วัคซีนก้นขวด
เมื่อเช้าได้ดูข่าว. เห็นว่าหมอสาวคนหนึ่ง แอบเอาวัคซีนก้นขวดที่เหลือจากฉีดให้บุคคลการ
ด่านหน้าไปฉีดให้พี่สาวกับแม่ของตัวเอง. ดูคุณหมอพูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไป. ก็รู้สึกสลด
หดหู่ใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับคนว่า นี่ประเทศไทยเราถึงจุดตกต่ำขนาดนี้แล้วเหรอ. จนแม้
แต่บุคคลในครอบครัวคุณหมอ ต้องแอบเอาวัคซีนที่เหล่มาฉีด.....
เมื่อเลื่อนมาอ่านคอมเม้นต์ ก็เห็นมีหลายบุคคลมาแสดงความเห็นในลักษณะตำหนิติเตียน
ว่าคุณหมอเห็นแก่ตัวอย่างนั้นอย่างนี้ มีเพียงส่วนน้อยที่เห็นใจเข้าใจคุณหมอ
ถ้าว่ากันตามหลัก. การที่เราจะให้ใครสักมาเป็นด่านหน้า เสี่ยงตายื่อเรา
เราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของเขาและบุคคลที่เขารัก เขาจึงจะทำงานให้เรา
ได้อย่สงเต็มที่ ไร้กังวล ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง. ข้อนี้จึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
การทึ่คิดแต่จะให้คนอื่นมาเสี่ยงตายเพื่อตัวเองโดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเขา
และครอบครัวของเขาเลย อันนั้นคือความคิดของคนที่เห็นแก่ตัว
ความผิด คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยทำผิดทั้งนั้น. คนที่ม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย
มันอยู่ว่า ความผิดนั้นเป็นสิ่งที่พอจะอภัยได้หรือเปล่าเท่านั้น
เรื่องของวัคซีน. จริงๆแล้ววัคซีนก็คือเชื้อโรคนั่นเอง การฉีดวัคซีนก็คือการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ก็ไม่รู้จะแย่งกันไปทำ. ผมเองผมก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเหมือน และไม่ค่อยอยากจะฉีดซักเท่าไหร่
ว่าจริงๆแล้ววัคซีนนั้นหาไม่ยาก. และไม่จำเป็นจะต้องมาดราม่าแย่งกันเลยนะ
แ่เราเจอใครที่ป่วยเป็นโควิดในระยะแพร่เชื้อ เราก็แค่ขอให้เขาช่วยขากถุยน้ำฃาย
ออกมาเท่านั้่นเอง. แล้วจะเอาน้ำลายที่ติดเชื้อนั้นไปกินหรือไปฉีดก็ได้ เพราะนั่นคือวัคซีน
ที่จะไปช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
การกินน่าจะอันตรายหน่อย เพราะเชื้อจะเดินทางเข้าถึงปอดได้
การฉีดเข้าที่ต้นแขนหรือกล้ามเนืัอน่าจะปลอดภัยกว่า. หลังฉีดแล้วหนึ่งวัน
ก็กินฟ้าทะลายโจรเข้าไปควบคุมเชืัอไม่ให้แตกตัว รอให้ภูมิคุ้มกันมาฆ่าเชื้อให้หมดไป
เรื่องนี้อันตรายมาก. บางทีอาจจะเอาน้ำลายของผู้ติดเชื้อมาอุ่นให้เชื้อมันตายเสียก่อน
แล้วจึงค่อยฉีด ก็คือวัคซีนเชื้อตายนั่นเอง
ใครอ่านแล้วอย่าทำตายนะ เพราะอันตรายถึงตาย
ตามปกติ คนที่ติดเชืีอโดยธรรมชาติ เปอร์เซ็นรอดคือ 80% ตาย 20%
แต่คนที่จงใจฉึดน้ำลายที่ติดเชื้อเข้าแขนตัวเองแล้วกินยาฟ้าทะโจรเข้าไป
ควบคุมเชื้อ อัตราการรอดชีวิตน่าจะมากกว่านั้่นนะ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ คนไทยสู้ๆ. คุณหมอสู้ๆ(สารจากพระยามัจจุราช)
เมื่อเช้าได้ดูข่าว. เห็นว่าหมอสาวคนหนึ่ง แอบเอาวัคซีนก้นขวดที่เหลือจากฉีดให้บุคคลการ
ด่านหน้าไปฉีดให้พี่สาวกับแม่ของตัวเอง. ดูคุณหมอพูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไป. ก็รู้สึกสลด
หดหู่ใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับคนว่า นี่ประเทศไทยเราถึงจุดตกต่ำขนาดนี้แล้วเหรอ. จนแม้
แต่บุคคลในครอบครัวคุณหมอ ต้องแอบเอาวัคซีนที่เหล่มาฉีด.....
เมื่อเลื่อนมาอ่านคอมเม้นต์ ก็เห็นมีหลายบุคคลมาแสดงความเห็นในลักษณะตำหนิติเตียน
ว่าคุณหมอเห็นแก่ตัวอย่างนั้นอย่างนี้ มีเพียงส่วนน้อยที่เห็นใจเข้าใจคุณหมอ
ถ้าว่ากันตามหลัก. การที่เราจะให้ใครสักมาเป็นด่านหน้า เสี่ยงตายื่อเรา
เราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของเขาและบุคคลที่เขารัก เขาจึงจะทำงานให้เรา
ได้อย่สงเต็มที่ ไร้กังวล ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง. ข้อนี้จึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
การทึ่คิดแต่จะให้คนอื่นมาเสี่ยงตายเพื่อตัวเองโดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเขา
และครอบครัวของเขาเลย อันนั้นคือความคิดของคนที่เห็นแก่ตัว
ความผิด คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยทำผิดทั้งนั้น. คนที่ม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย
มันอยู่ว่า ความผิดนั้นเป็นสิ่งที่พอจะอภัยได้หรือเปล่าเท่านั้น
เรื่องของวัคซีน. จริงๆแล้ววัคซีนก็คือเชื้อโรคนั่นเอง การฉีดวัคซีนก็คือการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ก็ไม่รู้จะแย่งกันไปทำ. ผมเองผมก็ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเหมือน และไม่ค่อยอยากจะฉีดซักเท่าไหร่
ว่าจริงๆแล้ววัคซีนนั้นหาไม่ยาก. และไม่จำเป็นจะต้องมาดราม่าแย่งกันเลยนะ
แ่เราเจอใครที่ป่วยเป็นโควิดในระยะแพร่เชื้อ เราก็แค่ขอให้เขาช่วยขากถุยน้ำฃาย
ออกมาเท่านั้่นเอง. แล้วจะเอาน้ำลายที่ติดเชื้อนั้นไปกินหรือไปฉีดก็ได้ เพราะนั่นคือวัคซีน
ที่จะไปช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน
การกินน่าจะอันตรายหน่อย เพราะเชื้อจะเดินทางเข้าถึงปอดได้
การฉีดเข้าที่ต้นแขนหรือกล้ามเนืัอน่าจะปลอดภัยกว่า. หลังฉีดแล้วหนึ่งวัน
ก็กินฟ้าทะลายโจรเข้าไปควบคุมเชืัอไม่ให้แตกตัว รอให้ภูมิคุ้มกันมาฆ่าเชื้อให้หมดไป
เรื่องนี้อันตรายมาก. บางทีอาจจะเอาน้ำลายของผู้ติดเชื้อมาอุ่นให้เชื้อมันตายเสียก่อน
แล้วจึงค่อยฉีด ก็คือวัคซีนเชื้อตายนั่นเอง
ใครอ่านแล้วอย่าทำตายนะ เพราะอันตรายถึงตาย
ตามปกติ คนที่ติดเชืีอโดยธรรมชาติ เปอร์เซ็นรอดคือ 80% ตาย 20%
แต่คนที่จงใจฉึดน้ำลายที่ติดเชื้อเข้าแขนตัวเองแล้วกินยาฟ้าทะโจรเข้าไป
ควบคุมเชื้อ อัตราการรอดชีวิตน่าจะมากกว่านั้่นนะ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ คนไทยสู้ๆ. คุณหมอสู้ๆ(สารจากพระยามัจจุราช)