~*~ม่านบังตา~*~
๐ ปลายคาบกาลวรรษาท้องฟ้าหม่น
คลับคล้ายกับอกคนกมลหมอง
ลมหนาวเริ่มโชยกลับเข้าจับจอง
กลืนห้วงห้องฟ้าฝั่งอีกครั้งคราว
๐ เมฆลอยเลื่อนเคลื่อนครอบสุดขอบสรวง
พระลบหลบเร้นดวงจากห้วงหาว
ร้างไร้แสงพราวแพรวจากแววดาว
โลกดับราวห้อมห่มด้วยพรมดำ
๐ เย็นยะเยียบเพียบอกสะทกสั่น
เมื่อฟ้ากลั่นน้ำตาเพลาค่ำ
ความเงียบเหงาเลาะลอบเข้าครอบงำ
พิรุณร่ำพรำหลั่งประดังประเด
๐ ปนเสียงแผ่วแว่วคีตประณีตสาส์น
ความอ่านหวานหว่านล้อมเหมือนกล่อมเห่
พิเราะร่ายบรรเลงเพลงบุเพ
ทอนว้าเหว่กลางทรวงจนล่วงรอย
๐ แต่กลับแทรกแซมพิษความคิดถึง
ลอบตอกตรึงลงแล้วอย่างแผ่วค่อย
จากนี้คงเฝ้าฝันทุกวันคอย
รอร่วมร้อยไมตรีไว้ที่เดียว
วลีลักษณา
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒
๐ ปลายคาบกาลวรรษาท้องฟ้าหม่น
คลับคล้ายกับอกคนกมลหมอง
ลมหนาวเริ่มโชยกลับเข้าจับจอง
กลืนห้วงห้องฟ้าฝั่งอีกครั้งคราว
๐ เมฆลอยเลื่อนเคลื่อนครอบสุดขอบสรวง
พระลบหลบเร้นดวงจากห้วงหาว
ร้างไร้แสงพราวแพรวจากแววดาว
โลกดับราวห้อมห่มด้วยพรมดำ
๐ เย็นยะเยียบเพียบอกสะทกสั่น
เมื่อฟ้ากลั่นน้ำตาเพลาค่ำ
ความเงียบเหงาเลาะลอบเข้าครอบงำ
พิรุณร่ำพรำหลั่งประดังประเด
๐ ปนเสียงแผ่วแว่วคีตประณีตสาส์น
ความอ่านหวานหว่านล้อมเหมือนกล่อมเห่
พิเราะร่ายบรรเลงเพลงบุเพ
ทอนว้าเหว่กลางทรวงจนล่วงรอย
๐ แต่กลับแทรกแซมพิษความคิดถึง
ลอบตอกตรึงลงแล้วอย่างแผ่วค่อย
จากนี้คงเฝ้าฝันทุกวันคอย
รอร่วมร้อยไมตรีไว้ที่เดียว
วลีลักษณา
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒