กาพย์กลอน
๏ กาพย์กลอนอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง เจ้ารู้ซึ้งว่าคืออะไรไหม
ฤๅตามืดหูมิดไร้จิตใจ ไม่รู้รสทิพย์ฝันวรรณคดี ฯ
๏ เพชรพลอยแห่งถ้อยคำทิพย์ จิบดื่มดุจอำมฤตวิเศษศรี
พร้อมแง่ญาณปัญญาบารมี ลำนำดนตรีเพริศพริ้งพราย ฯ
๏ ลายสือขวัญอันหลั่งไหลหอม ย่อมเป็นกาพย์กลอนอันเฉิดฉาย
พร้อมคติธรรมลึกซึ้งคมคาย ซ่อนไว้ประเสริฐสวยด้วยอารมณ์ ฯ
๏ ดั่งดาริการะย้าระยับสวรรค์ นั้นคือกาพย์กลอนสวยซึ้งสม
รจนาจากฟากฟ้ามหาพรหม ณ ครั้งปฐมกัปป์จับใจรัก ฯ
๏ กลอนกาพย์ซาบซึ้งไพเราะเลิศ เกิดจากวิญญาณอันสูงศักดิ์
เสียสละปัญญายิ่งยงนัก ประณีตรักค่าวิสุทธิ์ยุติธรรม ฯ
๏ โลกนี้มีกาพย์กลอนซ่อนนิ่ง ในสรรพสิ่งสุนทรีย์ลึกล้ำ
ทุกดินน้ำลมไฟเก็บงำ คติธรรมอมตะสะอาดงาม ฯ
๏ อดีตมหากวีธรณีและฟ้า เคยรจนาภาษากล่อมโลกสาม
กาพย์โศลกขวัญอันนิรนาม ละลายลอยตามสวรรค์อนันตกาล ฯ
๏ หลายกาพย์กลอนฉะอ้อนลมบน ปนลมหายใจชีพไหวสะท้าน
นฤมิตกุศลจิตรนานาประการ กว่าหว่านทานแก้วแหวนเงินทอง ฯ
๏ คืออดีตมหากวีมีมรดก ตกทอดหล้าเล่ห์ส่วยฟ้าฉลอง
แววตาใดคมรุ้งเรืองรอง มองเห็นบ่ห่อนหมดบทกวี ฯ
๏ ในหฤทัยของใครบ้าง ที่ไร้ร้างกาพย์แก้ววิสุทธิ์ศรี
ในใจสัตว์เศรษฐกิจไม่มี แม้แต่ธุลีละอองของวรรณกรรม ฯ
๏ ชาติงกโลภหลงกอบโกยกิน ไม่สุดสิ้นกิเลสมารมากล้ำ
รังเกียจนักกักขฬะอธรรม ทำโลกระยำอำมหิตนิจกาล ฯ
๏ ขอบทกวีมีขึ้นประดับโลก ช่วยดับโศกทั่วฟ้ามหาสถาน
นำสัตว์พ้นอาภัพสรรพภัยพาล เริ่มกาลพระศรีอาริย์เมตไตรย ฯ
๏ กระทั่งสัตว์กินเมืองเฟื่องฟู รู้ฉลาดกว่าสัตว์เลื้อยคลานใหญ่
นั่นแหละยุคทองของกวีไทย รอฟ้าใหม่ร้อยกัปป์นับเทอญ ๚ะ๛
อังคาร กัลยาณพงศ์
จากหนังสือ “ปานมณีรุ้ง” บทกวีนิพนธ์คัดสรร
ของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
"อ่านยามอากาศร้อนอบอ้าว.. ตื่นใจนักแล.."