O ศพชาย .. ที่ปลายวัย O
O วาทกรรมรำบายเมื่อบ่ายคล้อย
แว่ว-ล่องลอยลามรุก .. ครอบยุคสมัย
กล่อมชาติพันธุสยาม .. ถึงความนัย-
ทัศนะอัตวิสัย – แห่งใครนั้น
O คลื่นลมร้อนพลิ้วผ่านฝ่าลานเมือง
ผ่านต่อเนื่องล้อมใจจนไหวสั่น
ที่การศึกครึกโครม .. เขาโรมรัน
เพื่อพลิกผันเปลี่ยนม้า .. กลางนาคร
O จากแรกเช้าเข้าสายจนบ่ายค่ำ
จิตสูงต่ำถ่ายทอดความ-ขอดค่อน
แทรกขุนทองเจื้อยแจ้ว .. เสียงแว่ววอน-
ดัง-สะท้อน .. ก้าวย่างที่ต่างกัน
O มาแล้ว .. เพื่อมาดู .. ให้รู้เห็น
การบีบเค้นยุคสมัยด้วยใจมั่น-
ไปกับแผนการประณีต-เพื่อกีดกัน-
เหนี่ยวรั้งฝันคับแค้น .. ถมแผ่นดิน
O เหมือนลมพลิ้วผ่านศัพท์ให้รับรู้
ว่า-รูปเคยเชิดชูต้องรู้สิ้น-
ไปตามกฎอนิจจัง, ต้องพังภินท์-
พรากเหลือบริ้นเรือดไรเคยไต่ตอม
O เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ .. จนรู้โลก
ที่สุขโศกพร้อมสรรพ เฝ้าขับกล่อม
ที่ความสัตย์เริ่มแรกถูกแทรกปลอม-
ด้วยความเท็จป้ายย้อม .. แวดล้อมใจ
O พญาโศกโหยหวนเสียงครวญคร่ำ
รับความช้ำความชอก .. ระลอกใหม่
ภาพของเชื้อฟืนรุมเข้าสุมไฟ
ซ้อนภาพการลุกไหม้ .. ที่ใจรอ
O เศร้าเสียงพญาโศก .. เมื่อโลกต่ำ-
มีลมร่ำล้อมสุมาลย์เชิดก้านช่อ
การสิ้นสุดขลาดเขลา .. ก็เคล้าคลอ-
กรรมบทสืบต่อ .. ที่ก่อตัว
O เศร้าเสียงคีตหวีดแว่ว .. ยังแว่วซ้ำ
เมื่อเพรงกรรมซ่อนเร้นเริ่มเห็นทั่ว
ภาพพฤติ ของคน .. จึงหม่นมัว-
กับเพียงชั่วศรัทธา-หล่นคาเท้า !
O พลิ้วแผ่วลมยามบ่าย .. ยังบ่ายโบก
ล้อมกรรโชกภาพฝันจากวันเก่า
หลุดร่อนความเชื่องเชื่อ .. ไม่เหลือเงา-
การคู้เข่าค้อมหัว .. แค่ชั่วคืน !
O ลมบ่ายยังบ่ายโบกบอกโลกสูง
ว่า-ถ้วนฝูงตัวงอ .. จักขอขืน-
สิทธิ์ที่มีจำกัด .. ขึ้นหยัดยืน-
ร่วมฝ่าฝืนยศศักดิ์ .. อีกสักครั้ง !
O แดดบ่ายคล้อยอ้อยอิ่ง ยังทิ้งตัว-
ลงเกลือก-กลั้วเหงื่อไคลที่ไหลหลั่ง
ภาพ-ปืนลั่นแผดเปรี้ยง - เพรียกเสียงชัง-
ซ้อนภาพ-การกลบฝัง .. ทิพทั้งเป็น !
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2018&date=04&group=212&gblog=11