~*~ในเหมันต์~*~
๐ พรายแดดพลบเรื่อสายที่ปลายฟ้า
ตะวันลาลับดวงจากห้วงหาว
เริ่มช่วงราตรีกาลแสนนานยาว
ผลักเรื่องราวล่วงวารผันผ่านไป
๐ ถวิลถ้อยอ่อนหวานเมื่อวานนั้น
ยิ่งล่วงผ่านนานวันยิ่งหวั่นไหว
ด้วยเหตุว่าหนทางที่ห่างไกล
เกรงว่าใคร "คนนั้น" จะผันแปร
๐ หวั่นโซ่รักหักรานไม่นานร้าว
จนเหน็บหนาวในจิตด้วยพิษแผล
หากว่าคน "หนึ่งเดียว" ไม่เหลียวแล
ชีพนี้แม้หยัดยืน..ก็ฝืนทน
๐ ค่ำหนาวในปีนั้นที่ผันผ่าน
กลางริ้วลมโลมลาน..กิ่งก้านสน-
ไหวสะท้านเรียวใบแกว่งไกวจน
บ้างปลิดขั้วร่วงหล่นลับพ้นไป
๐ ลืมหรือยัง? สร้อยกานท์แสนหวานล้ำ
สานถ้อยคำออดอ้อนให้อ่อนไหว
ที่เผยจากกมลของคนไกล
เป็นความนัยเน้นหนักว่าภักดี
๐ สนพลิกพลิ้วเรียวใบ..เยี่ยงใจสั่น
แกว่งไกวขวัญแทบคว้างออกห่างที่
วันนั้นแรงอาลัยที่ใจมี
ผ่านรอบปี..ลดลงหรือคงเดิม?
๐ สายลมหนาวหวนมาอีกคราหนึ่ง
พารำพึงเรื่องราวเมื่อคราวเริ่ม
หวั่นไหวยามเฝ้ารอรักต่อเติม
คล้ายยิ่งเพิ่มรอยหม่นเมื่อพ้นวัน
๐ เดือนยังคงเพ็ญดวงกลางสรวงโพ้น
เฉกแสงโชนช่วงกลางหนทางฝัน
ในความจริงอกเพียบแต่เงียบงัน
ติดบ่วงทัณฑ์พันธนาเกินกว่าคลาย
๐ แก้วกรุ่นกลิ่นรินร่ำในค่ำนั้น
ความหอมนั่นมิต่างมิจางหาย
ยามก้านช่อโอนอ่อนขจรขจาย
อวลตามสายลมรื่นอันชื่นเย็น
๐ ต่างก็แต่หนึ่งใครต้องไกลห่าง
เพียงเงารางกลางทรวงให้ห่วงเห็น
แก้วไหวช่อสะท้านกลางลานเพ็ญ
งามก็เช่นเดียวกันกับวันวาน
๐ คนไกล..แก้วดอกหอมยังหอมอยู่-
ให้รับรู้ล่วงวันที่ผันผ่าน
อกคนเล่าพลัดแดนไปแสนนาน
กลิ่นหอมหวานรวยรื่น..ชื่น..หรือ..ชัง
๐ จำได้ไหมค่ำหนาวในคราวนั้น
ร่ายรำพันความนัยชวนให้หวัง
ถ้อยหวานล้ำด่ำดื่มลืมหรือยัง
ใครหนอสั่งเสกมนต์เข้าดลใจ
๐ รอวันเดือนร่วมร้อย......รวมชนม์
นับรอบเหมันต์วน...........ไป่เว้น
ลมเอยช่วยบอกคน.........แดนห่าง
ปวงพากย์นี้เพื่อเน้น.........ชอบนั้นมากไฉน
๐ ลมหนาวโชยผ่านเนื้อ....เหน็บหนาว
ไกลสุดตาแพดาว.............พร่างแพร้ว
คำนึงเนตรวาบวาว...........ระยับยั่ว-
หยอกอยู่ไม่รู้แล้ว.............ห่อนร้างสวาทหมาย
๐ ปรารมภ์ลอยล่องฟ้า.....โลมทรวง
วางรักลงแนบดวง-............จิตผู้-
ไกลสุดฝั่งฟากสรวง..........เกินสบ
เรียงบทฝากให้รู้...............บ่ร้างคะนึงหาฯ
วลีลักษณา
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ที่มา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=11-2018&date=05&group=26&gblog=117