https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_5171
ถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สถานะความเป็น “พระเจ้าแผ่นดิน”
ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงได้รับการฟื้นฟูขึ้น
เพื่อแสดงความสืบเนื่องของแผ่นดินตั้งแต่สมัยอยุธยา มาจนถึงสมัยของพระองค์ (รัชกาลที่ ๔)
หลักฐานปรากฏอยู่ในเอกสาร “ประกาศพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๐๘ ที่ตรัสเรียกว่า “กรุงธนบุรี” แปลว่าพระเจ้าแผ่นดินธนบุรี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงกล่าวใน “พระราชกรัณยานุสร” ว่า พระนามเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่ยกย่องขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินคงมีอยู่แน่ แต่ไม่ปรากฏ (หลักฐาน) ดังที่ได้ตรัสว่า “พระนามเดิมคงมีอยู่ แต่จะใช้พระนามไร ก็ไม่รู้ที่จะสันนิษฐานต้องยกไว้”
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ตรวจชำระแก้ไขพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ พระองค์ได้ขนานพระนามสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสียใหม่ตามพระวินิจฉัยส่วนพระองค์ว่า
“สมเด็จพระบรมราชา องค์ที่ ๔” ซึ่งนักพงศาวดารไทยก็ได้ยึดถือตามกันมาและถือเป็นพระนามทางการของพระองค์ไป
อย่างไรก็ดี ภายหลังสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงวินิจฉัยตามหลักฐานที่ปรากฏในภายหลัง ระบุว่า พระนามที่แท้จริงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีควรจะเป็น “สมเด็จพระเอกาทศรถ” อันเป็นพระนามที่กษัตริย์ตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรมทรงใช้
สืบต่อกันมา รวมถึงพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย ดังที่ปรากฏพระราชโองการตั้งเจ้านครศรีธรรมราช
นอกจากนี้ สุทธิศักดิ์ ยังพบว่า ข้อสันนิษฐานภายหลังของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีหลักฐานอื่นรองรับอีกหลายชิ้น เช่นพระราชสาส์นล้านช้าง ซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพระราชทานไปถึงพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔ ที่จดพระนามร่วมสมัยของพระองค์ว่า “สมเด็จพระมหาเอกาทุศรุทอิศวรบรมนารถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว” ตามด้วยพระราชสาส์นล้านช้าง
พ.ศ. ๒๓๑๗ ที่ออกพระนามว่า
“สมเด็จพระมหาเอก (า) ทศรธอิศวรบรมนารถบรมบพิตรฯ”
เมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงตรวจชำระแก้ไขพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา พระองค์ได้แก้ไขพระวินิจฉัยเดิม และแก้พระนามของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีใหม่เป็น “พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว” ซึ่ง สุทธิศักดิ์ กล่าวว่า พระนามดังกล่าวถอดความได้ว่า พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นใหญ่ผู้ครอบครองราชรถทั้งสิบเอ็ดรถ
อย่างไรก็ดี สุทธิศักดิ์ มองว่า พระนามดังกล่าวมิได้เป็นพระเกียรติยศสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน
“จึงเห็นควรปริวรรตพระนามตามอักขรวิธีในปัจจุบันเป็น ‘พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรุทรอิศวร’ แปลว่า
พระเจ้าแผ่นดินผู้แบ่งภาคมาจากเทพยดาผู้เป็นใหญ่ทั้ง ๑๑ พระองค์ คือ
พระพรหม พระพิษณุ พระอิศวร พระพาย พระพิรุณ พระเพลิง พระยม พระไพศรพณ์ พระอินทร์ พระจันทร์ และพระอาทิตย์
ตามคติความเชื่อใน ‘ลัทธิเทวราช’ ของศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการจรรโลง
สิทธิธรรมในการขึ้นครองราชสมบัติของพระเจ้าแผ่นดินในอดีต”
ด้วยเหตุนี้ สุทธิศักดิ์ สรุปว่า
“สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงควรมีพระนามทางการตามจารึกในพระสุพรรบัฏว่า ‘สมเด็จพระเอกาทศรุทรอิศวร’ นับเป็นพระองค์ที่ ๖ ถัดจากพระบาทสมเด็จเอกาทศรุทรอิศวรที่ ๕ (สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ)” ไม่ใช่สมเด็จพระบรมราชา พระองค์ที่ ๔ อย่างที่ยึดถือกันมาแต่เดิม
อ้างอิง: “พระนามทางการที่ปลาสนาการของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี”.
สุทธิศักดิ์ ระบอบ สุขสุวานนท์. ศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ธันวาคม ๒๕๕๓
ผู้เขียน เมฆา วิรุฬหก
เผยแพร่ วันพฤหัสที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2560
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
21 พฤศจิกายน 2024, 11:03:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: "สิน" องค์เจ้าตาก (อ่าน 5557 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: