*พระราชนิพนธ์มัทนะพาธา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า*
กลายเถอะร่างสุมะทะนา…..ดุจะมาลี,
เปนสุกุพชะกะฉนี้…..เถอะนิรันดร!’
*มะเมี๊ยะ - จรัล มโนเพ็ชร*
มะเมี๊ยะตรอมใจ๋ อาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา
สยายผมลงเจ๊ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วจ๊าดนี้
เจ้าชายก็ตรอมใจ๋ตาย มะเมี๊ยะเลยไปบวชชี
ความฮักมั๊กเป๋นจะนี้แลเฮ้อ
………
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า*
กลายเถอะร่างสุมะทะนา…..ดุจะมาลี,
เปนสุกุพชะกะฉนี้…..เถอะนิรันดร!’
*มะเมี๊ยะ - จรัล มโนเพ็ชร*
มะเมี๊ยะตรอมใจ๋ อาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา
สยายผมลงเจ๊ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วจ๊าดนี้
เจ้าชายก็ตรอมใจ๋ตาย มะเมี๊ยะเลยไปบวชชี
ความฮักมั๊กเป๋นจะนี้แลเฮ้อ
………
ก็อายจึงเอียง
…..
จึงกำเนิดจุติผกา...ก็กถาเพียง
ฤทธิ์วิเศษพระสุรเสียง...ธ."สุเทษณ์"ดล
"สุเทษณ์"องค์หลงปภัสร์"มัทนา"
มิให้ช้าประมาทจะพลาดผล
"สุเทษณ"อ้างนางหาใคร่ใช่ของตน
มิให้ชนบุรุษไหนได้ครองนาง
"มัททะนา"วะจะนะสาป...วะ"กุหลาบ"ร่าง
สัญลักษณ์รติสิอ้าง...ก็นิรันดร์กาล
สุวคันธ์อันย้อมใจหอมใดเทียบ
กุหลาบเปรียบรักแน่แท้หอมหวาน
สุวคนธ์ดลจิตชิดนงคราญ
กุหลาบปานแก้มถนอมหอมยวนกาม
ฤๅถนนทุรลำบาก...กวะขวากหนาม
ฤๅวะกุพชะกะ*สิงาม...ผิวะท้าทาย
ใคร่จะดอมหอมดอกหนามยอกแล้ว
ว่าไม่แคล้วอกแตกแลกสิ่งหมาย
ใคร่จะดมคมเสี้ยวเกี่ยวใจกาย
ว่าไม่คลายใจก่อขอแลกใจ
รักมิสมปิติประสงค์...ฤดิหลงใหล
ทั่งมิเกรงกะภยะใด…ฤฉะนี้ควร
ตกหลุมกามความรักมักห้าวเหิม
นี่แหละเริ่มอาเพศเหตุผันผวน
ตกหลุมกลคนหลอกหยอกยั่วยวน
นี่แหละล้วนกลกามความรักนอ
……….
*กุพชกะ (อ่านว่า กุบ-ชะ-กะ) ว่า กุพชกะ ในภาษาสันสกฤตมี ๒ ความหมาย คือ กุหลาบและคนค่อม หากยืดเสียงข้างท้ายเป็น กุพชกา (อ่านว่า กุบ-ชะ-กา) จะแปลว่า นางค่อม