Re: O วิสาขะสมัย .. O
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 พฤศจิกายน 2024, 02:41:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: O วิสาขะสมัย .. O  (อ่าน 4334 ครั้ง)
สดายุ
กิตติมศักดิ์
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 185



« เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2019, 07:19:PM »



O เลื่อมลายรุ้ง...O





O แล้วเลื่อมลายสีรุ้ง..บนคุ้งฟ้า-
ก็ทอดฝ่าเรื้องละออง..แต้มฟองฝน
เผยราศีล้ำล่วงให้สรวงบน-
รู้..อำพนพร่างพรายที่ปลายวัน
O แรงโอภาสงามลออทอดทอสู่
ให้โลกรู้บรรเจิด..ความเฉิดฉัน
สัตตรงค์เรื้องรอง, รูปผ่องพรรณ-
ก็ล้อมขวัญโดยรูป..โลมลูบใจ
O จึงเลื่อมลายสีรุ้ง..บนคุ้งฟ้า-
ก็คลุมครอบลงมา..เกินฝ่าไหว
กุสุมาหวานหอมแวดล้อมใบ-
ค่อยแกว่งไกวรสประทิ่น..ร่ำรินพร้อม
O ฝนทิ้งช่วง, ดวงวัน-ถวัลย์รูป
ลมผ่านลูบโลมถิ่นด้วยกลิ่นหอม
โดยรูปคราญ..จึงถวิลแต่ยินยอม-
การหว่านล้อมหวานรสเข้าบดเบียน
O สรวงเบื้องบนชลอลงก็คงใช่
เมื่อหัวใจต้องหวาน..จนผ่านเปลี่ยน
หลังรูปองค์..พักตร์ละม่อม..คอยล้อมเวียน
ตา..เนื้อเนียน..ปรารมภ์..อย่างสมยอม
O แต่สบรูปงามลออ..ก็รออยู่-
ว่านัยชู้รสละลานด้วยหวานหอม-
จะแผ่รอยรสล้ำให้ด่ำดอม
จนหลั่งหลอมแรงชู้..ซ่านสู่ใจ
O ปุยเมฆขาว, ฟ้าคราม..แห่งยามนี้
สายลมวีวาดพรรณ, ที่สั่นไหว-
คืออาวรณ์แหนหวงพร้อมห่วงใย-
พลุ่งเปลวขึ้นโลมไล้หัวใจคน
O จะรู้ฤๅ..ว่าอกสะทกสะท้อน-
จากอาวรณ์สุมสั่งกี่ครั้งหน ?
จะรู้ฤๅ..ว่าวิตกอันวกวน-
ด้วยอับจนถ้อยคำ..ร้อยรำพัน !
O ต้องเยี่ยงไรเล่าหนอ..จะพอเทียบ-
ความ, คำ เปรียบปรุงนัย..ดั่งใฝ่ฝัน
ทั้งอาวรณ์อาลัย..ยามไกลกัน-
อย่างลึกซึ้งผูกพัน..นะขวัญน้อย ?
O กี่ครั้งและกี่คราแววตานั้น-
คอยไหวสั่นวาบแล้ว..จากแผ่วค่อย-
จนวับวามแววผกาย..ดูคล้ายคอย-
เหลือบชม้อยชม้ายความ..ออกตามใจ
O ไม่มีความหม่นมัวแห่งตัวตน-
จักบันดลกำลังขึ้นตั้งได้
หรือส่วนเสี้ยวโศกสร้อย..สักรอยใด-
จะอาจไล้โลมอกให้ฟกช้ำ
O เพียง..บางการแทรกแฝงของแรงหวง-
อาจโชนช่วงโลมอก..พาวกต่ำ
เพียง..บางความโดดเดี่ยวคอยเคี่ยวกรำ-
ให้จิตคร่ำครวญหา..ด้วยอาวรณ์
O จึงบ่อยครั้ง..เฝ้าคอยรูปรอยชู้-
ราวผึ้งภู่ห้อมเห่รสเกสร
มีหวานหอมอาลัยดุจไฟฟอน-
คุ..โชนร้อนเร้ารุมคอยสุมทรวง
O จะ..หม่นเมฆทึมทาฟากฟ้าบน
หรืออำพนแจ่มแจ้ง..ทั้งแหล่งสรวง
ก็จะเพียงรูปพิไล..ที่ในดวง-
ตาคู่หวงแหนงามสุดห้ามใจ
O จึงว่ารุ้งรองเรืองที่เบื้องหน้า-
ทาบโค้งฟ้าเบิกบทความสดใส
ก็เช่นเมื่อรูปเงาแห่งเยาว์วัย
กั้นขวางให้รูปจริต..คอยติดตา
O สายหยุด..เจ้าหยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย
เมื่อแดดฉาย..ลมเห่..ห้วงเวหา
ฝากรำพัน..ลมเอย-รำเพยพา-
ปรารถนาอาลัย..พร้อมใจนี้-
O –อยู่รายล้อมกล่อมเกล้าลบเปล่าเปลี่ยว
ทุกเหลือบเหลียวคอยเคียงแต่เพียงพี่
กระซิบฝากปรารถนาผ่านวาที-
ให้ลมวีวาดสายรำบายความ
O อ้อมกอดแห่งราตรีเมื่อคลี่คลุม-
จงโอบอุ้มนวลพรรณ..ให้-หวั่น..หวาม
แสงดาวจงกระพริบรับอยู่วับวาม
ให้อาวรณ์ลุกลามในท่ามกลาง-
O –ความอบอุ่นละมุนละไมห้วงใจนั้น
ที่จะสั่นระทึกอยู่..จนตรู่สาง
เฝ้ารอคอยแขนหนุน..อกอุ่น-วาง-
นิ่มนวลปรางแนบซบ..ผ่านพลบนั้น
O เอ็นดู..ความรุมเร้าแห่งเยาว์วัย
ดูเถิด..อกทรวงใครหนอ..ไหวสั่น ?
เสียงออดอ้อนแว่วอยู่..ฤๅ-รู้กัน-
การแทรกขวัญฝากรูป..ให้จูบประคอง !

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2010&date=11&group=11&gblog=283

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

สุวรรณ, พี.พูนสุข, Mr.music, พิณจันทร์, @free, ไผ่เดียวดาย

ข้อความนี้ มี 6 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s