O แรงอาลัย .. O
๘
O คงใช่แล้ว-ห่วงหา .. ความอาวรณ์
เริ่มซอกซอนรุมรัดเกินปัดหาย
เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย
ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง
O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น
ฤๅอาจกั้นกีดไหว .. เมื่อใจสั่ง
ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง
ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน
O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา
จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น
บรรโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้า .. ค่ำคืน
จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น
O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย
และวนว่าย .. อาลัยด้วยไหวหวั่น
ย่อมวาดหวัง .. รอยคำ .. ถ้อยรำพัน
มากล่อมขวัญเร้าทรวง .. อย่างห่วงใย
O ย่อมละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง
จะเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว
เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร
ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา
O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้
โอบกายไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา
จะชวนชี้ดาวสวรรค์และจันทรา
กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ
O จากต่างฟ้าต่างแดน .. ที่แสนห่าง
จนแผ้วทางนฤมิตมาชิดใกล้
ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย
จะทอดให้ก้าวย่าง .. ย่ำกลางทรวง
O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า
ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง
ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง
จะเลยล่วงลับได้อย่างไรกัน
O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น
ครั้นห่างเห็นห่วงละห้อยแต่คอยขวัญ
เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์
ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง
O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง
จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง
มาทักทายยั่วล้อ .. จนพอเพียง
ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย
O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางสรวง
โลกล่างปวง .. เย็นเยียบจนเงียบหงอย
ดาวบนฟ้าแสงกระพริบ, ตาปริบปรอย-
ชม้ายชม้อย .. แฝงนัยอยู่ในที
O ดาวจันทร์จึงดับดวง .. จนล่วงสิ้น
รองรับยินดีโลกทั้งโลกที่-
แววอ่อนหวานอ่อนไหว .. แฝงใยดี-
ค่อยหมุนคลี่ม้วนรัดในบัดนั้น !
๑๔
O จากขวัญและขวัญดละคะนึง
ภวะซึ้งก็ล่ามพัน
จวบนัย ณ นัยนะถวัลย์
พะ-ผจัญ, ก็แจ้งความ
O หวานใด ณ ในอุบัติภพ-
ะจะลบ บ่ ให้ลาม
เมื่อนัย ณ นัยนะวะวาม
ดุจะล่ามและรอบล้อม
O หอมใด ณ ในภพะมนุษ-
ยะจะยุด บ่ ให้ยอม
เมื่อเนตรและเจตทะนุถนอม
ดุจะพร้อม .. และยอมใจ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=22-04-2016&group=11&gblog=653