กัญชายาดี
กัญชาหมาเห่าเมาแล้วง่วง
ทั้งปวงคน,สัตว์เดรัจฉาน
ดูด ดื่ม กินคละพอประมาณ
สำราญบันเทิงรื่นเริงพัก
ใช้พอก่อเกิดบรรเจิดแผ้ว
มึนแล้วล้มนอนเพื่อผ่อนหนัก
เมามากยากคุมรุ่มร่ามนัก
เห็นปลักเป็นทะเลรวนเรคิด !
เนิน จำราย
กัญชา
คำ ๆ นี้ปรากฏครั้งแรกในประวัติวรรณคดีไทยเมื่อไหร่
อ๋อ..ตอนเรียนมัธยมปลาย
พระมหามนตรี (ทรัพย์) ท่านนำคำว่า กัญชา มาใช้เป็นคนแรก
ในบทละครเรื่องระเด่นลันได ซึ่งเป็นวรรณคดีไทยสมัยรัชกาลที่ ๓
ในสมัยนั้นมีวรรณคดีที่มีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่ง คือ บทละครเรื่องอิเหนา
กวีจึงแต่งเรื่องนี้เพื่อล้อเรื่องอิเหนา เริ่มเรื่องก็ตลกขบขันชนิดวางไม่ลง
เน้นเรื่องความรักระหว่างตัวละครสามตัว คือ ระเด่นลันได นางประแดะ
และท้าวประดู่ ซึ่งมีส่วนคล้ายคลึงกับเรื่องอิเหนา ที่กล่าวถึงความรัก
ของตัวละครสามตัวเช่นกัน คือ ระเด่นอิเหนา นางบุษบา และท้าวจรกา
บทละครเรื่องนี้ ปรากฏคำว่า “กัญชา” เป็นครั้งแรกในประวัติวรรณคดีไทย
และเป็นอีกคำ ที่บ่งบอกว่า "เมืองไทยใช้กัญชามานานโขแล้ว.."
ตอน เปิดตัวบรรยายถึงนางประแดะ
๏ เมื่อนั้น นางประแดะหูกลวงดวงสมร
ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว
โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย
ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได อรไทผินผันหันข้าง
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง
งามกว่าภัสดาสามี ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง
เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง นางตะลึงแลดูพระภูมี
ฯ ๑๐ ฯ
ระเด่นลันได - พระมหามนตรี (ทรัพย์)
กวีใช้คำเพื่อล้อการใช้คำราชาศัพท์และสะท้อนให้เห็นสภาพชีวิตของแขกแถวเสาชิงช้า แถวโบสถ์พราหมณ์
แขกผู้หญิงนิยมเกล้าผมมวย มีเหา เจาะหูกลวงรูกว้าง
แขกผู้ชายชอบเลี้ยงวัว ขอทาน ขายนม สูบกัญชา
ยังมีอีกตอน ตอนเปิดตัวระเด่นลันได..