ที่เธอถาม
หนึ่ง.
และทะเลยังคงคลี่คลื่นเคลื่อน
โยนเม็ดน้ำด่างเปื้อนให้แดดเผา
ลมบ่ายระบายบ่ายมาบางเบา
และแดดบ่ายแต่งเงาให้หาดงาม
ฟ้าสูงยาวใส-สีฟ้าสวย
คลี่ห่มผืนผวยสีหวานหวาม
แกว่งแววตาที่ทอดตาม
ไปตั้งคำถามให้ตอบคำ
ม่วง-ดอกผักบุ้งทะเลนั้น
คลี่กลีบยืนยันรอยแดดย่ำ
คลี่กลีบบานใบเบิกระบำ
รับการกระทำโดยแดดทาม
สุดสายตาเพ่งไปเบื้องหน้า
คือเส้นขอบฟ้าที่เธอถาม
บัดนี้ถักแถบเป็นริ้วงาม
คลุมความลับไว้เช่นวันวาน
นิ่งนิ่ง, นั่งนิ่ง-เพ่งภาพนั้น
ความคิดตืบตันไปทุกด้าน
นานนัก-เพ่งนิ่งอยู่เนิ่นนาน
เวิ้งน้ำทุกด้านก็เปล่าดาย
ไม่มีคำตอบที่เธอถาม
ไม่มีนิยามให้ยึดได้
เห็นเพียงขอบฟ้านั้นแรฟาย
แต่งเพิ่มเติมสายสีป่านทองฯ
สอง.
เธอถามฉันว่า-ขอบฟ้านั้น
มีผู้ใดกันเป็นเจ้าของ
มีผู้ใดหรือได้ถือครอง
มีใครจับจองเป็นเจ้าแดนฯ
สาม.
ง่ายง่ายซื่อใส-ในคำถาม
หากลึก-ด้วยความที่หน้กแน่น
เนื้อแห่งคำถามคล้ายถามแทน
สังคมแบบแผนปัจจุบัน
น้ำเสียงเปลี่ยวเศร้าและสงสัย
แปลกหน้ากระไรได้ปานนั้น
เหมือนมีชีวิตอยู่วันวัน
ในบ่วงแร้วอันไร้ตัวตน
กับความสดใสแห่งวัยสาว
ใครแต้มตาวาวให้ดูหม่น
ใครเปลี่ยนแววหวัง-เป็นกังวล
ใครแต้มทุกข์ทนให้แก่เธอฯ
สี่.
ใครบ้าง-รู้กฎการเคลื่อนคลื่น
ที่ริกริกตื่นอยู่เสมอ
ใครหรือที่คล้ายจะได้เจอ
คำตอบเสนอคำถามนั้น
หรือเส้นขอบฟ้ามีเจ้าของ
มีผู้ถือครองดังเธอหวั่น
หรือเธอเพียงถามเพราะรู้ท้น
แร้วบ่วงปัจจุบันของสังคม ๚ะ๛
พนม นันทพฤกษ์ (นายสถาพร ศรีสัจจัง)
เมื่อคราวไปดูเส้นขอบฟ้า ๒๕๒๘