหา
ผลบุญใหญ่ ให้หวั่นไหว ในวิญญา
แม้นถูกฆ่า ยังค่าคุ้ม ถ้าบุญนำ
จึงจัดแจง แต่งทาน อาหารห่อ
ไม่รีรอ พอนาน พานสิ้นหวัง
กุศลใหญ่ ใกล้อยู่หน้า ถ้าฝ่าฟัน
ปลงใจมั่น จึงเร่งพลัน จรลี
ถึงมณฑล ร่มไทร แผ่ใหญ่กว้าง
รอบทิศทาง วางยามเวร เกณฑ์เต็มที่
เฝ้าเตรียมพร้อม ล้อมวง องค์มุนี
โพธิรี่ ปรี่ใกล้ ไม่หวาดทัณฑ์
เหล่าทหาร ถามความ ตามหน้าที่
นายท่านมี เรื่องใด ไยหุนหัน
อำมาตย์คิด ผิดถูกไป ใจสู้กัน
เท็จจริงนั้น ช่างยากไข ให้ยุ่งจริง
หากจักตอบ บอกเท็จ เสร็จไม่ยาก
ฝ่าพระบาท กราบบังคม องค์ทรงศีล
อาราธนา พาองค์เจ้า เข้าเวียงพิง
เพื่อป็นมิ่ง ขวัญแดน แคว้นไผท
แต่ใจหนึ่ง ตรึกถึง ซึ่งบุญบาป
มุสาวาท บาปนำ ธรรมไม่ใส
ทานผลน้อย บุญพลอยด้อย ย่อยยับไป
เราจะไม่ ให้บาปผลาญ ทานบุญเรา
จึงร้องบอก ตอบไป ด้วยใจเด็ด
ไม่เอ่ยเท็จ สำเร็จกรรม ทำบาปเขลา
เรามาไกล ใจหมายมาด ตักบาตรเรา
แด่องค์เจ้า ก้าวผ่านภพ จบแดนดิน
พลอารักษ์ รับฟัง ถ้อยคำบอก
ให้มิชอบ จึงลอบลา หายหน้าสิ้น
เข้าหมอบเกรียน เรียนนายใหญ่ ให้ได้ยิน
ทราบทุกสิ่ง สิ้นทุกคำ ดั่งฟังมา
ท่านขุนทัพ สดับความ เดือดดาลลั่น
ตะคอกพลัน สั่งไป ไม่ไว้หน้า
รีบจับกุม ควบคุมส่ง องค์ราชา
พิพากษา อาญาราช พรากชีวัน
บัดนั้น กิงกิสสะ มหาราช
ให้เกรี้ยวกราด โกรธา พาหุนหัน
ก้องตวาด ประกาศโทษ คนโปรดพลัน
น้อยหรือนั่น ท่านทำเรา เศร้าเสียใจ
เหตุไฉน หนอทำไม ไปทำผิด
มิรู้คิด ดำริพลาด มากเพียงไหน
เพชฌฆาต รีบกระชาก ลากตัวไป
บั่นคอไซร้ ต่อไพร่ชน ยลทั่วกัน
เพลานั้น องค์พุทธ นฤนาท
ทรงออกจาก สมาธิ ปีติหรรษ
จึงทราบผ่าน ญาณวิถี มีโดยพลัน
โพธิมั่น ดังสัจจา กล้ายอมตาย
จึงบันดาล ด้วยฌานฤทธิ์ สถิตอยู่
ใต้ไทรดู ดุจคู่เหมือน ไม่เลือนหาย
ส่วนองค์ท่าน นั้นสลับ ผละจากไป
ยังลานใหญ่ แดนประหาร ผลาญชีวัน
เสด็จพัก ประทับนั่ง บัลลังก์อาสน์
งามพิลาส มากมี รังสีเฉิดฉัน
หน้าอำมาตย์ ผุดผาดเด่น เห็นลำพัง
เพื่อเพิ่มขวัญ โน้มนำจิต ปิดอบาย
โพธิอาบ เอิบฤทัย ให้ดำริ
ปลื้มปีติ สิระกราน พลางคิดหมาย
หวังพุทธภูมิ ประยูรวงศ์ องค์จอมไตร
ทรงตอบได้ สมดังใจ ใฝ่จำนง
(สมปรารถนา)
เพลานั้น คมดาบฟัน บั่นคอขาด
จิตพุ่งวาบ กระชากไกล ใจสุขสม
ผ่านทะลวง สรวงสวรรค์ ชั้นเบื้องบน
เทพเกลื่อนกล่น ต่างอึงอล จนทั่วกัน
ขึ้นบัลลังก์ นั่งฟ้า อาภาเขต
ทรงเศวต ฉัตรแดน แคว้นสวรรค์
สูงเหนือเทพ เทวา มีมากัน
ลือนามลั่น เจ้าสวรรค์ ชั้นปรนิม
ทั้งชนก ครบครัน กรรมน้อยใหญ่
อุปถัมภ์ ค้ำไกล ไม่หมดสิ้น
บุญก่อเกิด เบิกบาน งามเหนือจินต์
ระบือยิ่ง สิ้นแดนสรวง ห้วงกามา
ครองไอศูรย์ สมบูรณ์ยศ ดิลกราช
แสนองอาจ ปราศทุกข์ สุขใดหา
ห้อมล้อมด้วย ทวยเทพ เทวดา
มากล้นหนัก ศักดา บารมี
เกริกเกียรตินาม แผ่กังวาน ท้าวมารใหญ่
ก้องสนั่น ลั่นไกล ไปทุกที่
เทพสวรรค์ ชั้นฟ้า ประดามี
สยบที่ วสวัตตี ปรีดิ์ฤทธา
ทิพสมบัติ อัครฐาน วิมานแก้ว
เพริศพราวแพรว แววตระการ งามนักหนา
เกินหาเทียบ เปรียบคำ พร่ำพรรณนา
หกชั้นฟ้า ที่มีมา หมองค่าไป
กามคุณ ละมุนละเมียด ละเอียดนัก
น่าสัมผัส จับต้อง ลิ้มลองไฉน
ล้วนประณีต วิจิตรงาม ซาบซ่านใจ
เกินหาไหน ใดเคียง เทียมเทียบทัน
ปรารถนา จักหาใด ให้นึกคิด
เทพมากฤทธิ์ เนรมิต ดั่งคิดฝัน
อยากสิ่งไหน ได้สิ่งนั้น ท่านให้พลัน
สมดังหวัง ดั่งอุรา พาย่ามใจ
ทั้งรูปเรียง เสียงรส ครบผัสสะ
ก่อมานะ กักขฬะพาล มารวิสัย
ห้อมล้อมสุข ทุกค่ำเช้า ยั่วเย้าใจ
ลืมหมดไซร้ ใคร่เคยหวัง ตั้งเจตนา
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
23 พฤศจิกายน 2024, 04:43:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: วสวัตตีมาราธิราช ประพันธ์โดย สืบ ธรรมไทย (อ่าน 2473 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: